ตอนที่ 681 ความจริง! หมอกดำบังตา (1) / ตอนที่ 682 ความจริง! หมอกดำบังตา (2)

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ตอนที่ 681 ความจริง! หมอกดำบังตา (1)

อวี๋กานกานคือศัตรูตัวฉกาจของเธอ เธอไม่มีทางคุกเข่าให้อวี๋กานกานเด็ดขาด!

ตีให้ตายก็ไม่ยอม

ความเกลียดชังแวบเข้ามาในนัยน์ตา กู้ซูหลิงร้องไห้ต่อไป “เธอจะให้ฉันทำยังไงกันแน่”

“ถ้าไม่คุกเข่าก็ไปซะ มีโอกาสแค่ครั้งเดียวต่อให้จะคุกเข่าอีกก็ไม่มีประโยชน์ รีบไสหัวไปซะ ไปไกลเท่าไหร่ยิ่งดี” สิ้นคำอวี๋กานกานก็ก้าวออกไปทันที

กู้ซูหลิงยืนโกรธอยู่กับที่ อีกนิดก็จะกระโดดโลดแล่นแล้ว ถ้าไม่ใช่ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเป็นลูกสาวของกู้เชิน ไม่สามารถก่อความผิดได้จริงๆ เธอก็อยากพุ่งเข้าไปตบหน้าอวี๋กานกานเหมือนกัน

กู้เชินทราบเรื่องที่กู้ซูหลิงบุกไปหาอวี๋กานกานแล้ว

ตอนกลับมาช่วงดึก กู้เชินก็มีแววตาเย็นชาแล้วเอ่ยถามอย่างไม่พอใจ “ได้ข่าวว่าวันนี้กู้ซูหลิงไปหาลูกที่โรงพยาบาลมาเหรอ แล้วยังกดดันลูกต่อหน้าคนหมู่มากอีกใช่ไหม”

อวี๋กานกานหัวเราะ “เธอมาหาหนูแล้วค่ะ แต่กดดันหนูไม่ได้หรอก เธอฝากหนูมาบอกให้คุณพ่อกลับบ้าน ไม่ให้พ่อหย่ากับแม่เธอค่ะ”

กู้เชินมีสีหน้าเรียบนิ่ง “เหลวไหล! พ่อต้องหย่าให้ได้เด็ดขาด”

อวี๋กานกานหรุบขนตางอนหนาเล็กน้อย คีบข้าวเล็กน้อยที่อยู่ในถ้วย

ผ่านไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้นเสียงเบา “อันที่จริงก็ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว ถ้าพ่ออยากจะหย่าหนูเชื่อว่าคุณแม่คงไม่…”

“ลูกเข้าใจผิดแล้ว”

“หืม”

กู้เชินอธิบาย “แม้พ่อจะแต่งงานกับเธอแล้ว แต่การแต่งงานของพ่อกับเธอนั้นแต่งกันแค่ในนามมาโดยตลอด”

อวี๋กานกานตกตะลึง “…”

แต่งงานแค่ในนามตั้งสิบห้าปี ก็เพราะว่าในใจยังคิดถึงเสี่ยวเหยียนอยู่

“นอกจากวันที่เมาเหล้าวันนั้น พ่อก็ไม่เคยทำผิดต่อแม่ของลูกอีก” กู้เชินยกแก้วขึ้นดื่มแล้วเล่าให้ฟังอย่างขมขื่น “ตอนนั้นหลังจากลูกหายตัวไป พ่อคิดจะไล่สองแม่ลูกนั้นออกไปจากบ้านกู้ แต่สุขภาพของคุณย่าไม่สู้ดี อีกอย่างลูกก็รู้ว่าคุณย่ารักหลานชายมากขนาดไหน พอน้องชายลูกคลอดออกมา คุณย่าคะยั้นคะยอให้พ่อตั้งชื่อให้ ไม่งั้นน้องชายลูกจะกลายเป็นเด็กกำพร้า มีครั้งหนึ่งพ่อล้มอยู่ในห้องดอกไม้แล้วกู้ซูหลิงมาเห็นเข้าพอดี ตอนนั้นที่บ้านไม่มีใครอยู่สักคน เธอก็เลยโทรเรียกรถฉุกเฉินส่งพ่อเข้าโรงพยาบาล หลังจากฟื้นที่โรงพยาบาล เธอก็เรียกพ่ออยู่ข้างๆ ขณะนั้นพ่อเลยเกิดความรู้สึกผิดแล้วคิดว่าเห็นหน้าลูก ก็เลย…”

“ก็เลยรักและเอ็นดูกู้ซูหลิงแล้วจดทะเบียนสมรส แต่คุณพ่อเองก็ทำใจไม่ได้ ดังนั้นจึงเป็นสามีภรรยาในนามกับจูอวี้ลู่มาโดยตลอด”

อวี๋กานกานพูดต่อประโยคให้เขาจนจบ แล้วอดถอนหายใจไม่ได้ “ที่จริง คุณพ่อไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ คุณพ่อยังหนุ่ม ตอนนี้ก็ยังดูหนุ่มอยู่เลย แล้วแม่หนูก็เสียไปตั้งนานแล้ว คุณพ่อจะหาคนมาอยู่เคียงข้างก็ไม่ผิดนะคะ แน่นอนว่านิสัยของผู้หญิงคนนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก…” จูอวี้ลู่ดูยังไงก็ไม่ไหว ร้อยเล่ห์มารยาเกินไป

“พ่อรู้ว่าลูกหวังดี แต่พ่อไม่คิดหรอก พ่อมีแค่แม่ของลูกของพอแล้ว” กู้เชินเอ่ยถึงเสี่ยวเหยียนของเขา โดยที่ริมฝีปากยกยิ้มโดยไม่รู้ตัว

อวี๋กานกานไม่รู้จะพูดอะไรอีกดีจึงคีบอาหารให้เขา “อันนี้อร่อยมากค่ะ คุณพ่อกินเยอะๆ แล้วถ้าคุณพ่ออยากกินอะไรก็บอกแม่บ้านหูได้นะคะ เธอสามารถทำให้คุณพ่อทานได้”

กู้เชินสบายใจขึ้นแล้วตอบอวี๋กานกานเบาๆ “ลูกก็กินเยอะๆ หน่อย ที่จริงฝีมือทำกับข้าวของพ่อก็ไม่เลว พรุ่งนี้พ่อจะทำกับข้าวให้กินดีไหม”

“ได้สิคะ แต่ถ้าคุณพ่อยุ่งก็ไม่…”

กู้เชินเอ่ยขัดเธอ “ไม่ยุ่งๆ พ่อมีเวลาเยอะ”

ตอนที่ 682 ความจริง! หมอกดำบังตา (2)

กู้เชินเอ่ยขัดเธอ “ไม่ยุ่งๆ พ่อมีเวลาเยอะ”

เรื่องของลูกสาวสุดที่รักถึงจะสำคัญที่สุด กู้กรุ๊ปเข้าที่เข้าทางมาโดยตลอด และมี CEO มืออาชีพคอยบริหารจัดการ ต่อให้ประธานกรรมการอย่างเขาไม่ปรากฏตัวก็จะไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

แม้ตอนนี้เธอยังไม่เอ่ยเรียกว่าพ่อแต่ก็ไม่เป็นไร เขารู้ว่าเธอยอมรับในใจแล้ว เพียงแต่อายที่จะเรียกออกมาเท่านั้นแหละ

เขาจะพยายามเต็มที่เพื่อเติมเต็มความสัมพันธ์พ่อลูกให้ได้ หวังว่าเธอจะเรียกเขาว่า “พ่อ” ได้เต็มปากสักที

กู้เชินเอ่ยถาม “ใช่สิ ทำไมวันนี้ฟังจือหันกลับดึก เขายุ่งแบบนี้ทุกวันเลยเหรอ ไม่มีเวลาอยู่กับลูกเลยใช่ไหม”

เมื่อเอ่ยถึงฟังจือหัน กู้เชินก็มีสีหน้าเรียบนิ่งด้วยความไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก

อวี๋กานกานยิ้มจางๆ “ไม่ใช่ค่ะ เขาอยู่กับหนูออกจะบ่อย เพียงแต่สองวันนี้เขายุ่งนิดหน่อยค่ะ”

“ต่อให้ยุ่งยังไงก็ต้องมีเวลาอยู่กับเมียสิ” กู้เชินแสดงความไม่พอใจ แล้วเขาก็ถามอย่างจริงจังอีกว่า “ลูกรู้สึกเหมาะสมกับเขาจริงๆ ใช่ไหม ถ้าไม่เหมาะสมก็เลิกซะ อย่าไปเสียเวลา พ่อต้องหาคนที่ดีกว่านี้ให้ลูกได้แน่นอน”

“เมื่อวานที่หนูพูดเรื่องแต่งงาน ไม่ได้พูดไปเรื่อยเปื่อยนะคะ หนุกับฟังจือหันจดทะเบียนกันแล้วจริงๆ เพียงแต่คนอื่นไม่รู้เท่านั้น พวกเราบอกคุณเป็นคนแรก”

“แต่งงานได้ก็หย่าได้ พวกลูกยังหนุ่มยังสาว แต่งงานก็ง่ายเหมือนกินข้าว…” พูดไปกู้เชินก็อดยิ้มไม่ได้ แล้วเอ่ยถามอวี๋กานกานใจจดใจจ่อ “พ่อเป็นคนแรกที่รู้เรื่องลูกๆ แต่งงานกันเหรอ”

อวี๋กานกานอยากช่วยฟังจือหันพูด

เธอพยักหน้า “ใช่ค่ะ แม้กระทั่งคุณปู่และคุณตาของฟังจือหันยังไม่ทราบเลยค่ะ คุณทราบเป็นคนแรก เพราะฟังจือหันพูดว่าให้บอกคุณก่อนเป็นคนแรก”

คำพูดนี้ทำให้กู้เชินสบายใจ ความไม่ชอบใจและกล่าวโทษฟังจือหันหายไปครึ่งหนึ่ง เขากระแอมไอเบาๆ “ดีที่เจ้าเด็กนี่ยังใจดีอยู่บ้าง ไม่เสียแรงที่พ่อดีกับเขาตอนเด็กๆ”

แต่ฟังจือหันตามหาเสี่ยวอวี๋เจอแล้วไม่บอกเขาสักคำ ยังไม่จบแน่!

อย่าหวังว่าเขาจะให้อภัยแล้วยอมให้อยู่กับอวี๋กานกานง่ายๆ

เหอะ!

ขณะนั้นเองเสียงโทรศัพท์ของอวี๋กานกานก็ดังขึ้น เธอหยิบมากดรับสาย แล้วก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดอะไรอวี๋กานกานถึงได้มีสีหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด

กู้เชินขมวดคิ้ววางตะเกียบลงแล้วถามอวี๋กานกานด้วยความเป็นห่วง “เกิดอะไรขึ้น”

“โรงพยาบาล หนูต้องไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ อาจารย์หนูเขา…”

อวี๋กานกานลุกขึ้นยืนใส่รองเท้า เธอสั่นเทาไปทั้งร่างด้วยความหวาดกลัวและวิตกกังวลจนสวมรองเท้าไม่เข้าสักที

กู้เชินคุกเข่าลงมาช่วยเธอสวมรองเท้าแล้วลูบปลอบเธอ “ไม่ต้องรีบๆ พ่อจะขับรถไปส่งลูกเอง”

ระหว่างทางอวี๋กานกานอยู่ในอาการตื่นตระหนก กู้เชินไม่ได้ถามเธอแล้วจดจ่ออยู่กับการขับรถและขับรถไปที่โรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด

มีตำรวจนายหนึ่งนั่งอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน

เมื่อตำรวจเห็นอวี๋กานกานเข้าก็ลุกยืนขึ้นแล้วพูดกับอวี๋กานกานด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าคุณคือคุณอวี๋กานกานใช่ไหม”

“ใช่ค่ะๆ ฉันเอง เกิดอะไรขึ้นกับอาจารย์ของฉันคะ”

“วันนี้ประมาณห้าโมงเย็น มีคนพบว่าคุณเหอสือกุยนอนเลือดท่วมอยู่ข้างถนน เขาถูกแทงเข้าที่หน้าท้องอย่างรุนแรง แต่โชคดีที่เขาเป็นแพทย์อยู่แล้วจึงให้การรักษาตัวเองชั่วคราวก่อน หลังจากช่วยเหลือได้ไม่กี่ชั่วโมง ขณะนี้เขาถูกนำตัวเข้าห้องไอซียู แต่เขายังอยู่ในอาการโคม่าและไม่แน่ใจว่าเขาจะฟื้นขึ้นมาหรือไม่นะครับ”