ตอนที่ 1492 วันชี้ชะตาของพรรคเสวียนชิง (4) / ตอนที่ 1493 วันชี้ชะตาของพรรคเสวียนชิง (5)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 1492 วันชี้ชะตาของพรรคเสวียนชิง (4)

 

 

“เหยียนเข่อ เจ้าคิดว่าเราควรเลือกอะไรดี” ฟู่จิ่นลังเล “ทรัพยากรที่แดนลับแลเทียบกับแคว้นเจ็ดเมืองไม่ได้เลย แต่ก็เงียบสงบกว่ามาก”

 

 

เหยียนเข่อถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “หลายปีมานี้ กลุ่มของพวกเราต้องพบความทรมานมามากแค่ไหนแล้ว เพื่อที่จะมีชีวิตรอด พวกเราต้องฝึกพลังฌานให้แข็งแกร่งที่สุดแล้วข้าก็รู้สึกว่าชีวิตนี้ข้าพอแล้ว!”

 

 

“ในเมื่อแม่นางอวิ๋นเสนอทางมา ทำไมพวกเราไม่ไปแดนลับแลกันล่ะ ข้าไม่อยากอยู่ที่แคว้นเจ็ดเมืองต่อแล้ว ข้าเชื่อว่าข้าจะไม่เสียใจที่เข้าร่วมกับหอแพทย์”

 

 

เหยียนเข่อมั่นใจมาก ถึงแม้ว่าหอแพทย์จะอยู่ที่แดนลับแลแต่ก็เป็นพรรคที่อวิ๋นลั่วเฟิงตั้งขึ้น สักวันหนึ่งจะต้องมีชื่อเสียงมาถึงแคว้นเจ็ดเมืองแน่นอน! แล้วสถานะของพวกเขาก็จะเปลี่ยนไปด้วย

 

 

“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ออกเดินทางไปแดนลับแลกันเลย!”

 

 

 

 

บนท้องฟ้าไม่ไกล หญิงสาวหยุดเพื่อรอหุ่นเชิดตามมา หลังจากที่หุ่นเชิดตามมาทัน นางก็มุ่งหน้าไปที่สำนักเสวียนชิง

 

 

เสี่ยวซู่กะพริบตาปริบๆ แล้วถามด้วยน้ำเสียงน่ารัก “ท่านแม่ ท่านตั้งใจจะให้เหยียนเข่อและเพื่อนของนางไปปกป้องหอแพทย์แทนท่านหรือ”

 

 

อวิ๋นลั่วเฟิงยิ่มบาง “ความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่นับว่าแข็งแกร่งถ้าอยู่ที่แคว้นเจ็ดเมือง แต่พวกเขาจะอยู่บนจุดสูงสุดถ้าไปที่แดนลับแล ถ้ามีพวกเขาคอยปกป้องหอแพทย์และตระกูลเยี่ย ข้าก็จะสามารถขยายอิทธิพลมาที่นี่ได้” ดังนั้นนางจึงยอมให้เหยียนเข่อและคนอื่นๆ ติดตาม

 

 

“ท่านแม่ พวกเขาจะไปแดนลับแลหรือ”

 

 

“แน่นอน!” อวิ๋นลั่วเฟิงพูดคำเดียวแต่ใบหน้านางฉายแววมั่นใจและดวงตาสีดำสนิทของนางก็เป็นประกายเหมือนอัญมณีนิลกาฬ

 

 

 

 

ณ สำนักเสวียนชิง

 

 

ภายในห้องโถง ครอบครัวของชายวัยกลางคนกำลังโศกเศร้าและดูหวาดกลัวมาก เขาฟาดมือลงบนโต๊ะแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ถ้าข้าไม่ได้ออกมาจากการปิดด่านฝึกพลังฌาน พวกเจ้าคิดจะปิดข้าไปอีกนานแค่ไหน บุตรชายแท้ๆ ของข้าถูกคนอื่นสังหารแต่ไม่มีใครมารายงานข้างั้นหรือ”

 

 

ทุกคนเงียบไม่มีใครเอ่ยอะไร เมื่อเผชิญหน้ากับชายวัยกลางคนที่กำลังเดือดดาลพวกเขาก็ไม่กล้าพูดสักครึ่งคำ

 

 

“ท่านพ่อ…” หลังจากลังเลอยู่สักพักซูจวิ้นก็เดินออกมาช้าๆ ทันทีที่เขาเอ่ยปากเรียกก็ถูกเสียงของชายวัยกลางคนขัดเสียก่อน

 

 

“ลั่วเฉินเป็นน้องชายเจ้าแล้วเจ้าก็ดูไม่ได้รู้สึกอะไรกับการตายของน้องชายเจ้าเลยแล้วยังกล้าปิดข้าอีก นี่คือสิ่งที่ข้าสอนให้เจ้ารักและใส่ใจความสัมพันธ์พี่น้องหรือ” ชายวัยกลางคนตัวสั่นขณะที่ใบหน้าเขาซีดเผือด

 

 

ซูจวิ้นหรี่ตาแล้วเงยหน้าขึ้นทันที ดวงตาเขาแดงก่ำก่อนจะคุกเข่าตรงชายวัยกลางคนเสียงดังตุบ

 

 

“ท่านพ่อขอรับ บุตรชายของท่านผิดเอง น้องชายถูกคนชั่วสังหารก็เพื่อสำนักเสวียนชิงและพี่ชายอย่างข้า”

 

 

ชายวัยกลางคนกดความอึดอัดภายในใจแล้วถามรอดฟัน “บอกข้ามาว่าเมื่อเดือนที่แล้วเกิดอะไรขึ้น ลั่วเฉินไปตายที่ภูเขาอ้ายได้อย่างไร”

 

 

“ท่านพ่อ ข้าและน้องพาเสี่ยวไป๋ไปที่ภูเขาแต่ใครจะคิดว่าพวกเราจะไปเจออาจารย์ของเสี่ยวไป๋ที่นั่น”

 

 

อาจารย์ของเสี่ยวไป๋งั้นหรือ ชายวัยกลางคนขมวดคิ้ว “แล้วอาจารย์ของแม่นางหลินเกี่ยวข้องกับการตายของลั่วเฉินอย่างไร”

 

 

“ท่านพ่อ อาจารย์ของเสี่ยวไป๋ไม่ใช่คนจิตใจดี นางรู้ตัวตนที่แท้จริงของเสี่ยวไป๋แล้วยอมรับนางเป็นศิษย์…” ซูจวิ้นหรี่ตาก่อนจะพูดต่อ “ยิ่งไปกว่านั้นในฐานะที่เสี่ยวไป๋เป็นศิษย์ของนาง นางยังบังคับให้เสี่ยวไป๋แต่งงานกับคนที่นางเลือก”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1493 วันชี้ชะตาของพรรคเสวียนชิง (5)

 

 

หลังจากที่ได้ยินคำอธิบายของซูจวิ้น เขาก็ยิ่งโกรธ ถ้าเป็นซูลั่วเฉินบอกเขา เขาอาจจะสงสัย แต่ซูจวิ้นไม่เคยโกหก สิ่งที่เขาเล่าคือสิ่งที่เกิดในวันนั้นจริงๆ

 

 

เขากัดฟันแล้วเอ่ยถาม “แม่นางหลินอยู่ที่ไหน”

 

 

สีหน้าของซูจวิ้นมืดครึ้ม ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความเสียใจและทรมาน เมื่อเห็นสีหน้าของเขาในใจก็เกิดความไม่สบายใจ

 

 

“ท่านพ่อ เสี่ยวไป๋ถูกสตรีผู้นั้นควบคุมแล้วนางก็ใช้วิธีบางอย่างทำให้เสี่ยวไป๋ไม่ได้สติ น้องชายถูกสตรีผู้นั้นสังหารเพราะตั้งใจจะช่วยเสี่ยวไป๋”

 

 

สีหน้าของซูจวิ้นเต็มไปด้วยความโศกเศร้า “นางยังบอกอีกว่าในเมื่อนางเป็นอาจารย์ของเสี่ยวไป๋ การแต่งงานของเสี่ยวไป๋ก็ต้องให้นางเป็นคนตัดสินใจ ถึงแม้ว่าคนที่เสี่ยวไป๋รักคือข้า นางก็ไม่ยอมให้เสี่ยวไป๋ตัดสินใจเอง”

 

 

“อวดดีอะไรเช่นนี้!” หมัดของชายวัยกลางคนทุบลงที่โต๊ะอย่างแรงขณะที่หน้าผากเขาปรากฏเส้นเลือด “ตัวตนของแม่นางหลินสูงส่งมาก แล้วอาจารย์ของนางจะตัดสินใจแทนนางได้อย่างไร นางช่างยึดตัวเองเป็นใหญ่อย่างโง่งม!”

 

 

เทียบกับการตายของบุตรชายเขาแล้ว เขาก็ยิ่งโมโหที่คนอื่นกล้าตัดสินใจเรื่องการแต่งงานของหลินรั่วไป๋ หลินรั่วไป๋เป็นคนที่ไม่ว่าอย่างไรสำนักพวกเขาก็ต้องเอามาให้ได้!

 

 

“จวิ้นเอ๋อร์ เจ้ารู้เรื่องเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ดีว่าพวกนางจะไม่ยุ่งกับบุรุษข้างนอก แล้วสตรีทุกคนในเผ่าก็ต้องครองตนเป็นโสดไปตลอดชีวิต แต่ว่านางเป็นผู้สืบทอดที่เผ่าตามหามานาน ถ้าเจ้าทำให้นางตกหลุมรักเจ้าได้ เผ่าก็ไม่สามารถตัดสินใจแทนนางได้…”

 

 

ชายวัยกลางคนถอนหายใจ “ดังนั้นข้าอยากให้เจ้าทั้งคู่พัฒนาความสัมพันธ์แล้วเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม แล้วความสำเร็จก็จะตามมาเอง ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ควรแจ้งเรื่องนี้กับเผ่า ไม่อย่างนั้นใครจะคิดว่าจะมีไอ้โง่ที่ไหนมาขัดขวางไม่ให้ความสัมพันธ์ของพวกเจ้าพัฒนาอีก! ดังนั้นข้าก็จะแจ้งเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ให้ทราบเรื่องนี้”

 

 

ในสายตาของเจ้าสำนักเสวียนชิง หลินรั่วไป๋เป็นลูกสะใภ้ของเขา ดังนั้นเขาจะยอมให้คนอื่นขโมยนางไปได้อย่างไร ที่สำคัญนางยังเห็นแก่ตัวขนาดตัดสินใจเรื่องการแต่งงานของหลินรั่วไป๋แทน ไม่ใช่ว่านางควรจะสำนึกถึงฐานะของตัวเองหรือ นางเป็นใครถึงมีสิทธิ์ตัดสินใจแทนผู้สืบทอดของเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์

 

 

“ท่านพ่อ ไม่ต้องห่วงขอรับ ครึ่งเดือนก่อนข้าได้แจ้งเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว เชื่อว่าพวกเขาคงได้รับข่าวแล้วเช่นกัน” ดวงตาของซูจวิ้นมีประกายชั่วร้ายพาดผ่าน “ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายังแจ้งพวกเขาด้วยว่าเพื่อให้หลินรั่วไป๋แต่งงานกับน้องชายนาง อวิ๋นลั่วเฟิงได้ทำให้เสี่ยวไป๋อยู่ในภาวะไม่ได้สติและตกอยู่ในอันตราย”

 

 

ความจริงแล้วซูจวิ้นก็ไม่รู้ว่าเสี่ยวโม่และอวิ๋นลั่วเฟิงมีความสัมพันธ์กันอย่างไร แต่ว่าเขาก็ไม่สนที่จะกุเรื่องขึ้นมา ตราบใดเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์เชื่อเขาก็พอ

 

 

“ดี!” ชายวัยกลางคนยิ้มเยาะ “พวกเราจะปล่อยให้เผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์จัดการเรื่องนี้! ข้าไม่เชื่อหรอกว่าพวกเขาจะกล้ามีเรื่องกับเผ่า!”

 

 

เมื่อคิดถึงตรงนี้เขาก็มองซูจวิ้นแล้วถาม “ถ้าเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ช่วยแม่นางหลินออกมาได้สำเร็จ เจ้ามั่นใจหรือไม่ว่าจะทำให้นางพูดเรื่องแต่งงานขึ้นมา”

 

 

“เรื่องนี้…” ซูจวิ้นลังเล ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาก็ต้องตอบอย่างมั่นใจแน่นอนเพราะคิดว่าหลินรั่วไป๋ต้องเลือกเขาแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ว่าเมื่อนึกถึงท่าทางเย็นชาของหลินรั่วไป๋ที่มีให้เขาตอนอยู่ที่ภูเขาอ้ายก็ทำให้เขาลังเลในใจ

 

 

“ทำไม พวกเจ้าอยู่ด้วยกันมาหนึ่งปีแล้วเจ้ายังไม่ได้หัวใจของอีกหรือ ข้าจำได้ว่าเจ้าเคยบอกว่าหลินรั่วไป๋ตกหลุมรักเจ้านี่” สีหน้าของชายวัยกลางคนดูมืดครึ้มแล้วถามอย่างเย็นชา

 

 

ซูจวิ้นกัดฟันแล้วเงยหน้าด้วยสายตามุ่งมั่น “ข้ามั่นใจในตัวเสี่ยวไป๋และนางจะต้องมาเป็นภรรยาข้าแน่นอน!”