บทที่ 132 ของขวัญของหวังเยี่ยน
เช่นเดียวกับฐานทัพทะเลมารผู้อยู่อาศัยทุกคนในฐานทัพจงไห่ก็มีบัตรประจําตัวประชาชนเช่นกันแต่แน่นอนว่าบัตรประชาชนของฐานทะเลมารนั้นไร้ประโยชน์สําหรับที่นี่
“ผมเป็นผู้ฝึกยุทธของฐานทะเลมาร ผมจําเป็นต้องด่าเนินการอย่างไรเพื่อที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของฐานจงไห่?” เย่เทียนถาม
“ผู้ฝึกยุทธจากฐานทัพอื่น?”
ราชาที่เป็นคนเฝ้าประตูมองเย่เทียนด้วยความประหลาดใจ ผู้ฝึกยุทธจากฐานทัพใหญ่อื่นๆเขาไม่ค่อยพบเห็น มากนัก
“มันง่ายมากประการแรกต้องอยู่ในขอบเขตราชาประการที่สองคือต้องทิ้งรอยประทับยาวหนึ่งนิ้วไว้บนศิลาจารึกค่ายกลสวรรค์นายจึงจะมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของฐานทัพของทะเลจีนใต้
ราชาผู้เฝ้าประตูกล่าว
“ผมจะทดสอบ!”
เย่เทียนกล่าว
“ขึ้นไปชั้นสามของหอคอยแล้วจงแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าต้องการทดสอบเพื่อเข้าร่วมฐานจะมีคนพานายไปทดสอบ!”
ผู้เฝ้าประตูกล่าว
“ขอบคุณมาก!”
เย่เทียนประสานมือและกล่าว
หอคอยประตูใหญ่มีอยู่หลายชั้น เย่เทียนขึ้นลิฟต์พลังหยวนที่อยู่ข้างๆไปยังชั้นสามส่วนเสียวเสวียนรอเขาอยู่ด้านนอก
ทันใดนั้น
เย่เทียนก็ได้พบกับคนแปลก ๆ เขาคือมนุษย์ที่สูงประมาณสามเมตร “สิ่งที่เย่วหมิงบอกเราเป็นความจริงที่นี่มีมนุษย์ที่สูงสามเมตรอยู่จริงๆด้วย!”
เย่เทียนแอบตกใจ แต่ใบหน้าของเขาไม่ได้แสดงอาการผิดปกติใดๆ
ในสายตาของเขามนุษย์ที่สูง 3เมตรอาจจะดูแปลกอยู่บ้างแต่หากเป็นฐานทัพจงไหนี่อาจเป็นเรื่องธรรมดาหากเย่เทียนแสดงสายตาแปลกๆออกมาไม่แน่ว่าคนผู้นั้นอาจคิดว่าเขากําลังยั่วยุซึ่งมันอาจก่อให้เกิดปัญหาตามมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ตรวจสอบ!”
พรสวรรค์ในการคัดลอกแผ่ขยายเข้าปกคลุมอีกฝ่ายทันที ข้อมูลของคนผู้นั้นปรากฏขึ้นบนจอประสาทตาของเย่เทียน
[พ่อมด: ซากา
พรสวรรค์ในการบ่มเพาะ: หลุดพ้น]
คนผู้นี้มีแต่เพียงพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับหลุดพ้น แต่ไร้ซึ่งพรสวรรค์พิเศษแต่จากข้อมูลเขาไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นพ่อมด
“หรือว่าพ่อมดจะเป็นอีกสายพันธุ์หนึ่งของมนุษย์?”
เย่เทียนคิดกับตัวเอง
บางทีเมื่อเขาเข้าไปในฐานทัพระดับสุดยอด เขาก็จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ต่างๆมากกว่าตอนนี้
ไม่นานปรมาจารย์มนุษย์คนหนึ่งก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเย่เทียน
“ไม่ทราบว่ามีอะไรหรือเปล่า?”
ปรมาจารย์ผู้นี้ไม่ได้แสดงท่าที่เคารพเย่เทียนมากนัก นี่ทําให้เย่เทียนเข้าใจว่าระดับราชาไม่ได้มีตําแหน่งสูงมากในฐานทัพจงไห่ ไม่เช่นอย่างนั้นปรมาจารย์ที่เห็นผู้ฝึกยุทธระดับราชาจะต้องเรียกเขาว่าท่านอย่างแน่นอน
“ผมต้องการรับการทดสอบเพื่อเข้าร่วมฐานคุณช่วยพาผมไปได้ไหม?”
เย่เทียนถาม
“ได้สิ!”
ปรมาจารย์ผู้นั้นนําทางเย่เทียนไปยังห้องขนาดใหญ่ ภายในมีแผ่นศิลาขนาดใหญ่ตั้งอยู่แผ่นศิลาขนาดมหึมานี้น่าจะเป็นแผ่นศิลาค่ายกลสวรรค์หลังจากนั้นเพียงไม่นานผู้ฝึกยุทธระดับราชาก็มาถึงด้านหน้าของเย่เทียน
หญิงสาววัยกลางคนผู้นี้มีระดับการบ่มเพาะที่สูงมาก คาดว่าเธอเกือบจะถึงขีดจํากัดของระดับราชาแล้ว
[มนุษย์: หวังเยียน
พรสวรรค์ในการบ่มเพาะ:ผู้หลุดพ้น
พรสวรรค์ด้านดาบ: ระดับสูง
พรสวรรค์ด้วนความเร็ว: ปานกลาง)
“แข็งแกร่งมาก!
นี่คือความรู้สึกแรกของเย่เทียนที่มีต่อหวังเยี่ยนอีกฝ่ายมีพรสวรรค์ด้านดาบระดับสูงด้วยอายุของเธอบางทีเธออาจเข้าใจเจตจํานงแห่งดาบได้หลายส่วนแล้วและแน่นอนตอนนี้เธออาจจะฝึกฝนทักษะดาบระดับเงินเป็นอย่างต่ํา
เมื่อรวมกับระดับการบ่มเพาะของฝ่ายตรงข้าม พลังการต่อสู้ของหวังเยี่ยนคงจะเป็นรองแค่ระดับราชาไร้เทียมทานเท่านั้น
“เจ้าหนูเจ้าต้องการจะเข้าร่วมฐานทัพจงไม่ใช่หรือไม่?”
หวังเยี่ยนยิ้มมองเยเทียนแล้วถาม
“คุณรู้ได้อย่างไรว่าผมยังเด็ก?”
เย่เทียนไม่พอใจกับคําเรียกขานของอีกฝ่าย
ถึงอย่างไรเขาก็เป็นราชาเหมือนกัน การเรียกคนอื่นว่าเด็กน้อยก็ดูไม่สุภาพเอาเสียเลย
“พลังชีวิตของเจ้านั้นอุดมสมบูรณ์มากอีกอย่างเจ้าก็ไม่ได้ปกปิดมันเลยมันไม่เหมือนกับระดับราชาที่อายุมากแล้วข้าเดาว่าเจ้าน่าจะอายุแค่ยี่สิบกว่าเท่านั้นแต่พี่สาวคนนี้อายุแปดสิบปีแล้วการเรียกเจ้าว่าเด็กน้อยก็ไม่มีปัญหาใช่ไหม?”หวังเยี่ยนกล่าว
“ออร่าของพลังชีวิต…
สีหน้าของเย่เทียนเปลี่ยนไปเขาพบว่าพลังชีวิตของหวังเยี่ยนนั้นอ่อนแอกว่าเขามากไม่ใช่ว่าเธอกําลังใกล้จะตายแต่เป็นเพราะเขาไม่สามารถสัมผัสถึงมันได้ราวกับว่ามันถูกซ่อนไว้อย่างดี
“ในฐานทัพระดับสุดยอด มีวิชาลับที่สามารถซ่อนพลังชีวิตได้อย่างนั้นหรือ?”
เย่เทียนถามด้วยความสงสัย
“ถูกต้อง แม้ว่ามันจะมีค่าอยู่บ้าง แต่ระดับราชาก็ยังสามารถเรียนรู้ได้กันทุกคนเจ้าหนูถ้าเจ้าสามารถประทับตราบนศิลาค่ายกลได้สิบนิ้ว พี่สาวคนนี้จะมอบเคล็ดวิชาลับดังกล่าวให้กับเจ้าดีหรือไม่?”
หวังเยียนพูดอย่างเจ้าเล่ห์
“จริงเหรอ?”
เย่เทียนรู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย
การที่หวังเยี่ยนมองออกถึงอายุของเขาและเห็นพลังชีวิตของเขา มันทําให้เขารู้สึกไม่ดีจริงๆดังนั้นเขาจึงต้องการทักษะลับที่ช่วยซ่อนกลิ่นอายชีวิตของเขาไว้
“แน่นอน!”
หวังเยี่ยนตอบอย่างมั่นใจ
“ตราประทับหนึ่งนิ้วต้องใช้พลังเท่าไหร่?”เย่เทียนมองไปที่แผ่นศิลาค่ายกลสวรรค์และถาม
หวังเหยี่ยนตอบ “ศิลาค่ายกลสวรรค์ใช้วัตถุดิบพิเศษชนิดหนึ่งสลักอักขระอาคมระดับสูงเอาไว้มันสามารถทนต่อการโจมตีของระดับที่สูงกว่าระดับราชาได้หากต้องการทิ้งรอยประทับเอาไว้หนึ่งนิ้วต้องใช้พลัง 1,000 ช้าง
“พลัง 1,000 ช้าง?” เย่เทียนลอบคิดกับตัวเอง
เขาเพิ่งทะลวงผ่านระดับราชาได้มีพลังทางกายภาพ 150 ช้าง หลังจากที่ทําให้พลังของเขามั่นคงแล้วพละกําลังของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็น 200 ช้างเมื่อใช้พลังปราณจะเพิ่มขึ้นเป็น 400 ช้าง บวกกับพรสวรรค์ด้านพละกําลังระดับลึกลับ(ปลอม)เพิ่มพลังขึ้น 30 เท่าก็จะเท่ากับ 12,000 ช้าง
เย่เทียนไม่อยากเปิดเผยทักษะดาบระดับเงิน มิฉะนั้นพลังโจมตีที่เขาปลดปล่อยออกมาจะผิดปกติเกินไป
” 12,000 ช้างก็เพียงพอที่จะทิ้งรอยประทับ 12 นิ้วไว้แล้ว!” เย่เทียนวางแผน
ทันใดนั้นเขาก็ชักดาบฟันไปที่แผ่นศิลาค่ายกลสวรรค์พร้อมกับแอบกระตุ้นพรสวรรค์ด้านพละกําลังระดับความลึกลับ
ตูม!!!!
แสงจากดาบตัดผ่านแผ่นศิลาค่ายกลสวรรค์ทิ้งรอยดาบไว้
หวังหยานขึ้นไปตรวจสอบและกล่าวว่า”ตราประทับขนาด 12 นิ้ว ขอแสดงความยินดีเจ้าสามารถเข้าร่วมฐานจงไห่ได้แล้วและนี่ถือเป็นรางวัลของเจ้า!”
หวังเหยียนหยิบตําราออกมาและโยนมันให้กับเย่เทียน
เย่เทียนไม่ได้เปิดดู เขาเก็บมันไปและพูดว่า “ขอบคุณ!”
ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปจัดการเรื่องเอกสาร!”
หวังเหยี่ยนพาเย่เทียนจัดการเรื่องต่างๆอย่างรวดเร็ว ไม่นานเย่เทียนก็ได้รับบัตรประชาชนของฐานจงไห่จากนั้นเขาก็เข้าไปด้านในฐานทัพจงไห่ทันที
หวังเยี่ยนมองไปที่โปรไฟล์ของเยเทียนและพึมพําว่า
“รากฐานสมบูรณ์แบบ แม้แต่ฐานทัพระดับสุดยอดก็ไม่มีใครสามารถสร้างรากฐานที่สมบูรณ์แบบได้แต่ตอนนี้มีแล้วหนึ่งคน เจ้าหนูคนนี้คงจะเป็นลูกศิษย์ของปีศาจชราบางคนแน่ๆการมีรากฐานที่สมบูรณ์แบบที่แม้แต่ตระกูลใหญ่ของฐานทัพระดับสุดยอดก็ยังยากที่จะเลี้ยงดูได้ถ้าเจ้าหนูนี่มาจากฐานทะเลมารจริงๆไม่มีทางที่ตระกูลไหนสามารถรวบรวมทรัพยากรเพียงพอที่จะสร้างรากฐานที่สมบูรณ์แบบได้เว้นเสียแต่ว่าเขาเป็นศิษย์ของชายชราเร้นกายบางคนการก้าวสู่ระดับราชาตั้งแต่ยังเยาว์วัยเช่นนี้และยังมีรากฐานที่สมบูรณ์แบบพรสวรรค์ในการบ่มเพาะของเขาอย่างน้อยต้องเป็นระดับดารารุ่งหรืออาจจะเป็นจันทร์ทราเลยก็ได้ยี่สี่ของขวัญเล็กๆน้อยๆที่ข้ามอบให้เขาน่าจะได้รับความเกรงใจอยู่บ้างหากสามารถสร้างความสัมพันธ์กับปีศาจน้อยเช่นนี้ได้นับว่าเป็นการลงทุนที่ไม่เลวเลย”
หลังจากเข้าสู่ฐานจงไห่
เย่เทียนพบกับพ่อมดและเผ่าพันธุ์มนุษย์อีกประเภทหนึ่ง ซึ่งก็คือเผ่ามนุษย์สามตา!
แน่นอนว่ามีเผ่าพันธุ์มนุษย์อื่นๆอีก เย่เทียนอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้มากแต่เขาก็ต้องหาโรงแรมเปิดห้องพักผ่อนชั่วคราว
ภายในห้อง
เย่เทียนหยิบตําราที่หวังเยี่ยนให้มา ออกมา บนตําราปรากฏคําหนึ่งเขียนไว้”เคล็ดวิชาลมหายใจเต่า!”
เย่เทียนอ่านชื่อของวิชาลับนี้ แต่วิชาลับนี้มีเพียงหน้าเดียวเท่านั้น และยังมีข้อมูลมากมายที่อยู่ด้านหลังหนึ่งในนั้นคือข้อมูลเกี่ยวกับฐานทัพจงไห่ข้อมูลของเผ่าพันธุ์มนุษย์และประวัติของฐานทัพ
“หวังเยี่ยนผู้นี้ต้องมีเจตนาอะไรหรือไม่ทําไมถึงดีกับเราเช่นนี้?”
เย่เทียนลอบคิด
บางทีอีกฝ่ายคงมองออกว่าเขาเป็นมือใหม่ และยังไม่รู้เรื่องราวของฐานทัพจงไห่มากนักจึงมอบของขวัญชิ้นนี้ให้เย่เทียนพึ่งเข้าร่วมกับฐานจงไห้ของขวัญนี้จึงช่วยเขาได้อย่างมาก
ต้องบอกว่าคราวนี้เขายอมรับน้ำใจของอีกฝ่ายด้วยความเต็มใจ