ตอนที่ 319 ควีนปะทะควีน!
สัญชาตญาณดิบของผู้หญิงเดิมนั้นก็มีความริษยาแฝงอยู่ในใจเสมอ โดยเฉพาะเมื่อมีชายหนุ่มคนหนึ่งชื่นชมหญิงสาวคนอื่นต่อหน้าต่อตาตนเอง!

ถึงแม้ว่าตอนนี้ฉินหงเหยียนจะเลิกกับเย่เฉินแล้ว แต่หล่อนก็ยังอยากจะเห็นหน้าซูมู่ชิงที่เป็นผู้หญิงในอดีตที่ผ่านมาของเขา แถมยังมีลูกสาวให้เขาอีก ว่าหน้าตาเป็นยังไงกันแน่!

และแล้วเย่เฉินเองก็รู้ว่าร้านอาหารที่พวกเขาจะไปในตอนเที่ยงชื่อว่าร้านอาหารเทียนกงอย่างรวดเร็ว

นี่คือร้านอาหารบนดาดฟ้าของตึกที่สูงถึง 95 ชั้น และเป็นสถานที่หรูหราในเมืองเสินเฉิง

เย่เฉินรีบสั่งซีกวาทันที ให้ซีกวาจัดการไปติดกล้องที่ร้านอาหารแห่งนั้น ทั้งห้องใหญ่ ห้องVIP

เขาจะต้องรู้ทุกเรื่อง ทุกรายละเอียดในระหว่างกินข้าวของทั้งสี่คนนั้น

“คิดไม่ถึงว่าฉินหงเหยียนกับซูมู่ชิง…ผู้หญิงทั้งสองคนนั้นจะมาเจอกันแบบนี้”

เย่เฉินยังคิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

ฉินหงเหยียนและซูมู่ชิงต่างก็เคยเป็นผู้หญิงคนเย่เฉิน เดิมต่อให้ทั้งสองคนจะต้องเจอกัน เย่เฉินก็ควรจะต้องเป็นคนแนะนำให้พวกหล่อนรู้จักกันต่างหาก คิดไม่ถึงว่าพวกหล่อนจะรู้จักกัน โดยที่เขาไม่ได้อยู่ด้วย แล้วไปเจอกันเองสองคน

ถึงแม้ว่าการพบกันของทั้งสองคนไม่ได้เกี่ยวกับเย่เฉิน แต่ถ้าผู้หญิงสองคนพบหน้ากันจะต้องพูดถึงเขาแน่ๆ

“ไม่รู้ว่าพวกหล่อนจะพูดถึงฉันได้ยังไง”

เย่เฉินเองก็ตื่นเต้นเหมือนกัน

เวลาเที่ยงมาถึงอย่างรวดเร็ว แต่ฝนยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ยังคงตกเปาะแปะไม่หยุด

สวี่ฉู่หมิงและฉินหงเหยียนนั่งที่ด้านหลังรถ BENZ ด้วยกัน แล้วให้คนขับรถส่งพวกเขาไปที่ตึกอันเป็นที่ตั้งของร้านอาหารเทียนกง

ทั้งสองคนแต่งตัวค่อนข้างเป็นทางการ พอจะมองออกว่า ถึงแม้สองพี่น้องตระกูลซูจะอายุน้อยกว่าสวี่ฉู่หมิง แต่เขาให้ความสำคัญกับพวกเขาอย่างมาก

เมื่อมาถึงห้อง VIP ที่นัดกันเอาไว้ก็พบว่าสองพี่น้องตระกูลซูรออยู่ที่นั่นแล้ว

หลังจากที่สวี่ฉู่หมิงเดินเข้ามาในห้องก็รีบร้อนจับมือซูมู่หลิน

“แย่แล้ว คุณชายซู ดูสิอุตส่าห์มาตั้งไกล เพื่อมาร่วมงานแต่งงานของผม ผมควรต้องเป็นคนเลี้ยงข้าวต่างหาก คิดไม่ถึงว่าวันนี้คุณสองคนจะจองร้านอาหารแบบนี้ ผมล่ะเขินมากเลย อาหารมื้อนี้ต้องให้ผมจ่ายนะครับ”

ซูมู่หลินจับมือสวี่ฉู่หมิงแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณสวี่ไม่ต้องเกรงใจเลยครับ ผมจ่ายเงินไปแล้วล่ะ การแต่งงานเป็นเรื่องมงคล ที่บ้านของเราขอเลี้ยงอาหารคุณก็เพื่อขอเกาะใบบุญของพวกคุณด้วย”

สวี่ฉู่หมิงยิ้มแย้ม เขาตะลอนไปทั่วมาตลอดหลายปี เขาเองก็พอจะเคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาเหมือนกัน

ตระกูลสวี่และตระกูลซูถือเป็นตระกูลที่ร่ำรวย ใครจะแยแสเงินค่าอาหารมื้อเดียว แค่พูดกันตามมารยาทเท่านั้นเอง

จากนั้นสวี่ฉู่หมิงเองก็หันไปมองผู้หญิงที่อยู่ด้านข้างซูมู่หลิน หลังจากที่เห็นผู้หญิงคนนี้แล้ว สวี่ฉู่หมิงก็ตกตะลึงในความสวยของหญิงสาวคนนั้น

วงหน้าของซูมู่ชิงงดงามไร้ที่ติ!

อีกทั้งวันนี้หญิงสาวยังตั้งใจแต่งตัวมาอย่างประณีตทั้งการแต่งหน้า เครื่องประดับ…

หญิงสาวสวมเสื้อแขนยาวสีขาว ดูผ่านๆ อาจจะเหมือนว่าจะเป็นเสื้อเชิ้ตแต่บนเสื้อเป็นดีไซน์รูปโบ มองจากไกลๆ หญิงสาวเหมือนนางแบบที่มาโชว์เสื้อผ้าประจำฤดูกาล

ส่วนท่อนล่างหญิงสาวใส่กระโปรงหนังสีขาว ที่ค่อนข้างสั้น และเพราะเสื้อค่อนข้างยาวบวกกับพอเสื้อผ้าทั้งหมดเป็นสีเดียวกัน ก็เลยทำให้คนคิดว่าตัวเสื้อกับกระโปรงเป็นชุดเดียวกัน

ส่วนขาขาวเรียวยาวที่ต่อลงมาจากกระโปรง ด้านล่างเป็นรองเท้าบูทสั้นสีดำ

องค์หญิงของเมืองหลวง!

สูงส่งเกินไปแล้ว!

สวยงามเกินไปแล้วจริงๆ!

เย่เฉินที่มองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก็ยังอดน้ำลายหกไม่ได้

“สัปดาห์นั้นที่ไปอยู่ที่เมืองหลวงยังไม่เคยเห็นซูมู่ชิงแต่งตัวสวยแบบนี้มาก่อน”

และเป็นไปอย่างที่คิดสิ่งที่สามารถทิ่มแทงให้ผู้หญิงแต่งตัวให้สวยที่สุดท่าที่จะทำได้ไม่ใช่ผู้หญิงอีกคนหรอกหรอ?

ส่วนฟากฉินหงเหยียนก็ไม่ยอมลดละให้เลย!

วันนี้ฉินหงเหยียนสวมกระโปรงสั้นทรงสูทสีดำ ทำให้แผ่รังสีผู้บริหารของหล่อนออกมาเต็มที่ อีกทั้งยังโชว์เรียวขายาวของหล่อน

ทั้งสองคนยืนด้วยกัน ไม่มีใครแพ้กันเลย!

“บ้าชิบ ฉันไม่เคยเห็นฉินหงเหยียนแต่งตัวแบบนี้มาก่อน! ผู้หญิงสองคนนี้เป็นอะไรกันแน่?”

ในเหตุการณ์ที่เย่เฉินไม่อยู่ด้วย แต่ผู้หญิงสองคนนี้กลับพยายามจะงัดเอาเสน่ห์ที่ตนเองมีทั้งหมดออกมา!

เย่เฉินเกลียดจริงๆ เขาอยากจะส่งสวี่ฉู่หมิงและซูมู่หลินไปสวรรค์ แล้วตนเองไปที่นั่นแทน!

สวี่ฉู่หมิงมองซูมู่ชิงแล้วถาม “คนผู้นี้คือ…”

ซูมู่หลินจึงแนะนำ “อ้อพี่สาวผมเอง”

ซูมู่ชิงเองจึงยื่นมือไปหาสวี่ฉู่หมิงแล้วกล่าว “สวัสดีค่ะ คุณสวี่ ฉันชื่อซูมู่ชิง”

สวี่ฉู่หมิงตกใจ “ที่แท้ก็คุณซูนี่เอง! ได้ยินมานานแล้วว่าคุณหนูซูเป็นคนที่สวยที่สุดในเมืองหลวง วันนี้ได้มาเจอเป็นเหมือนที่คนเขาชมกันจริงๆ!”

ซูมู่ชิงยิ้มน้อยๆ “คุณสวี่ชมกันเกินไปแล้ว”

และในเวลานี้เอง สวี่ฉู่หมิงก็เป็นฝ่ายแนะนำให้ฉินหงเหยียนกับทั้องสองคน “ผมขอแนะนำให้พวกคุณได้รู้จักกับคู่หมั้นของผม ฉินหงเหยียน”

ซูมู่หลินยิ้มพลางจับมือกับฉินหงเหยียน “คุณฉินครับ คุณนี่สวยจริงๆ”

“สวัสดีค่ะ” ฉินหงเหยียนเขย่ามือซูมู่หลิน

จากนั้นก็หันไปมองซูมู่ชิง

ซูมู่ชิงและฉินหงเหยียนประสานสายตากันเหมือนสายตาฟาดสายฟ้าออกมา!

หญิงสาวในชุดดำและขาว แถมทั้งสองคนยังเป็นคนสวยสะกดสายตาประหนึ่งเตียวเสี้ยนและต้านจีมาเกิดใหม่อีกครั้ง!

“คุณฉิน” ซูมู่ชิงยิ้มน้อยๆ ขณะจับมือกับฉินหงเหยียน

ฉินหงเหยียนกล่าวพลางระบายยิ้ม “คุณหนูซู สวัสดีค่ะ เรียกชื่อฉันเลยก็ได้ค่ะ ”

เมื่อทั้งสี่คนแนะนำตัวกันเสร็จแล้ว แต่ยังมีอีกคนที่ยังไม่แนะนำตัว

ซูมู่ชิงพาซือซือลูกสาวของเย่เฉินและหล่อนมาด้วย

“แม่หนูน้อยคนนี้คือ?”

ฉินหงเหยียนอดมองไปที่เด็กหญิงหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักคนนั้นไม่ได้ อันที่จริงในตอนที่ถามนั้นหล่อนเองก็พอจะรู้คำตอบแล้ว

ซูมู่ชิงลูบเรือนผมของซือซือพลางกล่าว “นี่คือลูกสาวของฉันเองค่ะ ซือซือ”

เย่เฉินอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นลูกสาวของตนเอง

แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ในสมองของฉินหงเหยียนก็มีคำพูดสะท้อนก้องไปมา “นี่คือลูกสาวของเย่เฉินเหรอเนี่ย!”

ขณะมองแม่หนูน้อย ในใจหล่อนก็อดย้อนคิดถึงชวงเวลาที่คบหากับเย่เฉินไม่ได้ พวกเขาสองคนมักจะจินตนาการถึงภาพที่พวกเขามีลูกด้วยกัน

เย่เฉินชอบเด็กผู้หญิง ฉินหงเหยียนเองเคยรับปากว่าจะมีลูกสาวให้เขาให้ได้ พวกเขาสองคนต่างก็รู้สึกว่าด้วยหน้าตาของพวกเขาลูกสาวของพวกเขาจะต้องน่ารักมากแน่ๆ

วันนี้ฉินหงเหยียนได้เห็นลูกสาวของเย่เฉินก็รู้สึกเหมือนกับภาพที่จินตนาการเอาไว้ไม่ผิดเพี้ยน!

ฉินหงเหยียนเสียใจอย่างมาก เดิมทีหล่อนมีโอกาสคลอดลูกสาวให้เย่เฉิน!

แต่ตอนนี้กลับไม่อาจเป็นจริงได้อีกแล้ว!

ฉินหงเหยียนมองเด็กหญิงแล้วถาม “ซือซือชื่อจริงของหนูคืออะไรคะ?”

ซือซือตอบอย่างว่าง่าย “หนูชื่อซูเย่หมิง หนูมีชื่อภาษาอังกฤษด้วยค่ะ ชื่อ Eileen ชื่อจีนของหนูคุณแม่เป็นคนตั้ง ส่วนคุณพ่อเป็นคนตั้งชื่อภาษาอังกฤษให้ค่ะ ”

พอได้ยินว่าเย่เฉินตั้งชื่อภาษาอังกฤษให้ลูกสาวของซูมู่ชิง ฉินหงเหยียนก็พลันรู้สึกริษยาขึ้นมา

แต่พอได้ยินตัวอักษรคำว่าเย่ ฉินหงเหยียนก็อ่อนไหวขึ้นมาจึงกล่าวถาม “เย่ไหนเหรอคะ?”

“เย่จื่อ…ใบไม้”

ซูมู่ชิงกำลังจะเปิดปากถามแต่ใครจะรู้ว่าซูมู่หลินที่อยู่ข้างๆ กลับชิงพูด “เย่จากเย่เฉินน่ะ!”

เมื่อมีชื่อเย่เฉินโผล่ออกมา บรรยากาศที่กำลังสนุกสนานก็เริ่มตึงเครียดขึ้นมา!

“ไอ้บ้าซูมู่หลิน คิดไม่ถึงว่าจะจงใจใช้ชื่อฉันยั่วประสาทฉินหงเหยียน!”

เย่เฉินตบโต๊ะอย่างหงุดหงิด