ตอนที่ 235 ฟู่ต้ากวนมาเยือนเมืองหลวง

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 235 ฟู่ต้ากวนมาเยือนเมืองหลวง

หิมะตกในครานี้ยังมิมีท่าทีว่าจะหยุดเลยแม้แต่น้อย

เพียงพริบตาก็เป็นวันที่ยี่สิบเดือนหนึ่งแล้ว ฟู่ต้ากวนมาถึงจวนฟู่ที่เมืองหลวงเป็นเวลา 4 วันแล้ว แต่เดิมเขาตั้งใจว่าจะรีบไปจัดการสู่ขอให้กับลูกชายให้แล้วเสร็จ แต่คาดมิถึงว่าจะตรงกับวันสวรรคตของไทเฮาเข้าพอดี

บัดนี้จึงยังมิได้เอ่ยถึงเรื่องการสู่ขอแต่อย่างใด ฝ่าบาทได้แถลงราชโองการมาแล้ว งานรื่นเริงทั้งหมดในเมืองจินหลิงภายในหนึ่งเดือนนี้ให้ยกเลิกทั้งหมด หอนางโลม หรือแม้กระทั่งหงซิ่วจาวก็ห้ามเปิดกิจการ โคมไฟสีแดงในเมืองหลวงถูกเปลี่ยนเป็นสีขาวทั้งหมดแล้ว แม้แต่ผู้คนในเมืองหลวง ก็ต้องสวมเสื้อผ้าสีขาวตั้งแต่วันที่สิบแปดของเดือนหนึ่งเช่นกัน

เมืองจินหลิงถูกเปลี่ยนเป็นสีขาวไปทั้งแถบ มีเพียงดอกบ๊วยที่เบ่งบานเท่านั้นที่กล้าละเมิดคำสั่งศักดิ์สิทธิ์ของฮ่องเต้

“ชุนซิ่ว เจ้าว่าวันนี้คุณชายจะกลับมายามใดกัน ? ” สีหน้าของฟู่ต้ากวนดูวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด

“เรียนนายท่าน บ่าวคิดว่าตอนนี้ในวังหลวงคงอึกทึกครึกโครมอยู่เป็นแน่ เกรงว่าคุณชายจะปลีกตัวออกมาได้ยากเจ้าค่ะ”

“เยี่ยงนั้น…เจ้าพาข้าไปเดินเล่นในเมืองหลวงหน่อยเถิด ไปยังที่ที่คุณชายเคยไป ข้าอยากจะไปดูเสียหน่อย”

“เจ้าค่ะนายท่าน ! ”

ในรถม้าฟู่ต้ากวนก็ได้เอ่ยถามเรื่องราวของฟู่เสี่ยวกวนในเมืองหลวงอีกครา ชุนซิ่วต่างพูดไปทีละเรื่อง ๆ กล่าวถึงการต่อสู้ที่อันตรายที่ถนนเส้นยาว และก็ได้กล่าวถึงบทกวีและบทความที่ยอดเยี่ยมของคุณชาย เป็นต้น

ความจริงมีอยู่หลายเรื่องที่นางมิได้เข้าไปมีส่วนร่วมด้วยตนเอง แต่นั่นมิได้มีผลกระทบกับข่าวคราวที่นางได้ฟังมา

เกินจริงไปเสียหน่อย แต่เมื่อเทียบกับเรื่องจริงที่ได้ฟังมาก็ดูมีชีวิตชีวามากกว่า

“วันนั้นหิมะตกหนัก คุณชายอยู่ที่ถนนเส้นยาวนี้ และได้ลงโทษอันธพาลผู้หนึ่ง ผลลัพธ์ก็คืออันธพาลผู้นั้นเป็นบุตรชายของฮุ่ยชินอ๋อง ต่อมาคุณชายก็ได้เผชิญหน้ากับการแก้แค้นของฮุ่ยชินอ๋อง ทหารม้า 400 นายปรี่ไปสังหารคุณชาย เห็นเพียงคุณชายยืนอยู่บนถนนเส้นยาวเพียงลำพัง มือถือดาบเล่มใหญ่ราวกับเทพเจ้าลงมาจุติ และสังหารทหารม้า 400 นายจนเหลือไว้เพียงเกราะแห่งความอับอาย ! ”

“นายท่าน ท่านคงยังมิเคยเห็นท่าทางที่น่าเกรงขามของคุณชายในเวลานั้น สายโลหิตห้าลี้บนถนนยาวสิบลี้ กล่าวได้ว่านั่นคือผลงานของคุณชาย” ชุนซิ่วกล่าวไปแล้วก็ลอบมองฟู่ต้ากวน และเอ่ยอีกว่า “นายท่านต้องการลงรถไปดูหรือไม่เจ้าคะ ที่นี่คือถนนเส้นยาวเจ้าค่ะ”

“เยี่ยงนั้นต้องไปดู ! ”

ฟู่ต้ากวนและชุนซิ่วลงจากรถม้า ซึ่งเป็นหน้าร้านของร้านอู่เว่ยจายพอดี

ชุนซิ่วยื่นมือชี้ไปทางด้านหน้า และกล่าวว่า “วันนั้นในที่แห่งนี้ คุณชายยืนอยู่ที่ตรงนี้ ทหารม้า 400 นายปรี่มาจากฝั่งตรงข้าม…นายท่านคงยังมิทราบ ทุกคนที่อยู่บนถนนเส้นยาวนั้นแตกฮือราวกับนก มีเพียงคุณชายยืนอยู่เพียงผู้เดียว ชายเสื้อปลิวไสว ถือดาบและพุ่งเข้าไปหาทหารม้ากองนั้น ไม่มีศัตรูคนใดที่เหมาะสมกับดาบเล่มนั้นได้เลยเจ้าค่ะ”

ชุนซิ่วภูมิใจอย่างมาก จึงได้ผายมือขึ้นมา “วันนั้นดวงอาทิตย์ส่องแสง เส้นทางที่คุณชายพาดผ่านต่างมีสายโลหิตสาดกระเซ็นไปทั่ว…” ขณะที่กล่าวนางก็เดินไปข้างถนน หลังจากนั้นก็โน้มตัวลงไปหาอย่างตั้งใจ ราวกับกำลังหาร่องรอยของเลือดในวันนั้นมาเป็นหลักฐานว่าตนมิได้โอ้อวด แต่นางตามหาไม่เจอ จนเกือบจะชนเข้ากับเจียงหยูที่เพิ่งออกมา

“แม่นางท่านกำลังตามหาสิ่งใดอยู่กัน ? ” เจียงหยูเอ่ยถามอย่างสงสัย

“อือ… มิมีเจ้าค่ะ แม่นางได้เห็นการสู้รบที่ผ่านมาเมื่อหลายวันก่อนหรือไม่ ? ”

เจียงหยูสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และพยักหน้า

ชุนซิ่วดีใจอย่างมาก “ท่านจะสามารถเล่าให้นายท่านของข้าฟังได้หรือไม่ ? ”

“พวกท่าน…เป็นใครกัน ?”

“โอ้ ชายหนุ่มที่ลงโทษคนชั่วที่นี่ในวันนั้นคือคุณชายของเจ้านายตระกูลของข้าเอง”

“คุณชายฟู่รึ ? ” ดวงตาเจียงหยูเป็นประกาย

“ใช่เจ้าค่ะ ! ”

เจียงหยูเดินมายังเบื้องหน้าฟู่ต้ากวน และคำนับอย่างนุ่มนวล “วันนั้น เป็นคุณชายฟู่ที่ออกโรงเพื่อข้า หากมิใช่คุณชายฟู่ เกรงว่าข้า…คงได้ตกอยู่ในเงื้อมมือของคนชั่วไปนานแล้ว”

ฟู่ต้ากวนผงะ เขาคิดจริง ๆ ว่าชุนซิ่วเพียงทำเพื่อให้เขาเบิกบานเท่านั้น เขาจะไม่รู้ถึงบทบาทของบุตรชายตนเองได้เยี่ยงไร ?

หากกล่าวว่าฟู่เสี่ยวกวนได้ประพันธ์บทกวีที่ยอดเยี่ยมในตอนนี้เขาจักเชื่ออย่างแน่นอน แต่หากจะกล่าวว่าฟู่เสี่ยวกวนถือดาบด้วยท่าทีดุดันเยี่ยงนั้น…ต่อให้ตายเขาก็ยากที่จะเชื่อ

“วันนั้นบุตรชายของข้าได้สู้รบกับกองทหารม้า 400 นายจริงหรือไม่ ? ”

เจียงหยูพยักหน้าอย่างหนักแน่น แล้วกล่าวว่า “วันนั้นข้างกายคุณชายฟู่ยังมีสตรีที่งดงามอีกหนึ่งนาง แม่นางผู้นั้นก็มีฝีมือที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก แน่นอนว่า คุณชายฟู่เก่งกาจอย่างมาก สายโลหิตห้าลี้ในถนนเส้นยาวสิบลี้ที่เป็นที่กล่าวขานในเมืองหลวง ก็คือการต่อสู้ของคุณชายฟู่ในวันนั้นเจ้าค่ะ”

“ชนะรึ ? ”

“คุณชายฟู่ย่อมชนะอยู่แล้วเจ้าค่ะ ! ”

ฟู่ต้ากวนอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง เกล็ดหิมะตกลงในปากของเขา ค่อนข้างชุ่มฉ่ำไม่น้อย

“แล้วเขาได้รับบาดเจ็บหรือไม่ ? ” จากนั้นฟู่ต้ากวนก็กังวลขึ้นมา

“เรื่องนั้น…ข้าเองก็มิทราบ แต่เรื่องที่ร่างของคุณชายฟู่อาบเลือดนั่นคือเรื่องจริง เพียงแต่มิทราบว่านั่นคือโลหิตของศัตรูหรือของ… จากนั้นเขาก็ได้เดินจากไป ข้ามิทันแม้แต่จะกล่าวขอบคุณเขาด้วยซ้ำ”

“โอ้… ! ” ฟู่ต้ากวนพยักหน้า ใบหน้าที่อวบอิ่มนั้นฉีกยิ้มขึ้นมา “ขอบคุณแม่นางที่เล่าสู่กันฟัง”

กล่าวจบเขาก็เดินไปด้านหน้า ปล่อยให้หิมะตกหนักใส่ร่างของตน ราวกับอยากดูว่าห้าลี้นั้นแท้จริงแล้วมีความยาวเท่าใด ราวกับกำลังครุ่นคิดว่าช่วงเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนดี บุตรชายผู้นี้ได้เก่งกาจขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

ต่อจากนั้นพวกเขาก็ได้มายังอารามซุ่ยเยว่

ฟู่ต้ากวนเพียงเมียงมอง หลังจากนั้นก็ขึ้นรถม้าและตรงไปยังตรอกซานเยวี่ย และหยุดอยู่ที่หน้าประตูจวนฮุ่ยชินอ๋องอยู่ครู่หนึ่ง

“ที่นี่คือจวนฮุ่ยชินอ๋อง” ชุนซิ่วชี้เข้าไปและกล่าวว่า “ในวันที่สองของสนามรบนองโลหิต คุณชายร่ำสุราท่ามกลางหิมะ ณ ที่แห่งนี้ และได้สังหารคนชั่วไปหลายสิบคน”

“ความขัดแย้งของคุณชายและจวนฮุ่ยชินอ๋องผู้นี้ได้รับการคลี่คลายแล้วหรือยัง ? ” ฟู่ต้ากวนเองถามด้วยความกังวลอย่างยิ่ง คิดว่าคนผู้นี้คือชินอ๋องที่สง่าผ่าเผย ชุนซิ่วผู้นี้ย่อมมิทราบว่ามันร้ายแรงเพียงใด หากก่อให้เกิดหายนะที่ใหญ่หลวงขึ้น จะได้รีบกลับไปที่หลินเจียงเพื่อเก็บของมีค่าและเพื่อให้หนีได้ทัน

“คลี่คลายไปเนิ่นนานแล้วเจ้าค่ะ ฮุ่ยชินอ๋องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ได้ยินว่าจะจากเมืองหลวงไปในต้นฤดูใบไม้ผลิ เหมือนจะกลับไปยังหลิงหนาน บ่าวเองก็มิได้สนใจเจ้าค่ะ”

“ชนะเยี่ยงนั้นรึ ? ”

“อือ” ชุนซิ่วยังคงพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ชนะเจ้าค่ะ !”

ฟู่ต้ากวนถอนหายใจอย่างโล่งอก เจ้าเด็กคนนี้ เรื่องสำคัญถึงเพียงนี้กลับมิมีบอกกล่าวในจดหมาย พอข้ามาถึงเมืองหลวงเจอหน้ากันก็ไม่แม้แต่จะบอกกล่าวสักเล็กน้อย แบบนี้ไม่ได้การ จะปล่อยให้เขาปกปิดทุกอย่างมิได้ เช่นนั้นจะต้องเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นในไม่ช้าก็เร็วเป็นแน่ !

ต่อจากนั้นชุนซิ่วก็พาฟู่ต้ากวนไปยังหลานถิงจี๋

“คุณชายเริ่มต้นจาก ณ ที่แห่งนี้” ชุนซิ่วชี้ไปยังบนกำแพงของหอหลานถิง แน่นอน ว่าบนกำแพงในตอนนี้มิเหลืออันใดแล้ว

“ยามที่คุณชายมาถึงเมืองหลวงปีที่แล้ว นโยบายบรรเทาสาธารณภัยได้ถูกติดไว้ที่นี่ นโยบายฉบับนั้นได้เข้าพระเนตรของฝ่าบาท หลังจากนั้นฝ่าบาทก็ได้พระราชทานตำแหน่งจิ้นซื่อให้แก่คุณชาย ทั้งยังตกรางวัลเป็นขุนนางขั้นห้าเรียกว่าอะไรสักอย่างนี่แหละเจ้าค่ะ”

“ฉาวซ่านต้าฟู เจ้าจงจำให้มั่น” ฟู่ต้ากวนสำทับอีกหนึ่งประโยค

“อ่า ใช่ ฉาวซ่านต้าฟูเจ้าค่ะ”

และชุนซิ่วก็ได้พาฟู่ต้ากวนมายังเบื้องหน้าของหินเชียนเปยสือ

“เทศกาลไหว้พระจันทร์เมื่อปีที่แล้วทำนองเพลงสายน้ำบทนั้นของคุณชาย นายท่านดูเจ้าค่ะ สลักไว้เป็นลำดับที่หนึ่ง”

ฟู่ต้ากวนเงยหน้าขึ้นไป เขาทราบถึงเรื่องนี้ แต่น่าเศร้าใจที่เพียงแค่ได้ยินยังมิเคยได้มาเห็นด้วยตาตนเอง

หินเชียนเปยสือรึ !

นี่คือความฝันของนักวรรณกรรมตั้งมากมาย !

คาดมิถึงว่าบุตรชายของตนเองจะทิ้งชื่อไว้ที่ด้านบนนี้จริง ๆ !

พรจากบรรพบุรุษตระกูลฟู่ วิญญาณของหยุนชิงที่อยู่บนสวรรค์คอยให้พรอยู่เป็นแน่ ระดับวรรณกรรมของตระกูลฟู่ลอยสูงขึ้น ได้กำเนิดนักปราชญ์มาแล้ว 1 คน

แต่แล้วเรื่องที่ตามมานั้นก็ทำให้น่าตกใจเสียยิ่งกว่า

“นี่คือ ‘ชิงหยู่หว่าน ค่ำคืนแห่งหยวนเซียว’ ที่คุณชายประพันธ์ขึ้นที่เทศกาลโคมไฟเจ้าค่ะ นายท่านดูสิเจ้าคะ ได้สลักเป็นอันดับที่หนึ่งเช่นกัน” ชุนซิ่วไม่ได้มาร่วมเทศกาลโคมไฟ นางนึกเสียใจอยู่มาก แต่ในยามนี้กลับคิดได้อย่างทะลุปรุโปร่งยิ่งขึ้น

สุดท้ายแล้วตนเองก็เป็นเพียงสาวใช้ของคุณชาย คุณชายบินสูงขึ้นเรื่อย ๆ นางรู้สึกว่าตนเองตามคุณชายมิทันเสียแล้ว เยี่ยงนั้นก็ช่วยคุณชายจับตามองจวนฟู่เสียดีกว่า ให้คุณชายมิต้องคอยละล้าละลังกับด้านหลัง นั่นต่างหากที่เป็นเรื่องที่ตนเองควรกระทำในตอนนี้

ฟู่ต้ากวนเดินมายังเบื้องหน้าหินเชียนเปยสือ ด้านข้างกันนั้นยังมีผู้คนอีกมากมายที่เงยหน้ามอง เขาอ่านบทกวีนั้นอย่างตั้งอกตั้งใจ ถึงได้ทราบว่าตนเองรู้จักบุตรชายผู้นี้น้อยยิ่งนัก

ได้ยินผู้คนด้านข้างต่างพูดถึงบทกวีนี้ เอ่ยชื่นชมบุตรชายของตน ในใจของเขาก็ยิ่งมีความสุขราวกับดอกไม้บาน

คิดถึงเมื่อปีนั้น ตนเองก็เคยมาที่หลานถิงจี๋แห่งนี้ และก็ได้อ่านท่องบทกวีบนหินเชียนเปยสือเฉกเช่นคนเหล่านี้เช่นกัน ในใจก็เกิดความริษยาที่อธิบายไม่ได้

ตอนนั้นยังจินตนาการไว้ว่าหากบทกวีของตนได้ขึ้นบนหินเชียนเปยสือนี้ หยุนชิงคงไม่ต้องรับโทษจากจวนสวี่เยี่ยงนี้

ความฝันของข้ามิได้สมปรารถนา แต่ข้าก็มีบุตรชายที่ทำให้มันสัมฤทธิ์ผลได้ !

ทั้งยังได้ถึงสองบท !

และสองบทนั้นก็ได้สลักเป็นลำดับที่หนึ่ง

เยี่ยงนี้ยังมีลำดับที่สองบนหินเชียนเปยสืออีกรึ ?

ฟู่ต้ากวนตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด ในใจคิดว่าควรจะหาวันเวลาพาฟู่เสี่ยวกวนไปพบกับคนที่จวนสวี่ดีหรือไม่ ? มิใช่ บทกวีของบุตรชายน่าจะเผยแพร่ไปทั่วเมืองหลวงแล้ว เยี่ยงนั้นจวนสวี่เองก็ย่อมทราบ เหตุใดพวกเขาจึงมิมาจวนฟู่เพื่อเข้าพบเสี่ยวกวนกัน ?

ในตอนที่เขากำลังสับสนงุนงง ชุนซิ่วก็กล่าวอีกว่า “นายท่านเจ้าคะ ท่านตามข้ามา”

ชุนซิ่วพาฟู่ต้ากวนไปยังด้านหน้าหินเชียนเปยสืออีกหนึ่งแผ่น “นายท่าน ดูเจ้าค่ะ”

ฟู่ต้ากวนเงยหน้าขึ้นไปมองอีกครา ลำดับที่หนึ่งที่ได้สลักบนหินเชียนเปยสือแผ่นนั้นก็คือชื่อของฟู่เสี่ยวกวนอีกคราพร้อมกับ ‘เยาวชนราชวงศ์หยูกล่าว’ ที่เขาเป็นผู้ประพันธ์ !

นี่มัน…!

ที่หนึ่งถึงสามครา !

บทกวีและบทร้อยแก้วของบุตรชายตนได้สลักเป็นลำดับที่หนึ่งถึง 3 ครั้ง !

เขากลับสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ประจวบเหมาะกับที่ด้านข้างนั้นได้มีชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังท่องมันอยู่ เยาวชนราชวงศ์หยูที่งดงามของข้า อมตะเหมือนฟ้า !

เยาวชนราชวงศ์หยูที่แข็งแกร่งของข้า ไร้ขอบเขตเหมือนแว่นแคว้น !

ฟู่ต้ากวนหันไปมองชายหนุ่มผู้นั้น รอยยิ้มบนใบหน้าอวบสดใสอย่างไร้ที่เปรียบ และเอ่ยถาม “ขอถามคุณชาย บทความนี้ดีเยี่ยงไรรึ ? ”

ชายหนุ่มผู้นั้นสองมือไขว้หลังยืนด้วยท่าทีทะนงตัว ชำเลืองมองฟู่ต้ากวนอย่างเหยียดหยามเล็กน้อย และตอบอย่างภาคภูมิใจถึงที่สุดว่า “บทความนี้ย่อมดีเป็นแน่แท้ มิเพียงแต่ได้บัญญัติเป็นบทเรียน ทั้งยังได้สลักเป็นอันดับหนึ่งบนหินเชียนเปยสือ ลองถามนักวรรณกรรมทั่วใต้หล้าได้ ยังมีผู้ใดอยู่สูงยิ่งกว่าคุณชายฟู่อีกหรือไม่ ! ”

กล่าวอย่างภาคภูมิใจราวกับว่าเขาเป็นผู้เขียน

ทันใดนั้นฟู่ต้ากวนก็ส่งตั๋วเงินหนึ่งร้อยตำลึงให้กับชายผู้นั้น “เจ้ากล่าวได้ เยี่ยมมาก !”

ชายหนุ่มผู้นั้นรับมา ทันใดนั้นดวงตาก็เบิกกว้างอย่างตกตะลึง “ท่านตาผู้นี้ ท่านกำลังหมายความว่าเยี่ยงไร ?”

“ข้าเห็นเจ้าใส่เสื้อผ้าที่ค่อนข้างบาง ชีวิตของนักวรรณกรรมมิได้ดีเท่าใดนัก ข้าทราบดี นำไปซื้อเสื้อผ้าเพิ่ม และที่เหลือก็ซื้อตำราเสีย”

ทันใดนั้นกระบอกตาของนักวรรณกรรมผู้นั้นก็ร้อนผ่าว และกุมมือของฟู่ต้ากวนเอาไว้อย่างเร่งรีบ “ท่านตา ท่านคือตาของข้า ซือหม่าหนานผู้นี้ !”

“เยี่ยงนั้นเจ้าก็คือบุตรชายของฟู่เสี่ยวกวนแล้ว”

ใบหน้าของซือหม่าหนานชะงักค้าง ชายชราผู้นี้กล่าวอันใดกัน ?

ฟู่ต้ากวนหัวเราะและปลีกตัวเดินออกมา “ข้าคือบิดาของฟู่เสี่ยวกวน ! ”

มารดามันเถอะ “นายท่านโปรดรอก่อน ! ”

ซือหม่าหนานรีบตามติด ชายหนุ่มรอบด้านต่างก็ได้ยินประโยคนั้น ให้ตายเถอะ ! บิดาของฟู่เสี่ยวกวนนี่ !

“นายท่านขอรับ…นายท่าน… หอซื่อฟาง ข้าหม่าซิงกำลังจะจัดงานเลี้ยงที่หอซื่อฟาง ขอเชิญนายท่านร่วมดื่มกับพวกเราด้วยเถิด !”

ฟู่ต้ากวนโบกชายเสื้อด้วยท่าทีเรียบเฉย “ข้ามิว่าง ! ”