บทที่ 343 ต่อสู้บ้าคลั่ง

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

เพื่อเตรียมรับการต่อสู้ที่จะมาถึง สำนักโฮคุชินอิตโตริวก็ยิ่งโจมตีบ้าคลั่งมากขึ้น เย่เทียนเฉินจึงตัดสินใจนำกระบี่ไท่อามาใช้ นี่เป็นกระบี่เล่มหนึ่งซึ่งอยู่ในสิบกระบี่บรรพกาลลำดับที่สี่ เรียกว่ากระบี่แห่งเดชานุภาพ เดชานุภาพหมายถึงอะไร นั่นไม่ต้องบอกก็ทราบ พลังกดดันหาที่เปรียบไม่ได้ มีพลังถล่มฟ้าทลายดิน ไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาจะรับได้

เย่เทียนเฉินต้องการใช้กระบี่ไท่อาให้ได้อย่างสมบูรณ์ จึงจำเป็นต้องสยบพลังเดชานุภาพที่แฝงอยู่ภายในตัวกระบี่ไท่อา และใช้พลังของตนหลอมรวมเข้ากับพลังของมัน มิฉะนั้นคงไม่สามารถควบคุมกระบี่ไท่อาได้อย่างสมบูรณ์แบบ อย่างมากที่สุดก็ทำได้เหมือนกับเสวี่ยโม่เจียวก็คือสวมถุงมือเป็นเครื่องป้องกัน แต่ทำแบบนี้ก็ไม่สามารถส่งพลังเดชานุภาพที่แท้จริงของกระบี่ไท่อาออกไปได้ ไม่มีความหมายอะไร และไม่สามารถเพิ่มพลังการต่อสู้ของเย่เทียนเฉินได้

ไหนเลยจะรู้ว่า ในตอนที่เย่เทียนเฉินเพิ่งจะลองใช้พลังที่ยอดเยี่ยมที่สุดของตนสยบกระบี่ไท่อา ยังไม่ปะทะกันเต็มกำลัง ก็ถึงกับได้รับพลังตีกลับที่รุนแรงขนาดนี้. พลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่หาใดเปรียบสายหนึ่งพุ่งออกมาจากตัวกระบี่ไท่อา ต้องการแทงทะลุเย่เทียนเฉิน โชคดีที่เย่เทียนเฉินเตรียมตัวไว้แล้ว ในตอนที่ปราณกระบี่พุ่งออกมาเขาก็รีบกระตุ้นโล่ทองคำมาขวางปราณกระบี่ที่น่าหวาดกลัวนั้นไว้

แต่เย่เทียนเฉินเพิ่งจะใช้โล่ทองคำป้องกันปราณกระบี่ที่น่ากลัวนั้นไว้ ก็มีพลังกดดันอันยิ่งใหญ่อีกสายหนึ่งกดดันเย่เทียนเฉินโดยตรง แฝงไปด้วยพลังเดชานุภาพในตัวกระบี่ไท่อา ช่างแข็งแกร่งมากจริงๆ โจมตีเย่เทียนเฉินจนกระเด็นออกไปโดยตรง

“พี่ใหญ่…” เมื่อหลินตวนเห็นภาพนี้ก็ตกใจไปทั้งร่าง รีบกุมดาบเจ็ดดาว เตรียมจะเข้าไปสยบกระบี่ไทยอา

“อย่าเข้ามา ฉันต้องการให้พลังทั้งหมดของกระบี่ไท่อาปะทุออกมา มีเพียงสยบและหลอมรวมแบบนี้เท่านั้นถึงจะทำให้ฉันใช้มันได้อย่างสมบูรณ์!”

ในตอนที่หลินตวนเตรียมดาบเจ็ดดาวใน มือคิดจะเข้าไปช่วยเย่เทียนเฉิน เย่เทียนเฉินก็ตะโกนออกมาโดยพลัน เขาลุกขึ้นยืนจากบนพื้น ถึงมุมปากจะมีเลือดไหล มือขวาส่วนที่จับกระบี่ไท่อาจะมีรอยเลือด แต่สายตาของเขาก็แน่วแน่หาใดเปรียบ จ้องไปยังกระบี่ไท่อาเขม็ง มือซ้ายจับตัวกระบี่เอาไว้ พริบตานั้นบนมือซ้ายมีเลือดสดๆ ไหลลงมาตามตัวกระบี่ไท่อา ไหลไปไปทั่วทุกพื้นที่

ตู้ม!

รอบคฤหาสน์ที่เย่เทียนเฉินอาศัยอยู่มีลมบ้าคลั่งเกิดขึ้น เศษหินเศษทรายปลิวกระหน่ำ กระบี่ไท่อาสั่นไม่หยุด เย่เทียนเฉินระเบิดพลังที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา มือทั้งสองกำกระบี่ไท่อาแน่น เขาตัดสินใจแล้วว่าจะใช้กระบี่ไท่อา ดังนั้นจึงต้องการกระตุ้นพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของกระบี่ไท่อาออกมา ถึงแม้ทำแบบนี้จะเป็นการเพิ่มอันตรายถึงชีวิตของเขาอยู่หลายส่วนก็ตาม เนื่องจากกระบี่ไท่อาเป็นกระบี่แห่งเดชานุภาพ คำว่าเดชานุภาพก็เพียงพอที่จะอธิบายทุกสิ่ง ถ้าหากเย่เทียนเฉินกระตุ้นพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของกระบี่ไท่อาออกมาและไม่อาจสยบและหลอมรวมได้ เช่นนั้นเย่เทียนเฉินก็จะต้องตายโดยไม่ต้องสงสัย นี่เป็นการเดิมพัน และเป็นการเดิมพันด้วยชีวิต

ฉัวะ!

ลำแสงกระบี่สีฟ้าพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า พริบตาเดียวทำให้ท้องฟ้าแยก ฟาดฟันลงไปยังเย่เทียนเฉิน มีพลังอำนาจที่สามารถฟาดฟันทุกสิ่งทุกอย่างได้ ไม่ว่าอะไรก็ไม่อาจขวาง

ชั่วขณะนั้น เย่เทียนเฉินคลายมือซ้ายที่จับอยู่บนตัวกระบี่ไท่อาของตนออก บนมือซ้ายที่เต็มไปด้วยเลือดปรากฏดาบเล่มใหญ่ที่เกิดจากการรวบรวมพลังพิเศษขึ้นเล่มหนึ่ง ขวางลำแสงกระบี่ที่ร่วงหล่นลงมาจากฟ้านั้นไว้

เย่เทียนเฉินเองก็คิดไม่ถึงว่าพลังอำนาจของกระบี่ไท่อาจะยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ตนเองประเมินพลังเดชานุภาพที่แฝงอยู่ในตัวกระบี่ต่ำไปมาก ตอนนี้มือขวาของเย่เทียนเฉินกุมปลอกดาบกระบี่ไท่อาอย่างสุดกำลัง ทำได้เพียงปล่อยมือซ้ายออกมาขวางลำแสงสีฟ้าที่ฟาดฟันทุกสิ่งทุกอย่างได้นั้นไว้เท่านั้น

ในตอนนี้ทั่วทั้งตัวกระบี่ไท่อาเหมือนกับถูกคนควบคุมเอาไว้ก็มิปาน ทุกส่วนระเบิดออกมาจนสั่นไม่หยุด ความรู้สึกที่ทำให้ผู้คนต้องสั่นสะท้านเช่นนั้น ไม่ต้องพูดถึงเย่เทียนเฉินเลย ต่อให้เป็นหลินตวนที่ยืนอยู่ด้านข้าง ถือดาบเจ็ดดาวอยู่ในมือ ก็ยังอดไม่ได้ที่จะตื่นตะลึง ไม่กล้าจินตนาการเลยจริงๆ ถ้าหากใครต้องการใช้สิบกระบี่บรรพกาลซึ่งเป็นอาวุธเทพจะต้องพบกับอะไรบ้าง ถ้าหากมีคนทำได้จริงๆ ถ้างั้นจะสูงส่งถึงระดับไหนกัน?

แต่จากการคาดเดาของจางอีเต๋อ กระบี่เทพบรรพกาลทั้งสิบนี้เดิมทีก็เป็นค่ายกลกระบี่เดียวกัน และไม่ได้เป็นของโลกใบนี้ แต่เป็นสิ่งของจากข้างนอก นี่แสดงว่าก่อนหน้านี้มีคนนำสิบกระบี่บรรพกาลทั้งหมดมาใช้ ยิ่งไปกว่านั้นยังฝึกด้วยกันจนสร้างค่ายกลกระบี่ค่ายกลหนึ่ง คิดแล้วก็ทำให้ผู้คนต้องเสียวสันหลังจนไม่กล้าคิดต่อไป

จินตนาการได้เลยว่า เพียงแค่กระบี่ไท่อาเล่มเดียว เย่เทียนเฉินออกแรงเต็มกำลังก็ยังไม่สามารถใช้ได้โดยทันที คนที่ใช้ดาบเทพบรรพกาลทั้ง สิบเล่มในเวลาเดียวกันคนนั้นจะร้ายกาจขนาดไหนกัน? เกรงว่าหากไม่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลก็คงต่างไม่มากนัก!

ตู้ม!

ลำแสงกระบี่สีฟ้าร่วงหล่นลงมา ดาบพลังพิเศษที่รวบรวมอยู่ในมือซ้ายของเย่เทียนเฉินดูเหมือนจะไม่สามารถป้องกันลำแสงกระบี่ได้ ถูกฟันจนสลายไป ลำแสงกระบี่ก็ฟันลงมาบนแขนซ้ายของเย่เทียนเฉิน เกือบจะฟันแขนซ้ายทั้งแขนของเย่เทียนเฉินจนขาดไปแล้ว

ฉูด!

เลือดสดๆ พุ่งกระฉูด แขนซ้ายของเย่เทียนเฉินปรากฏรอยเลือดทั้งยาวและลึกรอยหนึ่ง หลินตวนที่ได้เห็นทั้งหวาดกลัวและตื่นตะลึง ไม่กล้าเชื่อจริงๆ กระบี่ไท่อาถึงกับร้ายกาจขนาดนี้เชียว ความสามารถของเย่เทียนเฉินลึกล้ำไม่อาจคาดเดา ถึงกับถูกกระบี่ไท่อาทำร้ายจนมีสภาพเช่นนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นนี่เพิ่งจะเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น หากเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่เพียงแต่จะใช้กระบี่ไท่อาไม่ได้ แต่เป็นไปได้มากว่าเย่เทียนเฉินยังจะต้องตายด้วยเหตุนี้ด้วย

“พี่ใหญ่ ใช้ดาบเจ็ดดาวสยบเถอะ?” หลินตวนอดไม่ได้ที่จะพูดเตือน

“ไม่ต้อง หากต้องการใช้กระบี่ไท่อาก็ต้องพึ่งพาพลังของตัวเอง จะต้องใช้พลังของตนหลอมรวมเข้าไปในตัวกระบี่ ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องแข็งแกร่งกว่าพลังเดชานุภาพในตัวกระบี่ถึงจะยอมให้ฉันใช้!” เย่เทียนเฉินไม่สนใจอาการบาดเจ็บ ฝืนใช้มือขวาจับด้ามกระบี่แน่น พริบตาเดียวก็ปักกระบี่ไท่อาลงพื้น ในขณะเดียวกันก็ประสานมือทั้งสองเข้าด้วยกัน เลือดสดๆ ไหลลงไปตามด้ามกระบี่ไท่อา

หลินตวนมองจนตกใจหน้าซีด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคนสยบอาวุธ ถึงกับต้องใช้เลือดเชียว และคนที่แข็งแกร่งแบบเย่เทียนเฉินถึงกับต้องทำขนาดนี้ วิธีที่เย่เทียนเฉินใช้สยบกระบี่ไท่อาช่างพิเศษจริงๆ

เย่เทียนเฉินมาเกิดใหม่จากดาวสิ้นโลก เรียกได้ว่าดาวสิ้นโลกเป็นโลกที่ผสมผสานระหว่างยุคปัจจุบันและยุคโบราณเข้าด้วยกัน นั่นเป็นโลกที่มีทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าเรื่องอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งสิ้น เรียกได้ว่ามันเป็นโลกแฟนตาซีและโลกเทพเซียนก็ไม่มากเกินไป จักรวาลกว้างใหญ่ ความลับไร้ขีดจำกัด ใครจะพูดได้ว่าไม่มีโลกของเทพเซียนและโลกแฟนตาซีดำรงอยู่? บางทีพวกเราอาจเป็นเพียงคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในชั้นต่ำสุดของจักรวาล เป็นกลุ่มคนที่ไม่อาจหลุดพ้นจากโชคชะตาก็เท่านั้น

ดังนั้นในตอนที่คิดว่าต้องการนำกระบี่ไท่อามาใช้ เย่เทียนเฉินก็คิดถึงวิธีการนี้แล้ว วิธีการเช่นนี้ในดาวสิ้นโลกเรียกว่า “สละเลือด” ใช้เลือดสดๆ ของตนอาบย้อมสิ่งของ ทำให้มันได้รับกลิ่นอายของตน เลือดนั้นเป็นสิ่งที่แฝงไปด้วยพลังวิญญาณ พูดไปแล้วเย่เทียนเฉินก็ต้องการหลอมรวมจิตวิญญาณของตนกับกระบี่ไท่อาเข้าด้วยกัน นี่ถึงจะสามารถใช้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

บรรยากาศบ้าคลั่งตลบม้วนอยู่ทั่วทั้งเขตคฤหาสน์นับหมื่นเมตร หากไม่ใช่ว่าตำแหน่งที่คฤหาสน์แห่งนี้ของเย่เทียนเฉินตั้งอยู่อยู่ห่างไกล เกรงว่าคงทำให้คนตื่นตกใจไปไม่น้อย กระทั่งอาจจะทำร้ายคนบริสุทธิ์ด้วย ด้ามกระบี่ที่ถูกมือทั้งสองของเย่เทียนเฉินจับไว้แน่น กระบี่ไท่อาที่ปักดิ่งลงสู่พื้น เหมือนกับม้าป่าที่ไม่เชื่อฟังคำสั่ง สั่นไหวไม่หยุด พลังเดชานุภาพที่ระเบิดออกมาจากตัวกระบี่เกือบจะซัดเย่เทียนเฉินจนปลิวไปหลายครั้ง เพียงแต่เย่เทียนเฉินจับกระบี่แน่นไม่ขยับเขยื้อน

ตู้ม!

กระบี่ไท่อาราวกับมีจิตวิญญาณอย่างไรอย่างนั้น ดูเหมือนจะรับรู้ว่ามีคนต้องการสยบมัน จึงดิ้นสั่นไม่หยุด ในตัวกระบี่ถึงกับมีเสียงคำรามด้วยความโกรธแค้นออกมา สุดท้ายลำแสงสีฟ้าก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า เย่เทียนเฉินมองเห็นเงาคนลางๆ ในลำแสง คนผู้นั้นหันหลังให้เขา แต่ยังคงให้ความรู้สึกถึงพลังที่มีอำนาจอันไร้ที่สิ้นสุด คนคนนี้แข็งแกร่งมาก ต่อให้หันหลังให้เย่เทียนเฉิน ต่อให้เป็นเพียงเงา บรรยากาศแข็งแกร่งก็ยังคงทำให้เขารู้สึกกดดันอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

ซู่ม!

เงาคนที่อยู่ในพลังเดชานุภาพหันมาอย่างฉับพลัน จ้องมองเย่เทียนเฉิน เย่เทียนเฉินและหลินตวนมองใบหน้าของคนคนนั้นได้ไม่ชัดเจน รู้สึกเพียงว่าคนคนนี้ระดับสูงมาก เป็นระดับที่พวกเขาไม่อาจสัมผัส ฝ่ามือตบลงมายังศีรษะของเย่เทียนเฉิน เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

“พี่ใหญ่…ถอย…” หลินตวนตะโกนด้วยความตกใจ

เพียงแต่เย่เทียนเฉินไม่เพียงไม่ถอย แต่กลับคลายมือทั้งสองออกจากกระบี่ไท่อา เขาเงยหน้าขึ้นมองเงาร่างที่ซัดฝ่ามือมาที่ตน มุมปากเผยรอยยิ้มออกมา พูดเสียงดังว่า “ในที่สุดก็ถูกฉันบีบให้ออกมาจนได้ มาได้ดี!”

ชั่วพริบตาต่อมา เย่เทียนเฉินกระโดดพุ่งขึ้นไป ใช้หมัดซัดไปยังเงาคนที่ซัดฝ่ามือมาที่เขา หลินตวนที่ได้เห็นตกตะลึงจนต้องเบิกตากว้าง ในใจคิดว่าพี่ใหญ่บ้าบิ่นดีจริงๆ เผชิญหน้ากับพลังอำนาจที่ไม่อาจจินตนาการได้ซึ่งระเบิดออกมาจากกระบี่ไท่อานี้ อีกทั้งยังอยู่ในสภาพที่ตนได้รับบาดเจ็บ ยังกล้าท้าทายสวรรค์ ต่อสู้กับเงาคนที่ไม่รู้ว่ามีความสามารถตื้นลึกเพียงใด ช่างบ้าบิ่นอย่างคิดไม่ถึงจริงๆ

ตู้มๆๆ…

การต่อสู้ครั้งใหญ่เกิดขึ้นในทันที หลินตวนที่ยืนอยู่ด้านล่างถือดาบเจ็ดดาวอยู่ในมือ เตรียมสนับสนุนเย่เทียนเฉินทุกเวลา เพียงแต่เขาถูกฉากเบื้องหน้าทำเอาสั่นสะท้านจนนิ่งไปแล้ว เป็นการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่ยากจะเชื่อจริงๆ จะอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าวิญญาณนั้นจะแข็งแกร่งขนาดนี้ นี่เป็นเพียงวิญญาณที่รวบรวมขึ้นมาจากพลังเดชานุภาพเท่านั้น ถึงกับแข็งแกร่งขนาดนั้นเชียว เย่เทียนเฉินสู้จนบ้าคลั่งก็ยังไม่สามารถฆ่าวิญญาณนั้นได้ และที่ทำให้หลินตวนสั่นสะท้านมากขึ้นก็คือ บาดแผลของพี่ใหญ่เย่เทียนเฉินยังคงไม่หายดี และอยู่ในสภาพที่ได้รับบาดเจ็บเพิ่มขึ้น ยังมีพลังการต่อสู้ถึงขนาดนี้ ถึงแม้จะไม่สามารถเอาชนะวิญญาณได้ในทันที แต่ก็กดดันได้

โฮก!

วิญญาณนั้นคำรามเสียงดัง เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน กระบี่ไท่อาที่อยู่บนพื้นสั่นไหว พริบตาเดียวก็พุ่งขึ้นมา ปรากฏอยู่ในมือของวิญญาณ ลำแสงถูกยิงขึ้นฟ้า พุ่งไปยังศีรษะของเย่เทียนเฉินโดยตรง เย่เทียนเฉินขมวดคิ้ว มือทั้งสองกำแน่น ระเบิดพลังลำแสงสีทองโจมตีไปยังวิญญาณ

หลังจากเกิดเสียงดังสนั่น ทุกที่เต็มไปด้วยฝุ่น หลินตวนใช้มือซ้ายบังหน้าผาก มือขวาจับดาบเจ็ดดาว ไม่กล้ามองลำแสงที่ทิ่มแทงอยู่เบื้องหน้าตรงๆ และไม่รู้ว่าพี่ใหญ่เย่เทียนเฉินเป็นอย่างไรบ้าง…