บทที่ 1105+1106

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1105+1106 โดย Ink Stone_Romance

บทที่ 1105 หนีไป 2

ผู้คุ้มกันทั้งสี่ที่เฝ้าอยู่ตรงนั้นดูทึ่มทื่องุ่นง่านอยู่บ้าง เมื่อถามพวกเขาก็พูดจาสับสนวกวน

ถึงอย่างไรหลงฟั่นก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ มองออกทันทีว่าสี่คนนี้ถูกพิษชนิดหนึ่งแล้ว!

เขาใจหายวาบ ไม่สนใจผู้คุ้มกันสี่คนนั้นอีก พุ่งตรงเข้าไปในประตู…

ห้องวิจัยที่จัดวางโลงแก้วผลึกไว้มองอะไรไม่ออก กลไกทั้งหมดที่อยู่ด้านในล้วนไม่ถูกกระตุ้นเลย ร่างโคลนนิ่งในโลงแก้วผลึกใบนั้นก็ยังอยู่ดีเช่นกัน

เขาไม่ใคร่วางใจ เปิดโลงแก้วผลึกใบนั้นออกโดยตรงแล้มองดู จากนั้นก็เสมือนถูกคนใช้ท่อนไม้ฟาดหัวอย่างจัง ในสมองเกิดเสียงดังตูม…

ร่างโคลนถูกพิษแล้ว!

เขาฝืนข่มโลหิตร้อนๆ ที่พุ่งขึ้นมาถึงลำคอลงไป มือไม้ยุ่งเหยิงรีบตรวจสอบดูทันที พิษที่อยู่ในร่างโคลนบุกเข้าไปครึ่งทางแล้ว กำลังจะเข้าสู่หัวใจของร่างโคลน ถ้าหากเขามาช้ากว่านี้อีกครึ่งเค่อ ร่างโคลนนิ่งร่างนี้ก็จะกลายเป็นสวะไร้ค่าอย่างสมบูรณ์แล้ว!

ร่างโคลนนิ่งเช่นนี้ยากนักกว่าจะสร้างขึ้นมาได้ โดยเฉพาะร่างโคลนของท่านเจ้า เขาทำการทดสอบซ้ำไปซ้ำมาเกือบห้าสิบปีถึงจะสร้างมันออกมาได้ หากว่าถูกทำลายไปเช่นนี้ เขาต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามสิบปีถึงจะสร้างร่างที่เหมือนกันออกมาได้…

เวลานี้เขาย่อมไม่สนใจจะตามตัวคนร้าย รีบร้อนตรวจสอบที่มาของพิษ พลางขจัดพิษอย่างรวดเร็ว…

ผ่านไปห้านาที ในที่สุดเขาก็แก้พิษนั้นได้แล้ว ร่างโคลนนิ่งฟื้นฟูกลับเป็นปกติ

เขามองร่างโคลนนิ่งร่างนั้นในใจค่อนข้างเป็นกังวล พิษนั้นพิสดารอย่างยิ่ง สิ่งที่ทำลายคือเซลล์ประสาท ตอนนี้ถึงแม้จะขจัดพิษได้แล้ว แต่เซลล์ประสาทในร่างน่าจะได้รับความเสียหายไปส่วนหนึ่งแล้ว เนื่องจากตอนนี้มันยังไม่มีชีวิต เขาถึงขั้นที่ไม่อาจทราบได้ว่าจะเกิดผลกระทบอะไรหรือไม่ มีแต่ต้องรอหลังจากท่านเข้าฟื้นคืนชีพถึงจะมองออก…

โชคดีที่คุณสมบัติด้านพลังวิญญาณของร่างนี้ไม่ได้ถูกทำลาย นับว่าเป็นโชคดีในโชคร้าย

จนยามนี้เขาถึงได้มีเวลามาตรวจสอบหาตัวคนวางยาพิษ เขาก็เป็นบุคคลที่เฉลียวฉลาดปราดเปรื่องผู้หนึ่ง ใคร่ครวญเพียงน้อยก็คาดเดาถึงหลงซือเย่แล้ว…

เขากลับไปอย่างรวดเร็ว ไปตรวจสอบห้องขังนั้นดูก่อน พบหลงซือเย่ตัวปลอมคนนั้นถูกขังไม่ที่นั่น มองออกว่าวิชาแปลงโฉมบนใบหน้าของคนผู้นี้เป็นฝีมือของกู้ซีจิ่ว!

เขากัดฟันกรอด มุ่งไปที่ห้องส่วนตัวของกู้ซีจิ่วต่อ พบกู้ซีจิ่วตัวปลอม…

เขาสูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง เรียกระดมพลผู้สังเกตการณ์ทั้งหลาย..

จากนั้นก็พบว่ากู้ซีจิ่วกับหลงซือเย่แปลงโฉมเป็นลูกน้องของเขาสองคน นั่ง ‘เรือเหินอัคคี’ จากไปเมื่อห้านาทีก่อนแล้ว!

เวลาห้านาทีไม่นับว่านาน ถึงขั้นที่ไม่เพียงพอให้เรือเหินอัคคีมุดผ่านลาวาภูเขาไฟไปอย่างสมบูรณ์ด้วยซ้ำ

เสียงสัญญาณเตือนภัยที่เสียดหูดังขึ้นในตำหนักใต้ดิน หลงฟั่นเริ่มเรียกระดมพลอย่างรวดเร็ว…

เขาต้องการจับสองคนนั้นกลับมาด้วยมือตน! สองคนนั้นหนีไม่พ้นเงื้อมมือของเขาหรอก!

….

เดิมทีพวกกู้ซีจิ่วสามารถขึ้นเรือได้ตั้งแต่หลายนาทีก่อนแล้ว แต่หัวหน้าฝ่ายดูแลเรือผู้นั้นเป็นคนที่ค่อนข้างหัวรั้น กู้ซีจิ่วนำป้ายคำสั่งที่สามารถโดยสารเรือออกไปด้านนอกได้ให้เขาดูแล้ว ผลคือเขายังคงไม่ยอมปล่อยไป เนื่องจากผู้อาวุโสหลงเคยกำชับเอาไว้ หลังจากท่านเจ้าจากไปแล้ว ผู้ใดจะออกไปอีกล้วนต้องขอความเห็นจากเขาก่อน ให้เขาออกปากว่าอนุญาตให้ไปถึงจะไปได้

คนผู้นี้ยังให้พวกกู้ซีจิ่วรอสักครู่ด้วย เขาจะไปขอความเห็นดูก่อน

เมื่อกู้ซีจิ่วเห็นว่าใช้ไม้อ่อนไม่ได้จึงใช้ไม้แข็งแทน เธอใช้วิชาสะกดจิตควบคุมเขา ทำให้เขายอมปล่อย

เนื่องจากเธอยังใช้ร่างนี้ได้ไม่คุ้นเท่าไหร่ ด้วยเหตุนี้วิชาสะกดจิตที่ใช้จึงไม่ได้ล้ำลึกมากนัก จ้องหัวหน้าคนนั้นอยู่สามถึงสี่นาทีเต็มๆ ถึงควบคุมอีกฝ่ายอย่างสมบูรณ์ได้ ทำให้เขาเอ่ยวาจาที่มีค่าดั่งทองว่าอนุญาตให้ไป…

เสียเวลาอยู่เช่นนี้ เวลาก็ผ่านไปเจ็ดแปดนาทีแล้ว

เรือประเภทนี้ต้องการผู้เชี่ยวชาญมาขับเคลื่อนด้วยเฉพาะ หลังจากหัวหน้าคนนั้นถูกควบคุมก็ส่งคนที่มีฝีมือดีที่สุดมาขับเคลื่อนเรือลำนี้

———————————————————-

บทที่ 1106 หนีไป 3

เมื่อทั้งสองเข้าไปในห้องโดยสาร ด้านบนปิดสนิทอย่างสมบูรณ์ วินาทีที่เรือซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของกะลาสีมุดเข้าสู่ลาวา ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็โล่งอกแล้ว

วิชาสะกดจิตของเธอสามารถทำให้สมองหัวหน้าฝ่ายดูแลเรือคนนั้นมึนงงได้ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น เมื่อปฏิกิริยาตอบสนองของหัวหน้าคนนั้นกลับมา เธอกับหลังซือเย่ก็หนีไปนานแล้ว!

พอออกจากสถานที่ผีสางแห่งนี้ได้ เธอจะใช้วิชาเคลื่อนย้ายหนีไปทันที หนีไปให้ไกลก่อนแล้วค่อยหาทางติดต่อกับตี้ฝูอีอีกที เธอต้องกลับไปอยู่ร่างเดิมของตัวเอง ถึงแม้ร่างโคลนนิ่งร่างนี้จะสมบูรณ์แบบมาก แต่เธอมีเงามืดต่อสิ่งที่โคลนนิ่งขึ้น ยังคงรู้สึกว่าร่างกายที่เติบโตขึ้นตามธรรมชาติสิถึงจะทำให้ตนรู้สึกเหมือนสนุษย์คนหนึ่ง

อีกอย่างพลังวิญญาณของร่างเดิมก็ฝึกฝนจนบรรลุขั้นแปดแล้ว ร่างโคลนนิ่งร่างนี้เพิ่งจะขั้นหก เธอไม่เอาหรอก!

เรือแล่นไปอย่างรวดเร็ว กู้ซีจิ่วนั่งตะแคงมองกะลาสีคนนั้นขับเรือ พบว่าแผงควบคุมบนเรือลำนี้มีปุ่มเยอะกว่าเครื่องบินเสียอีก เชื่อได้ว่าจะต้องขับยากกว่าเครื่องบินเป็นแน่

เห็นได้ชัดว่ากะลาสีคนนั้นได้รับการฝึกฝนจนเชี่ยวชาญแล้ว สองมือควบคุมปุ่มบังคับเหล่านั้นอย่างว่องไว ทำให้กู้ซีจิ่วเห็นแล้วตาลาย

เธอลอบจดจำขั้นตอนไว้ในใจ วันหน้าเธอจะกลับมากวาดล้างที่นี่ ต้องศึกษาทักษะการขับเคลื่อนเรือนี้เอาไว้

หลงซือเย่นั่งตรงข้ามเธอ เขาไม่ได้พูดอะไร หลุบตาลงเล็กน้อยเสมือนภิกษุเฒ่าผู้เข้าสู่ห้วงสมาธิ

เรือลำนี้เป็นกึ่งโปร่งแสง ยามที่เรือแล่นอยู่ท่ามกลางลาวา เมื่อผู้ที่นั่งอยู่ในห้องโดยสารมองออกไปด้านนอก จะเห็นเพลิงแดงฉานทั่วสารทิศ ลาวาเดือดปุดๆ ไหลอยู่รอบด้าน ทิวทัศน์เช่นนี้ก็งดงามไปอีกแบบ

ถึงแม้หัวใจของกู้ซีจิ่วจะแล่นฉิวออกไปปานลูกธนูแล้ว แต่ความเร็วของเรือลำนี้ก็ไม่ได้เร็วนัก ยังคงช้ากว่าเรือที่ที่ล่องอยู่มหาสมุทรตามปกติอยู่บ้าง และไม่ทราบว่าอีกนานแค่ไหนถึงจะออกไปได้

กู้ซีจิ่วลองถามกะลาสีที่ขับเรือคนนั้นอย่างอ้อมๆ ดู กลับนึกไม่ถึงว่ากะลาสีคนนั้นจะไม่สนใจเธอเลย

เธอพูดไปอีกสองสามประโยค ในที่สุดกะลาสีคนนั้นก็เปิดปากเอ่ย “หุบปาก ยามขับเรือไม่อนุญาตให้พูดคุย หรือเจ้าลืมคำสั่งสอนของผู้อาวุโสหลงไปแล้ว?”

กู้ซีจิ่วหุบปากแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะมีคำสั่งสอนข้อนี้ด้วย

และในช่วงที่กะลาสีคนนั้นกล่าวสองประโยคนี้ออกมา เรือที่เดิมทีแล่นอย่างสงบมั่นคงยิ่งก็โคลงเคลงต่อเนื่องกันหลายครา ดูเหือนเรือนี้จะขับได้ยากเหลือเกิน จึงไม่อนุญาตให้ผู้ขับเสียสมาธิ ดังนั้นไม่สามารถชวนผู้ขับพูดคุยได้

ความคิดเธอเพิ่งจะแล่นมาถึงตรงนี้ จู่ๆ สิ่งที่ดูคล้ายกับทรัมเป็ตเล็กๆ อันหนึ่งที่อยู่ตรงหน้าของกะลาสีคนนั้นก็ส่งเสียงดังปี๊ปๆ ขึ้นมา!

สีหน้ากะลาสีคนนั้นแปรเปลี่ยนเล็กน้อย นี่เป็นสัญญาณฉุกเฉินกะลาสีที่ได้ยินสัญญาณนี้ไม่ว่าจะขับเรือไปถึงที่ใดแล้ว ล้วนต้องกลับไปโดยเร็ว ไม่อาจโอ้เอ้ได้แม้เพียงนิด!

“เกิดอะไรขึ้น?” กู้ซีจิ่วไม่เข้าใจสัญญาณนั้น จึงถามขึ้น

“พวกเราต้องกลับไป!” กะลาสีคนนั้นเริ่มเบี่ยงหัวเรือกลับแล้ว…

เพียงแต่เขาเพิ่งจะเริ่มควบคุม ปลายมีดเล่มหนึ่งก็จ่อลงบนเขาแล้ว กู้ซีจิ่วพูดอย่างไม่เกรงใจสักนิด “เดินหน้าต่อ! อย่าได้หันกลับไป!”

สีหน้าของกะลาสีคนนั้นแปรเปลี่ยนทันที “เพราะ…เพราะอะไร?”

“ไม่เพราะอะไร พวกเรามีภารกิจลับสุดยอด จะต้องรีบออกไปโดยเร็ว ไม่อาจล่าช้าได้ รีบขับไป!”

กะลาสีคนนั้นกลับไม่ยอมศิโรราบต่ออำนาจคุกคาม “ไม่ได้ ผู้อาวุโสหลงเคยบอกไว้ เมื่อสัญญาณนี้ดังขึ้น ต่อให้ท่านเจ้าอู่บนเรือก็ต้องกลับไปอย่างไร้เงื่อนไข! ขออภัยที่ข้าไม่อาจปฏิบัติตามได้”

เขาไม่สนใจปลายมีดที่คอ ยังคิดจะหักเลี้ยวกลับ

กู้ซีจิ่วยกมือลงบนจุดหนึ่งตรงแผ่นหลังเขา นี่คือบทลงโทษประเภทหนึ่ง เมื่อถูกเคาะที่จุดนี้ ทั้งร่างจะเจ็บปวดเหมือนโดนมีดฟัน ทำให้คนต้องยอทมแพ้ “ถ้าเจ้าพล่ามอีกประโยคหนึ่งข้าจะฆ่าเจ้าซะ! ขับตามเส้นทางเดิมต่อไป!”

—————————————————-