บทที่ 251 ไม่ติดค้างกันแล้ว

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 251 ไม่ติดค้างกันแล้ว
และในเวลานี้เอง ผู้ชายเลอะเทอะที่หนวดเครารุงรัง บนตัวเต็มไปด้วยกลิ่นบุหรี่และเหล้าคนหนึ่ง ก็เดินเข้ามาพร้อมกับอาหารสำเร็จรูปหนึ่งถุง

เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า ดวงตาเขาก็แดงเถือกขึ้นมาในทันที ถลึงตาใส่ฉินเทียนพลางถามว่า: “มึงเป็นใคร?”

“อยู่ในบ้านกูได้ยังไง?”

“ไอ้สารเลว มึงกล้าขโมยเมียกูงั้นเหรอ! กูจะฆ่ามึง!”

หลังจากพูดจบ เขาก็หยิบขวดเบียร์ขึ้นมาจากโต๊ะในห้องรับแขก พุ่งตรงเข้ามาด้วยดวงตาที่แดงเถือก

“อย่านะ!”

“ฉินเทียนรีบหนีเร็ว!”กงลี่อุทานอย่างตะลึง

เมื่อฉินเทียนมองเห็นชายหนุ่มที่สกปรกเลอะเทอะคนนี้ และนึกได้ว่าเขาทำแบบนั้นกับกงลี่ ไฟโกรธจึงลุกโชนขึ้นมาในทันที

แม้ว่ากงลี่จะเป็นภรรยาในอดีตของเขา อีกทั้งคลอดลูกเพื่อเขาด้วย

อดีตพวกเขาก็ต้องแน่นแฟ้นสนิทใจกันเป็นอย่างยิ่งแน่นอน

แต่ทว่าในเมื่อพวกเขาหย่ากันแล้ว งั้นกงลี่ก็เป็นผู้หญิงที่เป็นอิสระและมีความเสรีภาพ

อีกอย่าง ถึงแม้จะไม่หย่ากัน เธอก็ไม่ควรถูกผู้ชายเฮงซวยปฏิบัติต่ออย่างโหดร้ายทารุณแบบนี้!

ฉินเทียนกัดฟันแน่น ไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว ก่อนจะเดินตรงไปทางเจิ้งจี๋

ยื่นมือจับขวดเบียร์ที่เขาฟาดมา แล้วหักข้อมือฟาดลงบนศีรษะของเจิ้งจี๋จดเสียงดังเพล้ง

เจิ้งจี๋กรีดร้องเสียงดัง แล้วล้มนั่งลงไปกับพื้น

ฉินเทียนยกขาเหยียบลงบนศีรษะเขา ถือเศษแก้วที่แหลมคมไว้ในมือพลางพูด: “กูจะฆ่าคนขยะอย่างมึง!”

“อย่านะ!”กงลี่ตะโกนเสียงดังคำหนึ่ง แล้วพูดว่า: “ฉินเทียน อย่าฆ่าคน!”

เธอพุ่งเข้ามาดึงตัวฉินเทียนเอาไว้พลางพูดอย่างตื่นตระหนก: “ไป!”

“รีบไป!”

“คุณไม่ต้องไปทะเลาะกับคนต่ำ ๆ แบบนี้หรอก”

“ถ้าฆ่ามัน คุณก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิตเหมือนกัน!”

เมื่อเห็นว่าสภาพเป็นแบบนี้ นิสัยดุร้ายของเจิ้งจี๋ก็กำเริบขึ้นมาเช่นกัน เขาด่ากราดเสียงดัง

“ไอ้ชิบหาย!”

“ไอ้ไก่อ่อน!”

“ถึงกับอ่อยเมียกูงั้นเหรอ!”

“กูจะบอกมึงให้นะ ถึงแม้กงลี่มันจะหนีไปไกลสุดขอบฟ้า มันก็เป็นเมียกู!”

“ใครก็อย่าคิดที่จะแย่งมันไป!”

“มาดิ! เก่งจริงก็มาดิวะ มาฆ่ากูสิ!”

“ตายไปเป็นผี กูก็จะไม่ปล่อยพวกมึงไป!”

ฉินเทียนคิดถึงจริง ๆ ว่าบนโลกใบนี้จะมีผู้ชายที่หน้าด้านไร้ยางอายแบบนี้อยู่ด้วย

ภายใต้อารมณ์ที่โกรธเกรี้ยว เขากระชากผมของเจิ้งจี๋แล้วกระแทกหัวเขาเข้ากับผนังห้อง

เจิ้งจี๋ดิ้นทุรนทุราย และกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือดในทันที

“อย่านะฉินเทียน!”

“อย่าฆ่าคน!”กงลี่วิ่งตามออกมาด้วยความหวาดกลัว

เมื่อเห็นว่าประตูห้องน้ำเปิดอยู่ ฉินเทียนจึงลากตัวเจิ้งจี๋เข้าไป

“ไอ้อ่อนหัด มึงอ่อยเมียกู แถมยังจะฆ่ากูอีก!”

“มึงไม่ได้ตายดีแน่!”

“ตายเป็นผีกูก็ไม่อโหสิกรรมให้มึง!”

“ไอ้ชาติชั่ว กูไม่ปล่อยมึงไปแน่!”เจิ้งจี๋ยังคงด่ากราดเสียงดัง

ฉินเทียนเห็นว่าชักโครกที่อยู่ข้าง ๆ ไม่รู้ว่าพังเสียหายไปนานเท่าไหร่แล้ว มีน้ำขี้สีเหลืองครึ่งชักโครก เขาจึงกระชากผมของเจิ้งจี๋แล้วกดหัวเขาลงไป

“อ๊ากก……”

ขี้ถูกกรอกเข้าปากเจิ้งจี๋ ทำให้เขาพูดไม่ออกภายในชั่วพริบตา เขาเป่าลมออกมาจนเสียงดังกรู ๆ มือเท้าตะเกียกตะกายอย่างสุดชีวิต

ฉินเทียนกดหัวของเขาเอาไว้แรง ๆ จนกระทั่งเจิ้งจี๋ค่อย ๆ หมดแรง

“ฉินเทียน รีบปล่อยออก!”

“มันจะตานเอาได้นะ!”กงลี่วิ่งมาดึงตัวฉินเทียนอย่างเร่งรีบ

เธอก็ตกใจต่อลักษณะท่าทาง ณ วินาทีนี้ของฉินเทียนเหมือนกัน

ตอนนี้ฉินเทียนถึงจะกระชากผมเจิ้งจี๋แล้วเหวี่ยงตัวเขาไปข้าง ๆ

“ถ้าเกิดมึงยังกล้าพูดคำหยาบอีกแม้แต่คำเดียว กูจะฆ่ามึงทันที!”เขาพูดด้วยดวงตาที่แดงเถือก

เจิ้งจี๋ไออย่างรุนแรง อาเจียนขี้สีเหลืองออกมาคำใหญ่ ผ่านไปนานมากถึงจะกลับมาหายใจแบบปกติได้

เมื่อเห็นลักษณะท่าทางของฉินเทียน เขาก็รู้สึกกลัวแล้วจริง ๆ

จากหมาที่ดุร้ายตัวหนึ่ง กลายเป็นคนขี้มูกโป่งไปภายในชั่วพริบตาเดียว

มองหน้ากงลี่ เขาอ้าปากแล้วร้องไห้ออกมาทันที

“มึงไม่เอากูแล้ว!”

“พาลูกชายกูไปหาไอ้ไก่อ่อนแบบนี้ แล้วกูยังมีความหมายให้อยู่ต่ออีกเหรอ?”

“ฆ่ากูเถอะ!”

“กูไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว!”

ฉินเทียนรู้สึกหมดคำจะพูดจริง ๆ เขาหันไปมองกงลี่

ครั้นเมื่ออยู่ในงานลงทุน ตอนที่เพิ่งเจอหน้ากงลี่ครั้งแรก เวลานั้นก็เป็นช่วงที่กงลี่ลำบากมากที่สุดเหมือนกัน

ต้องขายอสังหาริมทรัพย์ วัน ๆ สามีก็ดื่มด่ำอยู่แต่กับการพนัน เธอที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่งต้องพาลูกชายที่ป่วยหนัก คิดหาทุกวิถีทางเพื่อรวมเงินรักษาโรคให้ลูกชาย

เพราะฉะนั้นเธอจึงดูผ่านโลกมาอย่างโชกโชน เหมือนผู้หญิงอายุ 40 กว่าในชนบท

แต่ทว่าอย่างไรเสียเธอเป็นคนที่พื้นฐานดีอยู่

หลังจากกลับมาหลงเจียงแล้ว ซูซูก็ให้เธอได้ใช้ชีวิตที่ยอดเยี่ยม

ภายในระยะเวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่เดือน เธอก็สลัดความลำบากทั้งตัวทิ้ง กลายเป็นสาวผู้เลอโฉมในเมืองใหญ่อย่างแท้จริง

แม้จะผ่านพ้นเรื่องราวต่าง ๆ มามาก แต่ทว่าพอเรียนจบเธอก็แต่งงานเลย แท้จริงแล้วตอนนี้เธอยังสาวมาก ๆ

หญิงสาวที่แต่งงานและมีลูกแล้ว จึงมีเสน่ห์ที่แตกต่างโดยธรรมชาติ

มิน่าล่ะหลังจากที่เจิ้งจี๋ได้พบเธออีกครั้ง เขาถึงบ้าระห่ำแบบนี้

ผู้หญิงแก่หน้าเหลืองที่เคยถูกเขาทอดทิ้งในอดีต กลายเป็นสาวผู้เลอโฉมที่น่าหลงใหล

และมีจิตใจที่แก้เผ็ดอย่างหนึ่งปนอยู่ภายในใจด้วย

กงลี่กัดฟันแล้วพูดอย่างน้ำตาคลอเบ้า: “ถ้ารู้แต่แรก ฉันก็คงไม่ทำแบบนี้!”

“เจิ้งจี๋ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราทั้งสองไม่ติดค้างอะไรกันแล้ว”

“แกช่วยมีจิตใจที่รู้บาปบุญคุณโทษหน่อย อย่ามารบกวนฉันกับเสี่ยวเฉียงอีกเลย”

“เพราะแกไม่คู่ควรที่จะเป็นพ่อของเสี่ยวเฉียงด้วยซ้ำ”

“อีกอย่าง หวังว่าแกจะเกิดมีมโนธรรมขึ้นในใจ ไปรับพ่อแม่แกกลับมาจากสถานสงเคราะห์คนชรา และดูแลพวกท่านจนท่านเสียไปดี ๆ !”

“ฉินเทียน เราไปกันเถอะ!”

เธอร้องไห้พลางวิ่งออกไปข้างนอก

และในเวลานี้ โทรศัพท์ของฉินเทียนก็ดังขึ้นเช่นกัน เป็นสายที่โทรมาจากซูซูเพราะทนรอต่อไปไม่ไหวแล้ว

“ไม่เป็นอะไรแล้วครับที่รัก ผมจะกลับไปตอนนี้เลย”เขาพูดคำหนึ่ง จากนั้นเขาก็กล่าวตักเตือนเจิ้งจี๋อีกครั้งว่า:

“อย่าให้กูเห็นหน้ามึงอีก”

“ไม่งั้น กูเอามึงพิการแน่!”

จากนั้นเขาก็ไล่ตามออกไป

มาถึงด้านล่างของตึก กงลี่ก้มหน้าพลางเดินอยู่ข้างหน้าอย่างเร่งรีบ

ฉินเทียนเดินตามอยู่ด้านหลัง เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมื่อกี้นี้แล้ว เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรพูดอะไรดี

ไปถึงหน้าทางเข้าหมู่บ้าน คุณลุงหน้าป้อมยามเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ

เมื่อเขาเห็นสีหน้าอารมณ์ของกงลี่แล้ว จึงพูดกับฉินเทียนด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย: “พ่อหนุ่ม ที่แท้เอ็งก็ไม่ใช่คนที่มาทวงหนี้พนันนี่ แต่เป็นหนี้ความรักสินะ!”

“ชีวิตของผู้หญิงคนนี้ไม่ง่ายเลย หวังว่าต่อไปเอ็งจะปฏิบัติต่อเธอดี ๆ นะ”

ฉินเทียนก็รู้สึกหมดคำจะพูดขึ้นมาในทันที

วิ่งไปซุปเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ข้าง ๆ อย่างเร่งรีบ เพื่อซื้อบุหรี่ที่ตกลงกับคุณลุงไว้

“คุณแม่ครับ!”ภายในร้านวอเลช เมื่อเห็นว่ากงลี่เดินตรงมา เสี่ยวเฉียงจึงตะโกนด้วยความดีใจคำหนึ่งแล้ววิ่งตรงมา

“เสี่ยวเฉียง!”กงลี่กอดลูกชายไว้ในอ้อมอก ความเสียใจและความสุขปะปนกัน น้ำตาไหลพราก

“แม่เป็นอะไรครับ?”

“คุณปู่คุณย่าด่าแม่ใช่ไหมครับ?”

“พวกเขาด่าแม่อีกแล้ว งั้นต่อไปเสี่ยวเฉียงจะไม่ไปเยี่ยมพวกเขาอีกแล้วครับ!”

“แม่ไม่ร้องไห้นะ”เสี่ยวเฉียงยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้แม่อย่างรู้ความ

ซูซูถอนหายใจเฮือกหนึ่ง แล้วพูดกับฉินเทียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา: “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”

“โจรเรียกค่าไถ่ล่ะ?”

ฉินเทียนเห็นว่าฟ้าเริ่มมืดแล้ว จึงตอบกลับว่า: “เราไปหาสถานที่พักก่อน คืนนี้ค่อยว่ากันอีกทีเถอะครับ”

ซูซูผงกหัว

ดังนั้นฉินเทียนจึงขับรถไปใจกลางเมือง หาโรงแรมห้าดาวได้หนึ่งแห่ง แล้วเปิดห้องนอนสองห้อง

หลังจากที่กงลี่อาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ เธอก็เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ โอ๋เสี่ยวเฉียงให้หลับ ถึงจะมาถึงห้องพักของฉินเทียนและซูซู

“ซูซู ครั้งนี้สร้างความลำบากให้เธออีกเลยนะ”

“สำหรับโรงงานที่ปลอมแปลงผลิตภัณฑ์ของเรา ฉันตรวจสอบตำแหน่งที่ตั้งโดยคร่าว ๆ แล้ว”

“เดิมทีฉันกะจะพาเธอไปวันนี้เลย แต่ไม่นึกเลยว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น”

“พรุ่งนี้ฉันค่อยพาเธอไปแล้วกันนะ”