ในสถาบันไป๋หยวน เจียงหลีได้พบกับหนานอู๋เฮิ่นอีกครั้ง
นอกจากหนานอู๋เฮิ่นแล้ว ยังมีเฟิงสิงอวิ๋นที่กลับมาจากเมืองซีกัน นอกจากนี้เจียงเฮ่าและลู่เสวียนยังคงฝึกฝนในสถาบันไป๋หยวนในราชวงศ์เจียเซียน
“ท่านอาจารย์เฟิง ไม่คิดว่าท่านจะกลับมาแล้ว” เฟิงสิงอวิ๋นและหนานอู๋เฮิ่นช่วยเหลือนางมาหลายต่อหลายครั้ง เจียงหลีจึงปฏิบัติต่อทั้งสองเป็นอย่างดี
เฟิงสิงอวิ๋นแกว่งใบพัดของเขาและหัวเราะ “ข้าไปเพื่อเจ้า เจ้าเองก็กลับมาเป็นจักรพรรดินีแล้ว ข้าจะอยู่ที่นั่นไปเพื่ออะไร”
ที่มาในวันนี้ หนานอู๋เฮิ่นเป็นคนส่งจดหมายมาหานาง โดยได้บอกนางว่ามีเรื่องจะบอกให้ทราบ ส่วนนางเองที่เก็บคำถามไว้มากมายในใจก็อยากจะใช้โอกาสนี้ถามไถ่ให้เข้าใจไปเลย
“นั่งก่อนสิ” หนานอู๋เฮิ่นกล่าวกับทั้งสอง
เจียงหลีนั่งลงแต่ไม่ได้เลือกนั่งบนตำแหน่ง เพียงแค่เลือกเก้าอี้ตัวหนึ่งแล้วนั่งลง “อาจารย์หนาน ตอนนี้พี่ชายของข้าและลู่เสวียนฝึกฝนกันเป็นอย่างไรบ้าง ”
“เจียงเฮ่าฝึกฝนได้อย่างรวดเร็ว เขามีร่างกายที่พิเศษ โดยพื้นฐานแล้วไม่มีความยากนัก เมื่อวานได้เข้าไปโลกอาณาเขตหลิงอู่เพื่อหาวิญญาณยุทธ์อันดับสามที่เหมาะสมกับเขา”
“พี่ชายข้าผ่านขั้นหลิงไซว่แล้วงั้นรึ!” เจียงหลีกล่าวด้วยความดีใจ
หนานอู๋เฮิ่นยิ้มและพยักหน้า “พรสวรรค์ของพวกเจ้าทั้งสองพี่น้องนั้นสามารถทำให้ผู้คนตกตะลึงได้เลยล่ะ”
เจียงเฮ่าต้องการที่จะผ่านให้ได้ เจียงหลีดีใจกับเขาจริงๆ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเขาจะหลอมรวมกับวิญญาณยุทธ์แบบไหนกัน เขาเชี่ยวชาญในด้านการโจมตี คาดว่าวิญญาณยุทธ์อันดันสามของเขาก็คงต้องเกี่ยวกับการดจมตีด้วยเช่นกัน
“พรสวรรค์ของลู่เสวียนไม่ได้อ่อนแอแต่แรกอยู่แล้ว เขาเองก็ฝึกฝนอย่างหนักเช่นกัน อีกไม่กี่ปีเขาก็จะสามารถเข้าสู่โลกหลิงไซว่ได้แล้ว” หนานอู๋เฮิ่นกล่าวอีกครั้ง
ทุกอย่างล้วนเป็นข่าวดีทั้งนั้น ซึ่งนั้นทำให้เจียงหลียิ้มออกมาอย่างจริงใจ
“ที่เรียกเจ้ามาในวันนี้ ข้ามีบางอย่างจะบอกกับเจ้า” หนานอู๋เฮิ่นเปลี่ยนหัวข้อ “คะแนนในการประเมินของเจ้าเพียงพอที่จะมีสิทธิแล้ว ในตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกเดือนกว่าก่อนที่จะส่งคนไปยังซีฮวง หากเจ้าอยากไปด้วยนั้น เจ้าต้องจัดการเตรียมทุกอย่างให้พร้อมแล้ว”
“ซีฮวง” ดวงตาของเจียงหลีสว่างไปครู่หนึ่งแล้วสงบลง
เพื่อดูโลกที่กว้างขึ้น แน่นอนว่ามันคือสิ่งที่นางต้องการอยู่ในใจ แต่ซีฮวงยังไม่เป็นหนึ่งเดียวกัน ปัญหาภายในและภายนอกของราชวงศ์จยาเซียนก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับลู่เจี้ยก็ยังไม่คืบหน้ามากนัก นางจะจากไปในเวลานี้ได้อย่างไรกัน
“ถ้าหากข้าไม่ไป จะมีโอกาสอีกครั้งเมื่อไหร่” เจียงหลีถามหลังจากที่สงบลง
“สามปีหลังจากนี้” หนานอู๋เฮิ่นกล่าว
สามปี!
เจียงหลีเม้มรีฝีปากแน่น
เฟิงสิงอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะเกลี้ยกล่อม “ยาโถว โอกาสที่หายากเช่นนี้ ทรัพยากรของหนานฮวงเทียบไม่ได้กับของซีฮวงเลยถ้าหากเจ้าเข้าช้าไปสามปี ข้าเกรงว่าจะถูกพวกรุ่นเดียวกับเจ้าแซงหน้าเจ้าไปหลายคนนัก อำนาจของจักรพรรดินีหนานฮวงนั้น เมื่อเจ้าได้เข้าไปสัมผัสถึงพลังของซีฮวง เมื่อนั้น เจ้าจะรู้เองว่ามันเทียบไม่ติดเลยจริงๆ”
‘ถ้าเป็นเช่นนั้นละก็ นี้คือสิ่งที่ลู่เจี้ยมอบให้ข้า ข้าจะยอมแพ้ง่ายๆไม่ได้เช่นกัน’ เจียงหลีมองทั้งสองด้วยสายตาแน่วแน่ พูดการตัดสินใจของตนออกมา “ครั้งนี้ ข้าตัดสินใจจะไม่ไปแล้ว สามปีให้หลัง ข้าจะก้าวสู่ซีฮวง แต่ถ้าหากเป็นไปได้ ลู่เสวียนและพี่ชายของข้าจะไปที่นั่นด้วยได้หรือไม่? ”
“คะแนนสะสมของพวกเขาก็สูงมากเช่นกัน ได้แน่นอนอยู่แล้ว” หนานอู๋เฮิ่นกล่าว
“สาวน้อย เจ้าคิดดีแล้วหรือ” เฟิงสิงอวิ๋นพูดอย่างไม่แน่ใจ
“ศิษย์น้องเฟิง สาวน้อยหลีมีแผนของนางเอง เจ้าไม่จำเป็นต้องเกลี่ยกล่อมนางหรอก” หนานอู๋เฮิ่นขัดคำพูดของเฟิงสิงอวิ๋น แล้วพูดกับเจียงหลีอีกครั้งว่า “ตอนนี้ข้ารู้ว่าเจ้ามีความกังวลในใจและไม่มีทางออกไปจากหนานฮวง แต่ในช่วงสามปีนี้หากเจ้ามีเวลา ก็มาเยี่ยมสถาบันบ่อยๆ ได้”
มีบางอย่างในคำพูดของเขา ทำให้เจียงหลีมองเขาอย่างสงสัย
หนานอู๋เฮิ่นมองไปที่นางอย่างลึกซึ้ง “เจ้าจำได้ไหมว่าในสถาบันไป๋หยวนยังมีสามยอดปราชญ์อยู่”
ดวงตาของเจียงหลีหรี่ลง เข้าใจความหมายของหนานอู๋เฮิ่นเลยทันที อาจารย์หนานของนางท่านนี้ คิดเพื่อนางอย่างถี่ถ้วนจริงๆ “ท่านอาจารย์หนาน ท่านอาจารย์เฟิง ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากจะถามไถ่สักหน่อย”
“เจ้าว่ามาสิ” หนานอู๋เฮิ่นพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“ทำไมพวกท่านถึงได้ดีกับข้าเช่นนี้ อย่าบอกว่าเป็นเพราะพรสวรรค์ของข้า ลู่เจี้ยวางแผนหลายอย่างลับหลังพวกท่าน เพราะเหตุใดพวกท่านถึงได้ร่วมมือกันมากเช่นนี้” เจียงหลีก้าวเข้าไปใกล้ขึ้น
ไปที่สถาบันแห่งซีเฉียน ยังมีวิญญาณหลิงอู่ของนกอมตะ…มันคืออะไรกัน ทีทำให้พวกหนานอู๋เฮิ่นร่วมมือกับลู่เจี้ยได้มากขนาดนั้น
หนานอู๋เฮิ่นยิ้มพร้อมกับกางมือออก “เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว นายท่านลู่โน้มน้าวเก่งเหลือเกิน พวกข้าไม่สามารถพูดชนะเขาได้ นอกจากนี้ คำขอที่เขาขอนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรและยังเป็นประโยชน์ต่อเจ้าอีก แล้วเพราะเหตุใดพวกข้าจึงจะปฏิเสธกันเล่านอกจากนี้ เจ้าเป็นศิษย์ของข้านะ มันเป็นเรื่องปกติที่สุดถ้าหากจะคิดเผื่อเจ้าและวางแผนสำหรับเจ้า”
ไม่ใช่หรือ อำนาจของลู่เจี้ยไม่เกี่ยวข้องกับซีฮวงเลยหรือ เจียงหลีรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
เดิมทีนางยังเดาว่าที่หนานอู๋เฮิ่นและคนอื่นๆ ร่วมมือกันมากเพียงนี้ เป็นเพราะว่าพวกเขารู้ถึงพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ของลู่เจี้ย ที่ทำให้พวกเขาทำดีต่อนางได้ขนาดนี้
แต่กลับกลายเป็นว่า ทั้งหมดคือนางคิดมากไปเองงั้นรึ
นางยังคิดว่า ครั้งนี้ นางสามารถเดาตัวตนของลู่เจี้ยได้จากพลังนี้ด้วยซ้ำ
“แค่นั้นน่ะหรือ” เจียงหลีถามอย่างไม่แน่ใจ
“แค่นั้นแหละ” หนานอู๋เฮิ่นมองนางอย่างขบขัน
เจียงหลีปกปิดความผิดหวังของตนไว้และเหม่ออยู่ในสถาบันไป๋หยวนไปครู่หนึ่ง จึงจะจากไป
…
เมื่อกลับถึงที่วัง เดิมทีเจียงหลีที่ยังมีความผิดหวังอยู่เล็กน้อย เมื่อได้พบกับบุคคลที่หายไปสามเดือนที่วังของตน
“ลู่เจี้ย!” เจียงหลีตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เร่งฝีเท้าและเดินเข้าไปหาเขา
แต่ทว่าชายร่างสูงคนนั้นก็มองนางอย่างเย็นชา “ที่แห่งนี้ของเจ้า มีชายอื่นเคยมางั้นหรือ”
เอ่อ…
เจียงหลีหยุดชะงัก มุมปากของเขาก็กระตุกอย่างรุนแรง แล้วพึมพำว่า จมูกไวปานนั้น! วันนี้ หรงอวี้เพิ่งมาที่นี่ได้สักพัก อีกอย่างเขาเพียงแค่ยืนอยู่นอกวัง ไม่ได้เข้าไปในวังเลย และยิ่งไม่ได้เข้าไปในตำหนักของนางด้วยซ้ำ
นางยิ้มและพูดว่า “ผู้ที่สามารถมาที่ของข้าได้นั้น ไม่ใช่มีแค่ท่านคนเดียวหรอกหรือ”
“เจ้ากำลังลังเลรึ” ชายคนนี้ไม่ได้หลงกลนางเลย ผู้หญิงคนนี้บังอาจยั่วยุในสิ่งที่เขาพูดครั้งแล้วครั้งเล่า คิดว่าเขาไม่กล้าฆ่านางหรืออย่างไรกัน
“ไม่มี! ท่านใส่ร้ายข้า!” ดวงตาของเจียงหลีแสดงถึงความไม่พอใจอย่างมาก
ความอ่อนโยนของหญิงสาว ทำให้ความเย็นชาในดวงตาของเขาอ่อนลง แต่ใบหน้าอันหล่อเหลานี้ยังคงนิ่งไม่เปลี่ยน
เจียงหลีค่อยๆ เดินเข้าไปหาเขา และพูดด้วยน้ำเสียงที่น่าสงสารว่า “นานขนาดนี้ท่านเพิ่งจะมาหาข้า พอเจอข้าท่านก็ดุด่าข้า แถมยังใส่ร้ายข้าอีก เสียดายที่ข้ายังคิดถึงท่านทั้งวันทั้งคืน”
“…” ชายหนุ่มกัดริมฝีปากแน่น นางบอกว่า นางคิดถึงเขางั้นหรือ
“พูดจริงหรือ”
หา!
เจียงหลีแทบตามไม่ทันว่าเขาถามอะไร
เขาเข้ามาใกล้เจียงหลีมากขึ้น จ้องที่ตาของนาง และถามว่า “เจ้าบอกว่า เจ้าคิดถึงข้างั้นหรือ เป็นข้า ไม่ใช่คนที่เจ้ากำลังพูดถึงอยู่”
“…” เจียงหลีงุนงง กระพริบตาแล้วพูดอย่างไร้เดียงสาว่า “ไม่ได้เป็นท่านคนเดียวตั้งแต่ต้นหรอกหรือ” ใครคือคนที่นางพูดถึง ลู่เจี้ยคือชาติก่อนของเขาเถอะ!
“…” ชายหนุ่มเงียบลง
เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงถามไปเช่นนั้น และคำตอบของนางก็ดูเหมือนจะไม่เป็นไปตามที่เขาต้องการ
“ข้าไม่ได้ชื่อลู่เจี้ย” หลังจากเงียบไปนาน เขาก็พูดกับเจียงหลี
“แล้วท่านชื่ออะไรกันชื่อเทพของท่าน” เจียงหลีถือโอกาสถาม
แต่ทว่า เขาเพียงแค่พูดเบาๆ ว่า “ข้าไม่มีชื่อ มีแต่ศักดิ์ตำแหน่งเท่านั้น”
เอ่อ…