ตอนที่195 ซื้อใจ
จ้าวเฉียนไม่รู้ว่า คาราเต้สายดำแข็งแกร่งมากน้อยเพียงใด แต่ถึงยังไงเขาก็เคยเป็นถึงศิษย์ของวัดเส้าหลิน เมื่อตอนยังเด็ก เขาฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาไม่น้อย และสิ่งหนึ่งในคำสอนคือ อย่าเพิ่งตัดสินว่าแพ้ถ้าหากคุณยังไม่ได้พยายามลองดู
จ้าวเฉียนย่างเท้าออกไปสองก้าวขึ้นเผชิญหน้า แต่หลินหยิงไม่แม้แต่จะลืมตามอง พลางกล่าวน้ำเสียงเย็นว่า
“ถ้าเข้ามาใกล้อีกแค่ก้าวเดียว นายกระเด็นแน่!”
จ้าวเฉียนชะงักเล็กน้อย ภายในใจยังกลัวเกรงอยู่บ้าง และที่กลัวมิใช่ว่าตนเองจะบาเจ็บ แต่กลัวว่าอาการบาดเจ็บดังกล่าวจะส่งผลทำให้เขาหนีออกไปจากที่นี่ได้ช้าลง ถ้าหากเป็นแบบนั้นเขาจะไม่มีทางรู้เลยว่า หลินจือกับคนอื่นๆกำลังวางแผนทำอะไรอยู่กันแน่
โดยไม่พูดไม่จาอันใด จ้าวเฉียนพุ่งไปหาหลินหยิงในพริบตา
“หึ!”
หลินหยิงกรนเสียงดุ กระโดดขึ้นเก้าอี้ตะลังกาหมุนตัวเตะทันที
นี่มันความสามารถระดับปรมาจารย์อย่างแท้จริง แล้วจะต่อกรได้อย่างไร? จ้าวเฉียนถูกน็อคในคราวเดียว!
หลินหยิงกลับไปนั่งเก้าอี้ท่าเดิมและสบถน้ำเสียงเย็นใส่ว่า
“อย่าคิดลองดี ฉันเป็นถึงแชมป์คาราเต้ระดับเอเชีย อยู่นิ่งๆรอจนกว่าหลินจือจะโทรบอกฉัน ไม่ต้องกังวลไป ตราบใดที่นายไม่สร้างปัญหาให้ฉัน ฉันก็ไม่ทำร้ายนายหรอกนะ”
จ้าวเฉียนกยกมือกุมศีรษะ ค่อยๆลุกขึ้นพลางกล่าวว่า
“คุณพยาบาล ลืมเรื่องเมื่อคืนไปแล้วเหรอ? ตอนนั้นเราเกือบได้กันแล้วนะ?”
หลินหยิงหัวเราะคิกคักกล่าวตอบไปว่า
“นายฝันไปเถอะ ทั้งหมดก็เพื่อหลอกล่อนายเท่านั้น แค่ว่ามันไม่เป็นไปตามแผน เอาเถอะนะ นายเองก็ดูไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร หลังจากเรื่องในวันนี้ ก็ถือว่าเราไม่มีอะไรโกรธเคืองแล้วกันนะ”
จ้าวเฉียนรีบตอบกลับทันที
“ถ้าอย่างนั้นความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราถือว่ายังดีอยู่ หลังจากเรื่องในวันนี้ผ่านพ้นไป เธอเลือกเวลากับสถานที่มาได้เลย เดี๋ยวฉันพาเธอไปเดทเองว่าไง? ขนาดตอนนี้เราเป็นศัตรูกัน เธอยังพูดดีกับฉันเลยนะ ที่จริงเธอก็มีใจให้ฉันจริงไหม? แล้วทำไมยังทำตามคำสั่งของหลินจืออยู่อีก?”
หลินหยิงเพียงนั่งอมยิ้ม เธอหลับตาลงและไม่พูดอะไรอีกเลย จากนั้นไม่ว่าจ้าวเฉียนจะพูดยังไง เธอก็เอาแต่เพิกเฉย
ในเมื่อเอาชนะด้วยกำลังไม่ได้ ก็ต้องหาวิธีอื่นเท่านั้น
เมื่อกี้หลินจือพูดเองว่า หลินหยิงเป็นพี่สาวแต่ไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด ดังนั้นเธอไม่มีทางช่วยอีกฝ่ายโดยปราศจากข้อแม้แน่นอน
“หลินจือคงซื้อใจเธอด้วยเงิน ฉันพูดถูกไหม? คิดว่าฉันจะทำแบบเขาไม่ได้เหรอ?”
จ้าวเฉียนคิดและตัดสินใจลงมือทันที เขาหยิบสมุดเช็คขึ้นมาและเซ็นใบหนึ่งจำนวนหนึ่งล้าน ฉีกออกมาวางบนพื้นต่อหน้าหลินหยิง
“นี่เช็คจำนวนหนึ่งล้าน พอไหม?”
จ้าวเฉียนเอ่ยถาม
หลินหยิงยังคงหลับตาไม่แยแส
ในเมืองตงไห่แห่งนี้ แค่ล้านเดียวยังซื้อห้องขนาด21ตารางเมตรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ และมันนยังไม่น่าสนใจพอ
จ้าวเฉียนเซ็นเช็คอีกสองใบมาเพิ่มให้ทันที รวมทั้งหมดเป็นเช็คมูลค่าหนึ่งล้านจำนวนสามใบตรงหน้าเธอ
“สามล้านล่ะ?”
หลินหยิงหรี่ตาเล็กน้อย มองไปยังเช็คทั้งสามใบบนพื้น คล้อยลังเลอยู่สักครู่หนึ่ง เธอก็หยิบพวกมันขึ้นมาดูและเอ่ยถามว่า
“แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่าเช็คนี้เป็นของจริง?”
“คนที่สามารถพาเธอไปทานอาหารบนชั้นเจ็ดของโรงแรมตงไห่ได้ คิดว่าแค่สามล้านขนหน้าแข้งจะร่วงไหม?”
จ้าวเฉียนเอ่ยถามสวนกลับไปทันที
หลินหยิงจ้องจ้าวเฉียนตาเขม็งอยู่สักพัก เธอพยักหน้าตอบเบาๆและกล่าวว่า
“ตกลง ฉันได้เงิน นายได้อิสระ แต่ยังไงฉันก็ยังมีข้อแม้นะ นายต้องรับประกันความปลอดภัยให้ฉันหลังจากนี้ นายก็น่าจะรู้ดีว่า พวกเพื่อนๆของหลินจือไม่ใช่คนธรรมดา ถ้านายไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยให้ฉันได้ ต่อให้สิบล้านมันก็ไร้ค่า เพราะกว่าจะได้เงินฉันคงตายไปก่อน”
จ้าวเฉียนพยักหน้าตอบด้วยท่าทีมั่นใจ เขากล่าวรับประกันกับหลินหยิงว่า
“ไม่ต้องห่วง ฉันรับรองได้เลยว่าเธอจะต้องปลอดภัย บอกตามตรงนะ ฉันมีเส้นสายอยู่ในโรงพยาบาลเขต1 ฉัยช่วยทำให้เธอเลื่อนตำแหน่งกับเพิ่มเงินเดือนได้ เธอก็คงทราบดี คนที่มีเส้นสายกับคนใหญ่คนโตในโรงพยาบาลแห่งนี้ ฉันเองก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน”
สำหรับเรื่องนี้ หลินหยิงไม่แม้แต่สงสัยในตัวจ้าวเฉียนสักนิด เขาถูกส่งตัวให้มาเข้าพักในชั้นผู้ป่วยระดับสูง แถมผู้อำนวยการโรงพยาบาลลี่ยังลงมากำชับกับพยาบาลทุกคนว่า ต้องดูแลเขาอย่างดีที่สุด นี่มากเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นแล้วว่า ภูมิหลังของจ้าวเฉียนเองก็ไม่ง่ายเช่นกัน
แต่เส้นสายของหลินจือเองก็ไม่เบา ถ้าจงใจเป็นศัตรูกับอีกฝ่าย เธอเองก็อยู่ยากไม่ต่าง
หลินหยิงครุ่นพินิจอยู่สักครู่ใหญ่ ก่อนตอบไปว่า
“คงเป็นไปไม่ได้แล้วที่ฉันจะกลับไปโรงพยาบาลนั้น ถึงนายจะช่วยฉันในจุดนี้ได้ แต่ภายในนั้นเองก็มีสายของหลินจืออยู่เช่นกัน ซึ่งนั้นคงทำให้ชีวิตฉันอยู่ยากขึ้นมาก ดูท่านายเองก็รวยมาก คงต้องมีบริษัทหรือธุรกิจอะไรสักอย่าง ให้ฉันเข้าไปทำงานในบริษัทนายแทนได้ไหม?”
“ไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้สิ่งที่ฉันอยากรู้คือ หลืนจือกำลังวางแผนอะไรอยู่กันแน่?”
“ฉันเองก็ไม่รู้แผนการของเขาเหมือนกัน แต่ฉันได้ยินว่า แผนนี้เกี่ยวข้องกับคนที่ชื่ออู่เลออะไรสักอย่างเนี่ยแหละ”
หลินหยิงเอ่ยตอบไปตามความจริง
ซึ่งเป็นไปตามที่จ้าวเฉียนคาดการณ์ไว้ไม่มีผิด พวกหลืนซือต้องการขังเขาไว้ เพื่อเปิดทางจัดการกับอู่เลอง่ายๆ
หลินหยิงส่งโทรศัพท์มือถือคืนให้จ้าวเฉียน และกำลังจะกล่าวอะไรสักอย่าง แต่ทันใดนั้นเสียงถีบประตูดังปังลั่นออกมาทันใด พร้อมกับทีมตำรวจชุดใหญ่บุกเข้ามา
“อย่าขยับ! หยุดอย่าขยับ! ทุกคนหมอบลง ยกมือวางเหนือศีรษะ!”
จากนั้นทีมตำรวจก็เร่งกันค้นบ้านทันที เพื่อตรวจดูให้แน่ใจว่าไม่มีคนอื่นใดหลบซ่อนอยู่
ในเวลานั้นเอง หวานเจียงก็รีบวิ่งเข้ามา เธอตรงไปหาจ้าวเฉียนด้วยความเป็นห่วง แต่พอนึกถึงคลิปวีดีโอเหล่านั้นเธอพลันรู้สึกประหม่าไม่กล้าสู้หน้าทันที เธอหมุนตัวหนีไม่กล้าสบตาเขา แต่พุ่งไปตบหน้าหลินหยิงแทนด้วยความโกรธ
“คงรู้ใช่ไหมว่าฉันตบเธอเพราะอะไร!!”
หวานเจียงตวาดด่าหลิยหยิงยกใหญ่
แท้ที่จริงแล้วด้วยทักษะคาราแต้สายดำของหลินหยิง เธอสามารถหลบการเคลื่อนไหวของหวานเจียงได้อย่างสบายๆ แต่อย่างไรก็ตาม เธอกลับไม่ทำเช่นนั้นและปล่อยให้อีดฝ่ายตบหน้าโดยตรง
จ้าวเฉียนไม่มีเวลามาสนใจเรื่องเล็กๆน้อย เขารีบพาทีมตำรวจเดินทางไปที่โรงพยาบาลเขต1โดยด่วน
หลินจือและคนอื่นๆต่างรุมล้อมรอบเตียงอู่เลอ เพื่อเกลี้ยกลอมให้เขาทรยศจ้าวเฉียนและให้มาเข้าทีมซุปเปอร์คาร์คลับของเขาแทน
แต่อู่เลอยังคงภักดีต่อจ้าวเฉียนไม่เสียมคลาย โดยธรรมชาติแล้ว มีหรือที่เขาจะถูกล่อลวงได้โดยง่าย?
“อย่าฝัน! ฉันไม่มีทางหักหลังบอสตัวเองแน่นอน!”
หลินจือไม่อยากเชื่อเลยว่า บนโลกใบนี้ยังมีบางคนสามารถต้านทานการถูกล่อลวงด้วยเงินอยู่ด้วย เขาเอ่ยตอบไปว่า
“ขอแค่นายพยักหน้าตอบฉัน ฉันจะให้ทุกอย่างตามที่นายต้องการในอนาคต และฉันจะคอยดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง ฉันรับประกันได้เลยว่าจะปั้นนายให้เป็นดาวเด่นแห่งวงการนักแข่ง! นอกจากนี้ฉันยังจะให้เงินล้านนึงไปเป็นค่าขนมเล่นด้วยนะ ไม่สนใจเหรอ?”
หลังจากหลินจือพูดจบง เขาก็ส่งเช็คใบหนึ่งวางบนมือของอู่เลอ เฝ้ารอคำตอบของอีกฝ่าย
อู่เลอไม่แม้แต่เหลือบดูเช็คใบนั้นด้วยซ้ำและโยนทิ้งไปทันที เขาตอบว่า
“อย่าเสียเวลาเลย ฉันไม่มีทางทรยศบอส! เอาเงินสกปรกของนายแล้วไสหัวออกไปซะ! ไม่งั้นฉันจะโทรแจ้งตำรวจ!”
สิ่งนี้ทำให้บรรดาลูกเศรษฐีทั้งหมดไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“มึงคิดว่าตัวเองเป็นใคร? แค่ชนะการแข่งครั้งเดียวถึงขั้นอวดดีขนาดนี้เลย?!”
“พี่หลิน ช่างหัวคนโง่ๆแบบนี้ไปเถอะ! หรือให้พวกเราหักแขนขาพพิการถาวรไปเลยดีไหม?”
“อยู่กับไอ้ขอทานจ้าวเฉียน ชีวิตมีแต่จะพัง! โง่จริงๆที่ไม่เลือกอยู่ข้างพี่หลิน!”
“ในเมื่อเลือกแบบนี้ สงสัยครั้งนี้อยากนั่งรถเข็นไปตลอดชีวิต!”
อู่เลอเอ่ยเย้ยขึ้นทันที
“พวกนายใช่ไหมที่จ้างคนให้มารุมทำร้ายฉัน?”
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ทั้งหลินจือและเพื่อนคนอื่นๆระเบิดหัวเราะขึ้นทันที
“ก็รู้ดีนี่หว่า ดังนั้นเลิกสร้างปัญหาให้ตัวเองได้แล้ว ไม่อย่างนั้นเตรียมขาหักสองข้าง!”
หลืนจือกรนเสียงเย็นข่มขู่อย่างชั่วร้ายนัก
อู่เลอระเบิดหัวเราะเยาะ ตวาดสวนทันที
“ไสหัวออกไป!”
หลังจากกรนด่าสาปแช่งไปเสร็จ อู่หลินก็หยืบมือถือขู่ว่าจะโทรหาตำรวจทันที
“ฮ่าฮ่า…โทรเลย! โทรเลยสิวะ! คิดว่ากูกลัวมึงมากเหรอ!!”
ทุกคนต่างหัวเราะเยาะอู่เลออย่างสนุกสนาน ดูท่าพวกเขาจะไม่เกรงกลัวตำรวจกันเลยแม้แต่น้อย
“เวรแล้ว! พวกเราจะทำยังไงกันดี? ปล่อยให้ใครก็ไม่รู้บุกเข้าไปหาคนไข้!”
“โทรหาตำรวจสิ! ไม่อย่างนั้นสถานการณ์อาจจะแย่ลงนะ”
“แต่นั้นเป็นถึงนายน้อยหลินเลยนะ ถ้าทำให้เขาหงุดหงิด พวกเราโดยไล่ออกแหงๆ”
พวกพยาบาลต่างรวมกลุ่มกันอยู่หน้าวอร์ด กำลังคิดว่าจะทำยังไงดีกับสถานการณ์ตอนนี้
แต่ทันใดนั้นเอง จ้าวเฉียนก็วิ่งเข้ามาพร้อมทีมตำรวจชุดใหญ่ เมื่อเห็นว่าหลืนจือกับคนอื่นๆกำลังล้อมเตียงคนไข้ของอู่เลออยู่ เขาจึงสั่งตำรวจให้บุกจับทันที
พวกหลืนจือและคนอื่นๆตกวตะลึงอย่างมากเมื่อเห็นจ้าวเฉียนโพล่หัวออกมา หลินหยิงเป็นถึงปรมาจารย์คาราเต้สายดำไม่ใช่เหรอ? ทำไมกัน?
“คุณตำรวจจับพวกมันเลย!”
จ้าวเฉียนวิ่งชี้หน้าหลินจือและบรรดาเพื่อนฝูงของมัน ก่อนที่พวกนั้นจะสลายกลุ่มวิ่งหนีออกไป
จากนั้นจ้าวเฉียนรีบตรงไปไถ่ถามอาการของอู่เลอก่อนทันที
“พี่เลอยังอยู่ดีใช่ไหม? พวกมันทำอะไรนายรึเปล่า?”
อู่เลอยิ้มตอบกลับไปว่า
“ไม่เป็นไร แค่พวกมันพยามยามซื้อใจผมเท่านั้น แต่ผมปฏิเสธไป เห้ออ…แต่ถ้าช้ากว่านี้ขาผมคงได้หักสองข้างแน่”
จ้าวเฉียนพยักหน้ากล่าวตอบไปว่า
“ฉันพอเดาได้ นอนพักผ่อนไปดก่อนเถอะ ฉันจะออกไปพบพวกมันสักหน่อย”
“ระวังด้วยบอส ดูท่าพวกมันจะใหญ่ไม่เบา”
อู่เลอเตือนด้วยความเป็นห่วง
จ้าวเฉียนหัวเราะเล็กน้อย
“ไม่ต้องกังวล มีตำรวจคุมอยู่ ฉันไม่กลัวพวกมันแน่นอน นอกจากนี้ ฉันยังเตรียมแผนโต้ตอบพวกมันไว้แล้ว นอนพักผ่อนไปก่อนเถอะ”
จากนั้นเขาก็วิ่งออกไป ก่อนพบว่าพวกตำรวจกำลังตรวจบัตรประชาชนหลินจือและคนอื่นๆอยู่
“หลืนจือ คุณมาหาอู่เลอมีเหตุผลอะไรงั้นเหรอ? ข่มขู่เขา?”
จ้าวเฉียนเอ่ยถาม
หลืนจือตวาดกลับไปทันทีว่า
“พล่ามอะไรของแกไร้สาระ! ฉันมาเยื่ยมเขาเฉยๆก็เท่านั้น แค่นี้ก็ผิดกฎหมายแล้วรึไง? ผมทำผิดหรือเปล่าครับคุณตำรวจ?”
ตำรวจส่ายหน้าและโบกมือส่งสัญญาณให้ตำรวจนายอื่นๆปล่อยตัวพวกเขาไป
จ้าวเฉียนยืนมองหลืนจือและหยางหมิงจากไปทั้งแบบนั้น ท่าทางการแสดงออกของพวกเขาดูราวกับไม่เกรงกลัวใดๆทั้งสิ้น
พอเห็นแบบนั้น จ้าวเฉียนพลางคิดกับตัวเองว่า
“ดูเหมือนว่าอำนวจกฎหมายจะทำอะไรมันไม่ได้ สงสัยต้องใช้อำนาจมืดกันหน่อยแล้ว ฉันจะให้หยางหู่เคลื่อนไหวทันทีคืนนี้!”