ตอนที่ 346 เพียงสองเดือนที่หายไป ฉินหร่านกลับมาเขย่ามหาวิทยาลัยเมืองหลวงอีกครั้ง

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

หอพักนักศึกษาชาย

สิงไคเปิดเว็บทะเบียนศึกษา ก่อนกรอกเลขประจำตัวนักศึกษาของตัวเองและรหัสผ่าน

ระบบดาวน์โหลดช้าเล็กน้อย ใช้เวลาสองนาทีเขาถึงเข้าหน้าเว็บทะเบียน สิงไคคลิกแถบคอลัมน์คะแนนอย่างรวดเร็ว ก่อนเปิดดูคะแนนของตัวเอง

คะแนนเรียงจากด้านบนลงล่าง

ล้วนเป็นเกณฑ์ต่ำกว่ามาตรฐานทั่วไป

เขามองข้ามวิชาที่ไม่จำเป็น เพียงมองดูสามวิชาของสาขาหลักเท่านั้น

ฟิสิกส์ปีหนึ่ง: 63

คอมพิวเตอร์พื้นฐาน: 59

คณิตศาสตร์ระดับสูง; 41

สิงไค: “……”

แม้เขารู้ดีว่าตัวเป็นนักศึกษาวิศวกรรมอัตโนมัติที่แย่ที่สุดคนหนึ่ง แต่ว่าวิชาคณิตศาสตร์ระดับสูง41คะแนน ยังคงสะเทือนใจเขาอยู่ลึกๆ

เขาละสายตา มองหาคำปลอบใจจากเมทคนอื่น

เมื่อได้ยินว่าคะแนนคณิตศาสตร์ระดับสูงของเมททั้งสองของคนหนึ่ง55คะแนน อีกคน51คะแนน สิงไคก็รู้สึกชื่นใจขึ้นมาทันที

เมื่อทำใจได้แล้วถึงกล้าถามฉู่หัง “ฉู่หัง นายได้เท่าไหร่?”

เขาพูดพลางเดินเข้าไปหาฉู่หัง ฉู่หังเพิ่งเปิดถึงหน้าเว็บคะแนนพอดี

ก่อนอ่านจากด้านบนลงมา

ฟิสิกส์ปีหนึ่ง: 87

คอมพิวเตอร์พื้นฐาน: 89

คณิตศาสตร์ระดับสูง: 80

สิงไคและเมททั้งสองต่างไม่พูดไม่จา รับรู้ได้ว่าไม่ควรเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับเขา จึงไปหาเพื่อนคนอื่นเพื่อดามใจ อาจารย์ฝึกสอนกลุ่มหนึ่งกำลังปลอบใจนักศึกษาทั้งหลายอยู่: [การสอบวิชาเลขขั้นสูงครั้งนี้ วิศวกรรมอัตโนมัติทั้งหมดสี่ห้อง160คนมีเพียง10คนที่สอบผ่านเท่านั้น]

เมื่อได้ยินอาจารย์ฝึกสอนพูดเช่นนี้ สิงไคก็สามารถถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก: “ฉันก็รู้อยู่ว่าข้อสอบครั้งนี้เปลี่ยนไปมาก”

เมื่อฉู่หังได้ยินพวกเขาพูดคุยกันก็นึกถึงฉินหร่านขึ้นมา เขามองสิงไค: “นายรู้คะแนนฉินหร่านไหม? ฉันเห็นเธอส่งข้อสอบก่อนตลอด”

สิงไคกับหนานฮุ่ยเหยาเล่นด้วยกันจึงค่อนข้างสนิทกัน ดังนั้นฉู่หังจึงถามเขาได้

ทว่านึกถึงท่าทีสุดโต่งของฉินหร่านก่อนหน้านี้ สิงไคก็เงียบสักพัก ไม่กล้าถามฉินหร่าน เพียงทักแชทส่วนตัวหาหนานฮุ่ยเหยา

**

หอพักนักศึกษาหญิง

หนานฮุ่ยเหยานั่งอยู่หน้าคอม วันนี้ฉินหร่านไม่อยู่มหาวิทยาลัย ระบบทะเบียนของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงสามารถเข้าได้เฉพาะในเขตวิทยาการเท่านั้น

เธอใส่หูฟังคุยแชทบันทึกเสียงกับฉินหร่าน

ส่วนฉินหร่านอยู่ในห้องหนังสือ นั่งอยู่หน้าคอมโดยพาดหูฟังไว้ที่คอ พลางอ่านหนังสือวิศวกรรมนิวเคลียร์อยู่

ซ่งลี่ว์ถิงเคยบอกกับเธอว่าคะแนนการสอบครั้งนี้สำคัญอย่างมาก คนที่ไม่สนใจเรื่องคะแนนสอบอย่างเธอ จึงวางปากกาลง ก่อนเอื้อมหยิบคอมจากอีกฝั่ง

“คะแนนออกแล้วเหรอ?”

หนานฮุ่ยเหยาชะงักไป “เพิ่งออกเมื่อกี้เลย การสอบครั้งนี้ยากมากๆ ส่วนใหญ่ในคณะมีคนสอบผ่านวิชาเลขขั้นสูงเพียง10คนเอง สอบได้ไม่ดีไม่เป็นไรหรอก”

ฉินหร่านที่คุยอยู่ปลายสายไม่รู้ว่าหนานฮุ่ยเหยากำลังพูดปลอบใจตัวเองอยู่

เมื่อได้ยินว่าคะแนนออกแล้ว เธอจึงเปิดคอมเข้าระบบทะเบียน ก่อนค้นหาคะแนนของตัวเอง เมื่อเห็นว่าเป็นไปตามคาดหมาย จึงแคปหน้าจอส่งให้ซ่งลี่ว์ถิง ถามเขาว่าพอได้หรือไม่

หนานฮุ่ยเหยาเห็นว่าฉินหร่านไม่พูดจาอยู่นาน ก่อนรีบพูดขึ้น: “หร่านหร่าน เธออยู่ข้างนอกใช่ไหม ถ้าอยู่ข้างนอกจะเข้าระบบของมหาลัยไม่ได้ ให้ฉันช่วยตรวจนะ จะว่าไปแล้ววิชาเลขขั้นสูงของฉันได้แค่58คะแนนเอง”

“เอาเถอะ” ฉินหร่านหลับตา จากนั้นพิมพ์เลขนักศึกษากับรหัสผ่านของตัวเองส่งให้หนานฮุ่ยเหยาอย่างเป็นมารยาท “รบกวนเธอด้วยนะ”

“ไม่มีปัญหา” หนานฮุ่ยเหยาที่คุยโทรศัพท์ในห้องพักก็วางสายไป

เหลิ่งเพ่ยซานเอนหลังพิงเก้าอี้ เปิดอ่านเว็บบอร์ด

มีข้อความพูดถึงฉินหร่านจำนวนมาก ชื่อเสียงของดาวมหาลัยหัวกะทิดังออกไปถึงด้านนอก แม้แต่มหาวิทยาลัย Aก็มีคนเข้ามาดูไม่น้อย

เหลิ่งเพ่ยซานโยนโทรศัพท์บนโต๊ะ “เธอคิดว่าฉินหร่านจะสอบได้เท่าไหร่? คนในมหา’ลัยให้ความสำคัญกับคะแนนของเธออย่างมาก เธอฉลาดขนาดนั้น ต้องสอบได้ดีแน่นอน”

เธอยืนขึ้น เดินไปหาหนานฮุ่ยเหยา พลางจิบปาก

หัวคิ้วของหนานฮุ่ยเหยาขมวดเข้าหากัน เธอกรอกเลขรหัสนักศึกษาและรหัสผ่านของฉินหร่านเข้าไปใหม่แต่ไม่ได้กดเข้าระบบ

แท้จริงแล้วขณะที่เหลิ่งเพ่ยซานกำลังพูด เธอไม่คิดจะกดเข้าสู่ระบบ

“ทำไมไม่ช่วยเธอหาล่ะ?” เหลิ่งเพ่ยซานเดินมาถึงข้างตัวเธอก่อนโค้งตัวหยิบเมาส์ของหนานฮุ่ยเหยา คลิกเข้าสู่ระบบ

“เหลิ่งเพ่ยซาน? !” หนานฮุ่ยเหยาไม่คิดว่าเหลิ่งเพ่ยซานจะยุ่งกับคอมของเธอ ก่อนคว้าเมาส์ไปอย่างรวดเร็ว

ทว่าเหลิ่งเพ่ยซานก็คลิกเข้าสู่หน้าคอลัมน์คะแนนเสียแล้ว เธอจับเมาส์ ก่อนมองหน้าจอคอมอย่างไม่แยแส เธอเหม็นขี้หน้าฉินหร่านมานานแล้ว ใบหน้าที่เสแสร้งไม่ใส่ใจ แต่กลับเรียกร้องความสนใจอยากเรียนวิชาเอกสองวิชา

วันนี้จะทำให้คนได้เห็นว่าเจ้าคนที่อยากเรียนวิชาเอกสองวิชาก็เป็นแค่เรื่องน่าขำเรื่องหนึ่งเท่านั้น

เหลิ่งเพ่ยซานไม่รู้สึกว่าฉินหร่านจะสอบได้คะแนนดีเท่าไร่ หากเธอสอบได้คะแนนดีจริงๆ คงโพสต์คะแนนตัวเองลงหน้าเว็บบอร์ดแล้ว จะทำให้คนคาดเดาไปต่างๆ นานาทำไม?

มุมปากของเธอยกขึ้นเผยให้เห็นรอยยิ้มเหน็บแนม ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น คะแนนจากคอลัมน์ก็ปรากฏขึ้น

จากด้านบนถึงด้านล่าง

ฟิสิกส์ปีหนึ่ง: 100

คอมพิวเตอร์พื้นฐาน: 100

คณิตศาสตร์ขั้นสูง: 100

รอยยิ้มเย้ยหยันของเหลิ่งเพ่ยซานแข็งค้างโดยพลัน

การสอบของสาขาวิศวกรรมอัตโนมัติครั้งนี้ยากผิดปกติ ไม่ใช่แค่วิชาคณิตศาสตร์ขั้นสูง ฟิสิกส์และคอมพิวเตอร์พื้นฐานก็ไม่ง่ายเลย แม้แต่ฉู่หังที่ไม่นับว่าสอบได้คะแนนดี ก็ถูกคนแสดงความนับถือ

หลังจากข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์ขั้นสูงออกมา แม้แต่คนของคณะคณิตศาสตร์เองก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคนที่สอบได้80คะแนนก็เทพมากแล้ว

แต่ฉินหร่านได้ 100 คะแนน? !

เหลิ่งเพ่ยซานไม่อยากจะเชื่อ เธอหยิบเมาส์ก่อนกดรีเฟรชหน้านั้นอีกครั้ง

คะแนนที่ปรากฏออกมาในหน้ารีเฟรชก็ยังเป็นแถว100 คะแนนเช่นเดิม

เหลิ่งเพ่ยซานถอยหลังไปก้าวหนึ่งด้วยท่าทางที่ไม่อยากจะเชื่อ “เป็นไปได้ไง?”

เธอสอบได้ดีขนาดนี้ ทำไมไม่พูดอะไรสักคำ? ! แล้วทำไมหนานฮุ่ยเหยาถึงปิดบังอยู่ได้? !

อย่าว่าแต่เหลิ่งเพ่ยซานเลย แม้แต่หนานฮุ่ยเหยาที่เห็นคะแนนของฉินหร่านก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรทั้งนั้น

หยางอี๋ที่ถือเสื้อผ้าเดินเข้ามา เมื่อเธอเห็นท่าทีของทั้งคู่ ก็ชะงักไป: “เป็นไรไป”

หนานฮุ่ยเหยาไม่ตอบเพียงชี้ไปที่หน้าคอม

หยางอี๋ดันแว่นตาบนสันจมูกก่อนเดินเข้าไปดูที่คอม ก็พลันนิ่งเงียบ

“สมกับเป็นจอหงวนระดับประเทศ” ผ่านไปครู่ใหญ่ หนานฮุ่ยเหยาจึงแสร้งทำเป็นนั่งเก้าอี้อย่างใจเย็น ก่อนบันทึกหน้าจอส่งให้สิงไค “ใช้ความคิดของคนทั่วไปมาตัดสินไม่ได้จริงๆ “

คำพูดของหนานฮุ่ยเหยาทำให้เหลิ่งเพ่ยซานทนฟังต่อไปไม่ไหว เธอก้มหน้าหยิบโทรศัพท์ เดินออกจากห้องด้วยสีหน้าดูไม่ได้เล็กน้อย

เมื่อเห็นว่าเธอเดินออกไปแล้ว หนานฮุ่ยเหยาถึงตะเกียกตะกายขึ้นโต๊ะ มองดูคะแนนของเทพสาวบนหน้าจอคอมโดยไม่พูดอะไร

ผ่านไปครู่หนึ่ง

เธอเปิดโปรไฟล์ของ [มหาพงไพร] นำเรื่องนี้อธิบายให้เธอฟัง

[เปิดเทอมมาก็เรียนควบสองวิชา ทั้งไม่เคยเข้าเรียนวิศวdii,อัตโนมัติสักคาบ เจ้าตัวเป็นแบบนี้ตลอดเลยsiv? ! ก่อนสอบยังมาถามฉันว่าวิศวกรรมอัตโนมัติเรียนอะไร แต่สอบออกมาได้100หมดเลยเนี่ยนะ? ! ]

มหาพงไพรตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว

[ใจเย็น]

[ก่อนที่เธอจะสอบเข้ามหาลัยก็ลาหยุดไปแปดเดือน เอาเวลาไปเที่ยวต่างประเทศ วันที่หนึ่งเดือนห้ากลับมาสอบ ต่อมาวันที่ห้ากระดูกมือซ้ายหัก แบกสภาพไม่สมประกอบไปสอบจนกลายเป็นจอหงวนระดับประเทศ ได้คะแนน 747 คะแนน เธอคิดว่าทำให้คนอื่นประสาทเสียไหมล่ะ? ]

หนานฮุ่ยเหยา: “……”

หลังจากที่หนานฮุ่ยเหยาแคปภาพคะแนนของฉินหร่านส่งให้สิงไค ก็ถูกส่งต่อลงกลุ่มวิศวกรรมอัตโนมัติอย่างรวดเร็ว จากนั้นถูกคนโพสต์ลงเว็บบอร์ดของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงอีกครั้ง

“[รูปภาพ ] [รูปภาพ ] [รูปภาพ]รูปแรกคือคะแนนเต็มสามวิชา รูปที่สองคือข้อสอบคณิตศาสตร์ขั้นสูงข้อสุดท้าย ส่วนรูปที่สามมีใครมองออกไหม? ศาสตราจารย์ภาควิชาคณิตศาสตร์ออกไปส่งข่าวให้ผู้อำนวยการทั้งศาสตราจารย์ออกไปหารือกับสาขาฟิสิกส์ในวันเดียวกัน บอกว่า สาขาฟิสิกส์ดูถูกอัจฉริยภาพของสาขาคณิตศาสตร์ ฉันก็รู้สึกว่าทำไมถึงทำให้คนเก่งกลายเป็นไร้น้ำยาได้แบบนี้ (อิโมจิยิ้ม)”

“[รูปภาพ] ไม่มีใครเป็นห่วงคะแนนวิศวกรรมนิวเคลียร์ของเธอเลยเหรอ? พวกเราชาววิศวกรรมนิวเคลียร์ไม่คู่ควรได้รับเกียรติรึ?” คะแนนวิศวกรรมนิวเคลียร์ไม่สามารถตรวจสอบได้ ทว่าอาจารย์ชั้นผู้ใหญ่ต่างมีคะแนนรวมไว้แล้ว ฉินหร่านยังคงได้คะแนนเต็ม เป็นอัจฉริยะที่ถือตัวยิ่ง

ใช้เวลาเพียงสองเดือน หลังจากฉินหร่านอยู่ที่มหาวิทยาลัยนี้อย่างเงียบๆ เป็นเวลานาน ก็ได้กลายเป็นหัวข้ออันร้อนแรงของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงเป็นวงกว้าง

**

เขตอวิ๋นจิ่น

ฉินฮั่นชิวกำลังเปิดอ่านเอกสารฉบับหนึ่งอย่างเคร่งเครียด อาเหวินที่นั่งอยู่ตรงข้ามจ้องมองเขาเขม่ง

เมื่อโทรศัพท์ข้างตัวดังขึ้น

ฉินฮั่นขิวก็ตกใจโหยง รีบรับโทรศัพท์ทันที เป็นสายจากฉินซิวเฉิน “ซิวเฉินเหรอ ไม่ใช่ว่าฉินหลิง…..”

เมื่อปลายสายพูดขึ้น ฉินฮั่นชิวยืนขึ้นโดยพลัน “อะไรนะ? ! เสี่ยวหลิงไม่เป็นไรใช่ไหม?”

อาเหวินที่นั่งอยู่ตรงข้ามเมื่อเห็นสีหน้าผิดปกติของฉินฮั่นชิว ก็ยืนขึ้น “นายน้อยครับ เกิดอะไรขึ้นครับ?”

“เสี่ยว เสี่ยวหลิงลื่นตกหลุม……” ฉินฮั่นชิววางสาย ก่อนรีบโทรหาฉินหร่าน

ตอนนี้ความคิดของฉินฮั่นชิวสับสนวุ่นวาย ไม่รู้ว่าต้องโทรหาใคร เพียงรับรู้ว่าต้องโทรหาฉินหร่านเท่านั้น

ขณะนี้เองฉินหร่านนั่งอยู่ในรถ

เฉิงเจวี้ยนส่งคนจับตาดูสถานการณ์ในเมือง C ตลอด เธอรับรู้เรื่องนี้ตั้งแต่ห้านาทีก่อนแล้ว เฉิงมู่ก็ซื้อตั๋วเครื่องบินเรียบร้อย ทั้งสองคนจึงรีบรุดไปที่สนามบิน

เฉิงมู่ขับรถ พลางมองกระจกหลัง พูดปลอบใจว่า: “คุณหนูฉิน คุณไม่ต้องกังวล นายท่านเจวี้ยนบอกแล้วว่าน้องชายของคุณปลอดภัยดี”

“ฉันรู้” ฉินหร่านนั่งอยู่หลังรถ ดวงตาสีดำสนิทมองออกนอกหน้าต่าง พูดด้วยน้ำเสียงโทนเดิม

แม้พูดออกมาอย่างใจเย็น ทว่าเฉิงมู่รับรู้อยู่แก่ใจว่าฉินหร่านกำลังโกรธ

เขารีบปิดปากเงียบ ไม่กล้าพูดอะไรกับฉินหร่านอีกประโยคเดียว

**

บ้านสกุลเฉิง

“ผมจะไปเมือง C ” เฉิงเจวี้ยนยืนอยู่หน้าผู้อาวุโสเฉิง ก่อนก้มหัวจัดการกับแขนเสื้อ พูดด้วยสีหน้าปกติ

ผู้อาวุโสนั่งตัวตรง สีหน้าของเขาเย็นยะเยือก พลางใช้นิ้วมือเคาะโต๊ะ พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มลึกกว่า: “แกมั่นใจแล้วรึ?”

เฉิงเจวี้ยนยังคงแสดงท่าทีเกียจคร้าน เดือนสิบเอ็ดมีสภาพอากาศหนาวจัด แต่เขาสวมเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาว พลางถือเสื้อโค้ตไว้ “แค่บอกว่าให้ไปหรือไม่ให้ไปก็พอ”

มุมปากของผู้อาวุโสโค้งลง

อยากจะถามเขาว่า เมื่อสองวันก่อนใครมันบอกเขาไว้อย่างดิบดีว่าเมือง C ไม่มีอะไรน่าสนุก ตีให้ตายยังไงก็จะไม่ไปเด็ดขาด?

สิบนาทีต่อมา เฉิงเจวี้ยนก็เดินออกไปอย่างกระตือรือร้น

ก่อนที่ผู้อาวุโสวางแก้วชาลง

พ่อบ้านเฉิงเดินถือโทรศัพท์เข้ามา ก่อนส่ายหัวอย่างทำอะไรไม่ถูก “เมื่อครู่ผมถามเฉิงมู่ เฉิงมู่บอกว่าเพิ่งขึ้นเครื่องบินไปเมือง C กับคุณหนูฉิน เหมือนว่าจะไปหาน้องชายของคุณหนูฉินครับ”

ผู้อาวุโสเฉิง: “……”

ณ ระเบียงยาว เฉิงเหราฮั่นถือกิ่งไม้อยู่ในมือกำลังหยอกล้อกับนกของผู้อาวุโสเฉิง เมื่อได้ยินคำตอบจากลูกน้อง เขาก็หัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน ก่อนวางกิ่งไม้กิ่งเล็กลง: “นึกว่าโตพอจะคิดได้แล้ว เสียเวลามาครึ่งวันก็เพราะผู้หญิงคนนึงเนี่ยนะ”

**

เจ็ดชั่วโมงผ่านไป ณ เขตภูเขาเมือง C

กองถ่ายวาไรตี้รายการเรียลริตี้โชว์

หน่วยกู้ภัยเพิ่งดึงตัวฉินหลิงขึ้นมาจากหลุมดินถล่ม นอกจากเนื้อตัวของฉินหลิงมอมแมมเล็กน้อย สีหน้าท่าทางนับว่าดีอยู่ แต่ดูเหมือนเท้าจะได้รับบาดเจ็บ ใบหน้าของฉินซิวเฉินทะมึนตึง ไม่ปริปากพูดสักคำ ก่อนอุ้มเขาขึ้น เดินลงเขาไปด้วยความระมัดระวัง จนถึงห้องพักของตัวเอง

หัวหน้าผู้กำกับรายการเช็ดเหงื่อบนหน้า พวกเขารีบเดินตามหลังฉินซิวเฉินไปโดยไม่มีใครกล้าพูดอะไรสักคำ

ไม่ต้องพูดถึงฐานะของสกุลฉินในเมืองหลวง แค่ชื่อ “ฉินซิวเฉิน” สามพยางค์นี้ก็ทำให้พวกเขากลืนไม่เข้าคายไม่ออกแล้ว

ทุกคนในกองถ่ายรู้สึกกังวลใจอย่างยิ่ง

เมื่อเดินทางลงเขาถึงที่พัก ผู้กำกับหยิบโทรศัพท์ พูดอย่างรีบร้อนจนปากพองว่า: “หมอล่ะ? ทำไมหมอยังไม่มาอีก? !”

ฉินซิวเฉินและผู้จัดการเดินลงมาด้านบน แม้สีหน้าจะดูคร่ำเครียด ทว่าไม่มีความคิดจะตำหนิผู้กำกับ: “ตามหมอประจำตัวขึ้นไปแล้วครับ ตอนนี้ห้าทุ่มแล้ว คลินิกที่นี่ก็ปิดหมดแล้ว ถนนหนทางบนเขาใช่ว่าจะดี พรุ่งนี้ค่อยเข้าไปหาหมอในเมืองอีกที เสี่ยวหลิงก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้กำกับก็เบาใจลง

ด้านบนห้อง

หมอประจำตัวช่วยเสี่ยวหลิงจัดการเรื่องเท้าเรียบร้อย “เท้าซ้ายเคล็ด คุณซุปตาร์ฉิน หากคุณไม่มั่นใจ พรุ่งนี้ค่อยขับรถไปในเมืองก็ได้”

ในที่สุดฉินซิวเฉินก็ถอนหายใจได้อย่างโล่งอก

เขานั่งอยู่บนเตียงข้างฉินหลิง มองฉินหลิงปราดแรกด้วยความเคร่งเครียด “อาบอกเธอกี่ครั้งแล้ว ว่าอย่าวิ่งไปเรื่อย บริเวณตรงนั้นมีเขตรักษาความปลอดภัยกั้นไว้อยู่ ทำไมเธอถึงอยากไปตรงนั้นอีก?”

“เพชรที่อากู้ให้ผมหล่นลงไปครับ” ฉินหลิงก้มหน้า ตอบอย่างละอายใจ

ผู้จัดการเดินเข้ามาในห้อง เขายืนอยู่อีกฝั่งก่อนยื่นกล่องนมที่ปักหลอดไว้ส่งให้ฉินหลิง “เพชรอันเดียวสำคัญกว่าชีวิตเธองั้นสิ? เรื่องนี้ถือว่าเป็นบทเรียน ยังดีที่หน่วยกู้ภัยช่วยได้ทันเวลา เธอก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก ครั้งต่อไปทำแบบนี้ไม่ได้แล้วนะ”

ฉินหลิงยอมรับความผิด

“อาครับ เท้าผมบาดเจ็บ คงช่วยอาถ่ายรายการไม่ได้แล้วล่ะครับ”

ฉินหลิงดื่มนม

ฉินซิวเฉินรู้สึกไม่สบายใจเลยสักนิด เมื่อได้ยินเช่นนั้น ก็หัวเราะด้วยความโกรธ: “เป็นแบบนี้แล้วเธอยังคิดจะถ่ายรายการอยู่เหรอ?”

เขาไม่ไว้ใจให้ฉินหลิงอยู่ที่นี่แล้ว

ฉินซิวเฉินหยิบโทรศัพท์ รายงานความเรียบร้อยให้ฉินฮั่นชิว ให้ส่งคนมารับฉินหลิง

“คือว่า อาครับ……” ฉินหลิงนั่งอยู่บนเตียง ก่อนรีบยกมือขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงว่า: “พี่ของผมมาครับ ตอนนี้เธออยู่ข้างล่างโรงแรม”