บทที่ 63 เขากว้างใหญ่กลายเป็นฝุ่นดิน

ท่องภพสยบหล้า

วันเกิดเจียงอันอันคืนนี้ นอกจากความเสียดายที่เจียงวั่งไม่มีเวลาแสดงฝีมือทำอาหารแล้ว ทุกคนก็สนุกสนานเบิกบานดี

พอจบความสนุก เจ้าหรู่เฉิงก็กลับมาที่บ้าน

นั่งเงียบๆ ในห้องหนังสือตนเองพักหนึ่ง จึงได้ยินเสียงเปิดประตู

“วันนี้ลำบากท่านแล้ว ท่านอาเติ้ง” เจ้าหรู่เฉิงแม้จะดูสบายๆ แต่ในน้ำเสียงก็มีความเคารพยำเกรงและสนิทสนมอย่างจริงใจ

ผู้ดูแลจวนเจ้าที่ถูกเรียกว่าท่านอาเติ้ง ยืนตรงเป็นระเบียบ หัวเราะเสียงอบอุ่น “หอกอุปมาความตายยอดเยี่ยมมาก มีอัจฉริยะเกิดขึ้นในยุทธจักรเช่นนี้ ข้ารู้สึกว่าตนเองแก่เหลือเกิน”

“จะเป็นไปได้อย่างไร เดินด้วยกันบนถนน คนอื่นยังคิดว่าท่านเป็นพี่ชายข้าเสียด้วยซ้ำ”

ท่านอาเติ้งสีหน้าไม่เปลี่ยน เอ่ยตอบเพียง “สูงต่ำล้วนมีลำดับของมันอยู่”

เจ้าหรู่เฉิงอ้าปากพะงาบ คิดจะพูดอะไรเสียหน่อย แต่รู้ว่าพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงนิ่งเงียบไป

แล้วท่านอาเติ้งเอ่ยต่อว่า “ไม่คิดว่าข้าอายุมากขนาดนี้ พอต้องแสดงฝีมืออีกครั้ง กลับกลายเป็นไปซื้อน้ำตาลปั้นให้เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง”

เจ้าหรู่เฉิงเอ่ยยิ้มขึ้นอย่างยินดี “ลำบากท่านอาเติ้งแล้ว ขอบคุณท่านอาเติ้งด้วย”

“เด็กผู้หญิงคนนั้นน่ารักมาก”

เจ้าหรู่เฉิงภาคภูมิใจล้นเหลือ “แน่นอน! นั่นน้องสาวข้าเลยนะ!”

ท่าอาเติ้งมองเขา เอ่ยซ้ำขึ้นมาอีก “นางน่ารักมาก”

รอยยิ้มของเจ้าหรู่เฉิงจู่ๆ ก็หายไป

บนใบหน้าหล่อเหลาที่แทบจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรมาโดยตลอด มีความโศกเศร้าขึ้นมา

เขานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ตอบมาว่า “ข้าเข้าใจ”

วันถัดมาของวันเกิดเจียงอันอัน น้าซ่งฝากคนส่งสร้อยข้อมือมรกตเส้นหนึ่งมาให้อันอันเป็นของขวัญวันเกิด เนื่องจากระยะทางที่ค่อนข้างไกล จึงช้าไปหนึ่งวัน

สิ่งที่ส่งมาด้วยกัน ยังมีจี้หยกอีกชิ้นหนึ่งที่ส่งให้กับเจียงวั่ง นี่ก็เหมือนจะเป็นการเอาใจเล็กๆ น่าจะกลัวว่าเจียงวั่งจะขวางนางไม่ให้ติดต่อกับลูกสาว

หลังจากมองเห็นของขวัญ อันอันไม่พูดอะไร แต่ดูเหมือนจะชอบอย่างมาก เก็บมันลงไปในกล่องใบเล็กอย่างทนุถนอม

สำหรับเจียงวั่ง การพบกับสยงเวิ่น ทำลายสิ่งที่ได้รับมาหลังจากเป็นผู้ชนะของนักเรียนชั้นปีหนึ่งในงานเสวนาเต๋าสามเมืองลงไปในพริบตา

ทว่าศึกนี้ก็ได้รับอะไรมาพอสมควร

อันดับแรกคือหลังจากที่สังหารสยงเวิ่นไป จำนวนรากพลังเต๋าในจุดผ่านสวรรค์ก็เพิ่มขึ้นทบทวี วันที่จะสร้างรากฐานให้สำเร็จอยู่ไม่ไกลแล้ว

ถัดมาคือจู้เหว่ยหว่อที่ทำตามสัญญาหลังจากภารกิจสังหารปีศาจกลืนกินจิตใจเสร็จสิ้น จัดการแบ่งแต้มเต๋าให้เขาห้าร้อยแต้มอย่างยุติธรรม ว่ากันว่าจู้เหวยหว่อได้รับแต้มเต๋ามากกว่าหกพันแต้มในภารกิจนี้ แต่ว่าจำนวนแต้มเต๋าบนกระดานแต้มเต๋าของเขากลับลดลงไม่เพิ่มขึ้น กระทั่งเหลือแค่หนึ่งพันแต้มเต๋าเท่านั้น ไม่รู้ว่านำไปแลกสมบัติอะไรมา

พอเทียบกับพวกของเจียงวั่งที่แค่หนึ่งร้อยแต้มเต๋ายังรวบรวมได้ลำบาก พูดได้เพียงว่าผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงคงหาแต้มเต๋าได้ไม่ยากนัก

ส่วนสิ่งที่ได้รับมาเรื่องสุดท้าย ก็คือไม่รู้ว่าทำไมจึงมีเทียนสีดำเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในจุดผ่านสวรรค์

นี่เป็นสมบัติชิ้นหนึ่งแน่นอน แต่ไม่ว่าเจียงวั่งจะค้นคว้าเท่าไรก็ไม่รู้ว่าจะจัดการมันอย่างไร ตอนนี้การฝึกที่สำคัญที่สุดคือการสร้างรากฐาน ตอนนี้จึงทำได้เพียงเก็บไว้ก่อนแล้วค่อยสืบค้นทีหลัง

ความยินดีจากห้าร้อยแต้มเต๋าที่เกินคาด แน่นอนว่าเจียงวั่งจะจัดการเตรียมลูกกลอนเปิดชีพจรให้กับเจ้าหรู่เฉิงและเจียงอันอันคนละเม็ด เจ้าหรู่เฉิงเป็นศิษย์สำนักเต๋า สามารถใช้หนึ่งร้อยแต้มเต๋าแลกลูกกลอนเปิดชีพจรได้ ส่วนเจียงวั่งเองก็ยังไม่ได้ใช้สิทธิ์แลกของตนเอง เหลือเอาไว้ให้อันอันพอดี

สำหรับแต้มเต๋าของเจียงวั่ง เจ้าหรู่เฉิงรับเอาไว้ กระทั่งยิ้มคิกคักถามขึ้นว่า “พี่สาม ข้าอยากได้กระบี่เวทเล่มหนึ่งที่มีมูลค่าห้าร้อยแต้มเต๋า ข้าเองสะสมไว้แล้วนิดหน่อย ยังขาดอีกส่วนหนึ่ง ท่านให้ข้ายืมได้ไหม”

เจียงวั่งเวลานี้กำลังอู้ฟู่ ดูมือเติบอย่างมาก “ขาดอยู่เท่าไร”

“สี่ร้อยเก้าสิบเก้า”

เขามีอยู่นิดหน่อยจริงๆ!

“…” เจียงวั่งแกว่งเท้าใส่ “ไปไหนก็ไป!”

แต่หลังจากที่คิดๆ เขาก็ยังถอนใจเอ่ยขึ้นว่า “ข้าต้องเหลือหนึ่งร้อยแต้มเต๋าไว้แลกลูกกลอนเปิดชีพจรให้อันอัน ที่เหลือสามร้อยแต้มให้เจ้าก็แล้วกัน”

“อย่า!” เจ้าหรู่เฉิงเอ่ยห้าม

“ทำไมหรือ?”

“แต้มเต๋าให้ข้าได้อยู่ แต่เรื่องที่จะเปิดชีพจรอันอัน ท่านลองคิดดูอีกที”

เจียงวั่งไม่ค่อยเข้าใจ “เรื่องเปิดชีพจรไม่ใช่ว่ายิ่งเร็วก็ยิ่งดีหรือ ถ้าหากเจ้ากังวลเรื่องอันตรายจากการบรรลุพลังล่ะก็ ไม่จำเป็นเลย ข้าไม่คิดจะให้อันอันเข้าสำนักเต๋าอยู่แล้ว”

การฝึกบำเพ็ญในสำนักเต๋า อันที่จริงล้วนได้รับการชดเชยก้อนใหญ่จากราชวงศ์ ด้วยเหตุนี้ในด้านภารกิจ ศิษย์สำนักเต๋าจึงไม่สามารถปฏิเสธภารกิจรวมพลยากๆ บางส่วนได้ ยกตัวอย่างเช่นการกวาดล้างสิ่งแวดล้อมของถนนสายหลัก ไล่สังหารพวกปีศาจชั่วร้าย เรื่องเหล่านี้ไม่ได้มีเพียงครั้งสองครั้ง มิอาจหลีกเลี่ยงอันตรายได้

เจียงวั่งมีเวทีแสดงเต๋าอยู่ในมือ ไม่จำเป็นต้องพิจารณาปัญหาเรื่องวิชา ยิ่งไปกว่านั้นตัวเขาเองยังเป็นอาจารย์ให้อันอันได้ พูดให้ชัดเจนก็คือเขาไม่หวังให้อันอันกลายเป็นผู้แข็งแกร่งอะไรแบบนั้น เพียงแค่หวังให้นางมีสุขภาพแข็งแรง มีกำลังในการปกป้องตัวเองบ้างเท่านั้น

เจ้าหรู่เฉิงยิ้มขืน “ไม่ได้บอกว่าเปิดชีพจรเร็วไม่ดี”

เขาลังเลพักหนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยต่อว่า “ถ้าหากท่านคิดจะเปิดชีพจรให้อันอัน ก็อย่าใช้ลูกกลอนเปิดชีพจรของสำนักเต๋าเลย”

เจียงวั่งขมวดคิ้วแน่น “ลูกกลอนเปิดชีพจรของสำนักเต๋ามีปัญหาหรือ”

“ก็ไม่ใช่อีกนั่นล่ะ” เจ้าหรู่เฉิงถือโอกาสพูดขึ้นเสียเลย “ลูกกลอนเปิดชีพจรที่สามารถแลกได้ในสำนักเต๋าเมืองเป็นลูกกลอนเปิดชีพจรระดับต่ำสุด พี่ใหญ่อายุก็ไม่น้อยไม่ควรชักช้ารีรอ ส่วนอันอันยังเล็กนัก ยังรอได้อยู่ หากท่านคิดจะเปิดชีพจรให้อันอัน ก็ควรให้สิ่งที่ดีที่สุดกับนาง เช่นนี้บนเส้นทางฝึกบำเพ็ญของนางในอนาคตก็สามารถเดินได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น

ข้าไม่ได้พยายามจะบอกว่าการใช้ลูกกลอนเปิดชีพจรระดับต่ำสุดแล้วจะเดินบนเส้นทางมหามรรคาไม่ได้ ผู้แข็งแกร่งมากมายก็ผุดเด่นขึ้นมาจากเงื่อนไขที่เลวร้ายที่สุดเหมือนกัน แต่ถึงอย่างไรก็ยังต้องลำบากเสียหน่อย

ถ้าหากเป็นก่อนหน้า ข้าจะไม่พูดเรื่องพวกนี้กับท่าน ถึงอย่างไรสิ่งแวดล้อมเช่นนี้ในเมืองเฟิงหลิน พวกลูกกลอนเปิดชีพจรคนก็แย่งกันจะเป็นจะตาย การจะมีไว้ใช้ยังยากเลย แต่ว่าหลังจากที่ท่านสังหารสยงเวิ่นไปก่อนหน้า รุ่นพี่คนหนึ่งของข้าบอกว่าท่านมีโอกาสแล้ว และท่านที่มีโอกาสเช่นนี้ ยังสามารถเติบโตได้อีก หลังจากนี้สามารถหาลูกกลอนเปิดชีพจรที่ดีกว่าให้กับอันอันได้

อันอันเองก็เป็นน้องสาวข้า ข้าก็หวังให้อนาคตของนางลำบากน้อยลงอีกสักหน่อย”

เจียงวั่งซึมซับอยู่เงียบๆ เขารู้มาตลอดว่าน้องบุตรธรรมคนเล็กคนนี้มีความลับอยู่ แต่ก็ไม่เคยไปสืบไซร้ไล่เลียง เหมือนกับที่เขาได้รับกุญแจเข้าสู่มิติมายาห้วงจักรวาลมานั่นล่ะ เหล่าพี่น้องก็ไม่ได้ซักไซร้ไล่เลียงเขา

เพียงแต่ตอนนี้ดูแล้ว ความลับที่เจ้าหรู่เฉิงปิดบังอยู่ เกรงว่าจะมากกว่าที่เขาจินตนาการไว้เสียอีก

ยังไม่ต้องพูดเรื่องอื่น เอาแค่ความรู้ต่อโลกฝึกบำเพ็ญเหล่านี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปเพาะบ่มออกมาแล้ว

รู้ก่อนว่าฟางเผิงจวี่ที่มาจากสามตระกูลใหญ่เมืองเฟิงหลิน ยังต้องทำการเนรคุณเพื่อลูกกลอนเปิดชีพจรเม็ดหนึ่ง แต่จากปากของเจ้าหรู่เฉิง ลูกกลอนเปิดชีพจรเม็ดนี้ไม่ได้มีค่าอะไรเลย

เขากระทั่งรู้ว่า หากไม่บอกว่าจะเปิดชีพจรให้อันอัน เจ้าหรู่เฉิงคงไม่พูดเรื่องเหล่านี้ออกมาเสียด้วยซ้ำ

“ลูกกลอนชีพจรมีแบ่งระดับด้วยหรือ?” เจียงวั่งถาม

“แน่นอน ท่านรู้แล้ว ว่าวัตถุดิบหลักของลูกกลอนเปิดชีพจรคือชีพจรเต๋าที่ดึงออกมาจากร่างของสัตว์ปีศาจ ทว่าสัตว์ปีศาจก็มีแข็งแกร่งมีอ่อนแอ ชีพจรเต๋าจึงมีทั้งดีและไม่ดี ท่านว่า ชีพจรเต๋าที่แตกต่างกัน พอหลอมออกมาเป็นลูกกลอนเปิดชีพจรแล้วจะเหมือนกันไหม”

“ลูกกลอนเปิดชีพจรที่ท่านได้มาจากจั่วกวงเลี่ยไม่ใช่ของพื้นๆ รุ่นพี่ของข้าคนนั้นบอกว่า การเปิดชีพจรของท่านสมบูรณ์แบบมาก เบิกพลังแฝงของท่านออกมาได้สมบูรณ์แบบที่สุด”

เจียงวั่งนิ่งงันไป

เขาลองสังเกตวิญญาณแท้ไส้เดือนดินตัวเล็กที่อยู่ในจุดผ่านสวรรค์ของตนเอง มองไม่ออกเลยจริงๆ ว่ามันไปใกล้เคียงกับคำว่า ‘เปิดชีพจรสมบูรณ์แบบ’ ตรงไหน

มันเป็นแค่ชีพจรไส้เดือนดินระดับต่ำสุดไม่ใช่หรือ

……………………………………….