เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1047 ต่อสู้และหลบหนี (2)

แปลโดย iPAT

 

ไล่ล่าหรือไม่?

 

กลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออกมองหน้ากัน

 

คนแรกที่ตอบสนองคือผู้อมตะระดับเจ็ดถังซ่ง

 

“อย่าคิดว่าสามารถจากไป!” เขาคำรามและไล่ล่าฟางหยวนไปด้วยความเร็วสูง

 

ฟางหยวนตะโกน “อย่าคิดว่าข้ากลัวเจ้า! หากไม่ใช่เพราะภารกิจของข้า ข้าจะฆ่าเจ้าที่นี่!”

 

ถังซ่งโกรธมาก “ไร้สาระ!”

 

ท่าไม้ตายอมตะของเขาเกือบพร้อมใช้งานแล้ว เขาต้องการกอบกู้ใบหน้าของตนและไม่สามารถปล่อยฟางหยวนไป

 

การกระทำของเขาทำให้กลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออกตกตะลึงและติดตามไปเช่นกัน

 

หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลง เขาตะโกน “ผู้ใดไม่กลัวตายก็เข้ามา ฮ่าฮ่าฮ่า”

 

ถังซ่งตะโกนตอบ “คนกลัวตายก็คือคนขี้ขลาด! ไล่ตามเขา พวกเราไม่สามารถปล่อยให้แผนที่ตกอยู่ในมือของคนนอก! โดยการจับคนผู้นี้ พวกเราจะได้รับมรดกของผู้เชี่ยวชาญระดับสูง!”

 

ด้วยการล่อลวงโดยผลประโยชน์ กลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออกจึงเร่งความเร็วขึ้น

 

ฟางหยวนพึมพำ “ช่างโง่เขลานัก”

 

เขาส่งดาบบินออกไป ถังซ่งตกใจและพยายามหลบ นี่ทำให้ท่าไม้ตายอมตะของเขาถูกขัดจังหวะและต้องเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่แรก

 

ถังซ่งกระทืบเท้าด้วยความโกรธ

 

ผู้อมตะระดับเจ็ดหลิวชิงหยูบินผ่านเขาไปและไล่ตามฟางหยวน

 

ฟางหยวนมองและพยายามหว่านความไม่ลงรอย “หลิวชิงหยู แผนที่อยู่กับเจ้าแต่เจ้ากลับไล่ล่าข้า ช่างเป็นการแสดงที่น่าทึ่งนัก!”

 

หลิวชิงหยูโกรธมาก “อย่าหนีหากมีความกล้า!”

 

“หากไม่ใช่เพราะภารกิจของตระกูล เหตุใดข้าต้องวิ่ง?” ฟางหยวนตะโกน “ตามข้าต่อไป หากพวกเจ้ามีความกล้า เรามาดูกันว่าสุดท้ายผู้ใดจะโชคร้ายที่สุด ฮ่าฮ่าฮ่า”

 

ฟางหยวนแสดงออกด้วยความเย่อหยิ่งและปราศจากความหวาดกลัวแม้เขาจะถูกไล่ล่าโดยผู้อมตะจำนวนมาก

 

ในทางตรงข้ามกลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออกเริ่มลังเลมากขึ้น

 

ประเด็นสำคัญก็คือแผนที่อยู่กับผู้ใดกันแน่ สิ่งที่ฟางหยวนกล่าวก่อนหน้านี้มีความเป็นไปได้สูงเช่นกัน

 

นอกจากนี้ดูเหมือนฟางหยวนจะมีกำลังเสริม เพื่อกำหราบสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลฝูงใหญ่ พวกเขาต้องติดตั้งท่าไม้ตายเขตแดนอมตะหรืออาจนำคฤหาสน์วิญญาณอมตะออกมา เรื่องนี้มีความเป็นไปได้สูงมาก

 

“หากเราเข้าสู่ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะ มันจะกลายเป็นเรื่องยาก…” กลุ่มผู้อมตะเริ่มกังวลมากขึ้น

 

ถังซ่งเป็นสมาชิกของกองกำลังใหญ่ เขาอาจไม่กลัว แต่ท่ามกลางผู้อมตะกลุ่มนี้มีผู้บ่มเพาะสันโดษร่วมอยู่ด้วย

 

ผู้บ่มเพาะสันโดษเหล่านี้ไม่มีความสามารถมากนักมิฉะนั้นพวกเขาจะไม่เข้าไปในทะเลไหลเชี่ยวเพื่อแสวงหาโอกาส ท้ายที่สุดเวลาก็เป็นสิ่งมีค่าสำหรับผู้อมตะ

 

ผู้อมตะที่ติดตามอยู่ด้านหลังเริ่มแยกตัวออกไปมากขึ้นเรื่อยๆ

 

หลังจากทั้งหมดผู้อมตะล้วนไม่ใช่คนโง่ พวกเขาเป็นคนฉลาด

 

บางคนไม่เต็มใจปล่อยฟางหยวนไปแต่พวกเขาเกรงว่าตนเองจะวิ่งเข้าสู่ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะและไม่สามารถปลดปล่อยตนเอง ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจให้คนที่อยู่ด้านหน้าเป็นผู้นำและเฝ้ามองอยู่นอกสนามรบ

 

“เจ้าพวกนี้ช่างไร้ประโยชน์นัก!” หลิวชิงหยูที่อยู่ด้านหลังฟางหยวนสบถสาปแช่งแต่เขาก็ลังเลเช่นกัน

 

เขาเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษที่ได้รับโชคลาภโดยบังเอิญและกลายเป็นตัวตนที่โดดเด่น แต่เผชิญหน้ากับท่าไม้ตายเขตแดนอมตะ  เขาก็ยังไม่สามารถทำสิ่งใด

 

กระทั่งถังซ่งยังรู้สึกลังเลแต่เขาก็ไม่กล้าจากไปและทำได้เพียงสะสมความแข็งแกร่งเพื่อรับมือกับกำลังเสริมของศัตรูเท่านั้น

 

ด้วยเหตุนี้การไล่ล่าจึงกลายเป็นการเคลื่อนไหวที่แปลกประหลาด

 

ฟางหยวนบินไปข้างหน้าและตะโกนสาปแช่ง เขามีการบ่มเพาะต่ำกว่าแต่การแสดงออกของเขากลับเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส

 

ด้านหลังคือกลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออกที่แข็งแกร่งแต่พวกเขากลับถูกกดดันและแสดงออกราวกับผู้ถูกกระทำ

 

ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายด้านการบินขณะที่กลุ่มผู้อมตะด้านหลังก็ใช้ท่าไม้ตายด้านการบินเช่นกัน

 

ในความเป็นจริงฟางหยวนมีความมั่นใจน้อยมากกับการกระทำของเขา ‘ช่างยากลำบากนัก! ข้าต้องไปยังกำแพงภูมิภาคและใช้ข้อได้เปรียบด้านสภาพแวดล้อมเพื่อหลบหนีจากพวกเขา’

 

‘หลิวชิงหยู…’ ฟางหยวนจดจำชื่อนี้เอาไว้

 

เขาไม่ได้รับแผนที่ใดๆ หรือบางทีเขาอาจทำลายมันไปแล้ว แต่ก็มีความเป็นไปได้เช่นกันที่แผนที่จะอยู่ในมือของหลิวชิงหยู

 

หากเป็นเช่นนั้นอาจกล่าวได้ว่าทักษะการแสดงของหลิวชิงหยูใกล้เคียงกับฟางหยวนมาก

 

ฟางหยวนเป็นผู้นำกลุ่มบินข้ามผ่านท้องฟ้า

 

ถังซ่งเตรียมท่าไม้ตายอมตะของตนอย่างลับๆและสามารถใช้งานได้แล้ว

 

เขาเคลื่อนที่ผ่านหลิวชิงหยูและเข้าใกล้ฟางหยวนด้วยความตื่นเต้น

 

การกระทำของเขาทำให้ฟางหยวนระวังตัวมากขึ้นและใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติสร้างระยะห่างออกไปทันที

 

“บัดซบ!” ถังซ่งสาปแช่ง ท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ดของเขาจะส่งผลกระทบมากขึ้นในระยะประชิด ด้วยระยะห่างในปัจจุบัน เขาไม่มีโอกาสจับตัวฟางหยวน

 

วิญญาณอมตะระดับเจ็ดทั้งสองดวงยังใช้งานได้ดี ฟางหยวนสามารถสังหารผู้อมตะระดับหกหรือใช้มันเพื่อสร้างระยะห่าง

 

ผู้อมตะระดับหกที่ไม่มีวิญญาณอมตะในการครอบครองถูกทิ้งไว้ข้างหลังอย่างรวดเร็ว

 

เมื่อเห็นฟางหยวนกำลังบินจากไป ผู้อมตะระดับเจ็ดโจวหลี่เริ่มกระวนกระวาย “ข้ามีวิธี ข้าสามารถพาพวกท่านทั้งคู่ไปกับข้าด้วยความเร็วสูง แต่ข้าต้องการสมาธิและไม่สามารถเบี่ยงเบนความสนใจ ข้าหวังว่าพวกท่านจะสามารถหยุดเขา”

 

หลิวชิงหยูและถังซ่งมองหันกันก่อนจะตกลงรับข้อเสนอ

 

หลังจากทั้งหมดคนเหล่านี้มีข้อตกลงกันอยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงมีพื้นฐานของความไว้วางใจ

 

โจวหลี่ปลดปล่อยปราณภูตผีออกจากร่างกายและเพิ่มความเร็วให้กับตนเอง

 

ท่าไม้ตายอมตะสายเคลื่อนไหว!

 

หลิวชิงหยูและถังซ่งกระโดดขึ้นไปบนปราณภูตผีและเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างมีความสุข

 

สถานการณ์ของฟางหยวนกลายเป็นเลวร้าย

 

ก่อนหน้านี้ด้วยการใช้วิญญาณอมตะดาบบินคอยรบกวน เขาจึงสามารถหลบหนีจากกลุ่มผู้อมตะ แต่ตอนนี้ผู้อมตะสองคนมีเวลาเตรียมตัวสำหรับการโจมตีของพวกเขา นี่ถือเป็นภัยคุกคามครั้งใหญ่สำหรับฟางหยวน

 

ฟางหยวนรู้สึกถึงแรงกดดันที่เพิ่มสูงขึ้น

 

เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็เริ่มได้รับบาดเจ็บ

 

“ทำได้ดีมาก คนผู้นี้มีวิญญาณอมตะระดับเจ็ดเพียงสองดวงเท่านั้น เขาไม่มีวิธีการอื่น” โจวหลี่กล่าว

 

“เขาได้รับบาดเจ็บมาก่อนหน้า มันควรเป็นอาการบาดเจ็บที่เกิดจากสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลฝูงนั้น” หลิวชิงหยูกล่าว

 

“แม้เขาจะมีวิญญาณอมตะระดับเจ็ดแต่เขาเป็นเพียงผู้อมตะระดับหก เขาต้องใช้องุ่นเขียวอมตะจำนวนมาก!” ถังซ่งเผยรอยยิ้มเย็นชา

 

พวกเขามันใจในชัยชนะ

 

ดังนั้นพวกเขาจึงอดทนและไม่ได้ระเบิดพลังทั้งหมดออกมาในครั้งเดียว

 

สถานการณ์ของฟางหยวนค่อนข้างอันตราย

 

หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาอาจตายจริงๆ

 

ผู้อมตะเป็นคนฉลาดและสามารถสร้างกลุ่มความคิดที่ซับซ้อน พวกเขาจัดการได้ยากกว่าสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาล

 

หากพวกเขาต่อสู้กันอย่างจริงจัง พลังการต่อสู้ของผู้อมตะกลุ่มนี้ยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับฝูงสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาล แต่ภัยคุกคามจากพวกเขากลับสูงกว่ามาก

 

‘นี่หมายความว่าข้าสามารถพึ่งพากำแพงภูมิภาคเท่านั้น’ ฟางหยวนบินไปยังกำแพงภูมิภาคที่อยู่ใกล้ที่สุด

 

กลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออกยังไล่ล่าเขามาจากด้านหลังพร้อมกับฝูงสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาล

 

ในไม่ช้ากำแพงภูมิภาคก็ปรากฏขึ้นในมุมมองสายตาของฟางหยวน

 

กำแพงภูมิภาคเหมือนจุดสิ้นสุดดินแดน แต่ฟางหยวนกลับบินเข้าไปหามันโดยตรง

 

“โอ้ ไม่ เขากำลังจะเข้าสู่กำแพงภูมิภาค!” หลิวชิงหยูอุทานเมื่อตระหนักถึงความตั้งใจของฟางหยวน

 

“เป็นแผนการที่ดี พวกเราเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด หลังจากเขาไปในกำแพงภูมิภาค พวกเขาจะเผชิญกับแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่” โจวหลี่กล่าว

 

“เร็ว! จู่โจมเขา อย่าให้เขาประสบความสำเร็จ!” ถังซ่งรู้สึกกังวล

 

การโจมตีของผู้อมตะทั้งสองเปลี่ยนไป

 

พวกเขาโจมตีอย่างดุเดือด ฟางหยวนไม่สามารถต่อต้านทำให้เขาได้รับบาดเจ็บมากขึ้น

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า” แต่เขายังหัวเราะ “คนตระกูลถังช่างกล้าหาญนัก! หากข้าตายและทำให้ภารกิจของตระกูลล้มเหลว เราจะไม่ปล่อยเจ้าไป!”

 

หัวใจของถังซ่งสั่นสะท้านขึ้น “เจ้ากล่าวถึงตระกูลตลอดเวลา เจ้ามาจากตระกูลใดกันแน่? ข้ารู้จักกองกำลังฝ่ายธรรมะทั้งหมดของทะเลตะวันออก เหตุใดข้าจะไม่เคยได้ยินชื่อของเจ้า!”

 

ฟางหยวนหัวเราะอีกครั้งด้วยน้ำเสียงแห่งความเกลียดชัง “ถังซ่ง ข้าจะไม่ตกหลุมพรางของเจ้า ภารกิจของเราถูกเก็บเป็นความลับ ข้าถูกส่งตัวมาเพราะเราไม่ต้องการเผชิญหน้ากับการแทรกแซงจากภายนอก แม้เจ้าจะฆ่าข้า ข้าก็จะไม่บอกภูมิหลังของตนเอง ข้าสามารถระเบิดวิญญาณอมตะทั้งหมดของข้า แม้พวกเจ้าจะจับหรือสังหารข้า พวกเจ้าก็จะไม่ได้รับสิ่งใดเลย!”

 

คำกล่าวของฟางหยวนทำให้หัวใจของพวกเขาจมดิ่งลง

 

ศัตรูเช่นไรน่ากลัวที่สุด?

 

ทุกคนมีคำตอบที่แตกต่างกันสำหรับคำถามนี้ แต่ผู้คนจำนวนมากเห็นพ้องต้องกันว่ามันคือศัตรูที่ไม่รู้จัก

 

เผชิญหน้ากับศัตรูที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด พวกเขาไม่สามารถวางแผนการต่อต้าน

 

นี่คือความกังวลของผู้อมตะทั้งสาม

 

ตั้งแต่ต้นจนจบพวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าทั้งหมดเป็นคำโกหกของฟางหยวน

 

อย่างไรก็ตามสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลหายากเกินไป แล้วเหตุใดพวกมันจึงไล่ล่าเขา? เรื่องนี้ต้องมีเบื้องหลัง

 

หากบางคนกล้ายั่วยุพวกมัน พวกเขาย่อมมั่นใจว่าสามารถกำหราบสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลฝูงนี้

 

และในทะเลตะวันออก กองกำลังชนิดใดที่สามารถต่อต้านพวกมัน?

 

ชัดเจนว่ามีเพียงกองกำลังใหญ่เช่นตระกูลถังเท่านั้น

 

คำกล่าวของฟางหยวนทำให้การโจมตีจากผู้อมตะทั้งสามชะลอตัวลง

 

กำแพงภูมิภาคอยู่ตรงหน้า ฟางหยวนเกือบประสบความสำเร็จในการหลบหนี แต่ในจังหวะนี้โจวลี่กลับโจมตีอย่างกะทันหัน!