ไม่มีใครกล้าออกมาปกป้องเฝิงจิ้งเพราะความน่าเกรงขามของจู้ซิงมีเดีย เพียงแค่การโจมตีครั้งแรกของพวกเขาก็เพียงพอที่จะทำลายเฝิงจิ้งได้แล้ว
ถึงกระนั้นเฝิงจิ้งยังคงไม่เกรงกลัวที่จะเล่นกับไฟ ไม่ว่าโลกภายนอกจะตัดสินเธออย่างไร เธอก็ยังคงยืนหยัดต่อสู้เพียงลำพัง ความจริงแล้วเธอได้อ้างว่าจู้ซิงมีเดียกำลังใส่ร้ายและกดขี่ข่มเหงเธอ มีผู้คนบนโลกอีกหลายคนที่ทุกคนมองว่าเป็นคนหน้าไม่อาย หากแต่พวกเขาก็ยังไม่ยอมแพ้และตั้งแง่รังเกียจคนอื่นกลับ
มิหนำซ้ำพวกเขายังพล่ามเรื่องน่าขยะแขยงออกมาเองเสียด้วย
แน่นอนว่าเฝิงจิ้งอาจคิดว่าตัวเองสามารถทำร้ายหลินเฉี่ยนได้ ทว่าในความเป็นจริงหลินเฉี่ยนไม่ได้สนใจคำพูดของเธอเลยแม้แต่น้อย
เธอกำลังจะแต่งงานในวันพรุ่งนี้ เวลาว่างที่เธอมีจึงหมดไปกับการตรวจสอบการเตรียมการงานแต่งให้เรียบร้อย
อย่างไรเสียถังหนิงก็ได้ระบายความโกรธของเธอไปบ้างแล้ว
สำหรับเรื่องเบื้องลึกเบื้องหลังของหลินเฉี่ยน สาธารณชนไม่ได้คาดหวังไว้สูงมากนัก ถึงจู้ซิงมีเดียอาจจะออกมาแฉเรื่องของเฝิงจิ้ง แต่พวกเขาก็ไม่เคยชี้แจงรายละเอียดในการเกิดและเติบโตมาของหลินเฉี่ยนแต่อย่างใด
ทว่าหลินเฉี่ยนเข้าใจว่ารอยด่างพร้อยบางอย่างไม่อาจขจัดออกไปได้
ต่อให้พวกเขาทำอย่างนั้นได้ เธอเองก็ไม่ต้องการมันเพราะเธอเพียงต้องการใช้ชีวิตด้วยความจริงใจ
“งานแต่งงานวันพรุ่งนี้จะต้องได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนอย่างแน่นอนค่ะ คุณแน่ใจเหรอคะว่าพ่อแม่ของคุณจะไม่เป็นอะไรน่ะค่ะ” นี่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่หลินเฉี่ยนเนห่วงในตอนนี้ เธอไม่ต้องการเห็นเกียรติยศของตระกูลหลี่ต้องมาถูกย่ำยีเพราะเธอ
“คุณไม่ต้องกลัวหรอกครับ ผมมั่นใจว่าคุณรู้ว่าพ่อแม่ของผมคอยหนุนหลังคุณแค่ไหน” หลี่จิ่นเอ่ยพลางลูบหลังเธออย่างปลอบโยน
“หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะคะ”
“รีบเข้านอนเถอะครับ พรุ่งนี้เราต้องตื่นกันแต่เช้านะครับ”
แม้ว่าหลินเฉี่ยนจะยังไม่มั่นใจนัก แต่เธอก็ยังคงทำตามที่เขาบอกและเข้านอนแต่หัวค่ำ หากแต่ท่ามกลางความเงียบงันยามดึก เธอยังคงรู้สึกน้อยใจในชีวิตตัวเอง เธอกำลังจะแต่งงาน วันสำคัญที่เธอควรจะมีความสุข แต่กลับยังต้องมาคอยหวาดระแวงกับทุกอย่าง
เป็นธรรมดาที่หลินเฉี่ยนจะคิดเช่นนั้น ทว่าเธอไม่รู้ว่าถังหนิงได้วางแผนไว้เรียบร้อย ทั้งหลี่จิ่นยังเตรียมการร่วมกับตระกูลกู้อีกด้วย ด้วยไม่มีใครต้องการเห็นหลินเฉี่ยนต้องทุกข์ใจในวันแต่งงานของเธอเอง
ในขณะที่ถังหนิงวานให้โม่ถิงจ้างบอดีการ์ดกลุ่มหนึ่งมาให้ ตัวแทนจากตระกูลกู้ก็มาถึงหน้าบ้านตระกูลหลี่แต่เช้าตรู่โดยสวัสดิภาพ
เมื่อหลินเฉี่ยนเห็นดังนั้น เธอถึงกับอึ้งไป ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเธอก่อนเอ่ยขึ้น “คุณหนูครับ เพราะคุณเป็นลูกหลานของตระกูลกู้ กรุณาให้ผมได้ช่วยเหลือคุณด้วยนะครับ ผมเป็นพ่อบ้านประจำตระกูลกู้และทำหน้าที่ดูแลท่านประธานมากว่าครึ่งชีวิต แทบเรียกได้ว่าเป็นคนเก่าแก่ของตระกูลเลยล่ะครับ ผมจึงขอใช้สิทธิ์นี้ในการเป็นตัวแทนของพวกเขาครับ”
หลินเฉี่ยนหันไปมองหลี่จิ่นก่อนเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าให้
มันเป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมของตระกูลกู้ที่จะทำเช่นนี้
จากนั้นหลินเฉี่ยนและหลี่จิ่นก้าวขึ้นรถของพวกเขา และมาถึงโรงแรมซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน ในขณะที่หลินเฉี่ยนแต่งหน้าหลี่จิ่นจึงเริ่มออกไปต้อนรับแขก
สื่อมวลชนบางคนมาถึงเช่นกัน ทว่าหลี่จิ่นไม่ได้ขวางพวกเขาไว้เพราะถังหนิงเป็นคนเชิญพวกเขามาเองพร้อมการแสดงเด็ดๆ ที่กำลังจะมาถึง
คู่รักโม่มาเป็นสักขีพยานในงานแต่งงาน รวมถึงศิลปินของจู้ซิงมีเดียยกเว้นลัวอิงหงที่ได้ปรากฏตัวขึ้นในงาน การแต่งงานจึงเป็นไปด้วยบรรยากาศชื่นมื่น
ในตอนนี้เองที่เฝิงจิ้งพยายามสร้างกระแสด้วยเรื่องราวเบื้องหลังของหลินเฉี่ยนอีกครั้ง ด้วยต้องการทำให้เธออับอายขายหน้า
เพราะอิทธิพลของเฝิงจิ้ง แขกหลายคนในงานแต่งงานไม่เข้าใจในตัวหลินเฉี่ยนและไม่ทราบว่าตระกูลหลี่กำลังคิดอะไรอยู่
พวกเขาต่างรู้สึกว่าหลี่จิ่นจะตกเป็นขี้ปากชาวบ้านหลังจากแต่งงานกับภรรยาอย่างหลินเฉี่ยนไป แม้แต่เจ้าหน้าที่ผู้บังคับบัญชาประจำฐานทัพยังไม่ได้มองเธอในแง่ดีนัก
หากแต่หลี่จิ่นไม่ได้อธิบายอะไรออกไปขณะที่เขาต้อนรับแขกที่เข้าร่วมงานด้วยท่าทีเรียบเฉย…
…
ภายในห้องแต่งตัวของเจ้าสาว หลินเฉี่ยนอยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวแสนงดงาม ชุดที่หลี่จิ่นเป็นคนออกแบบด้วยตัวเอง ตอนนี้มันได้มาอยู่บนเรือนร่างของเธอแล้ว ในที่สุดเธอก็สัมผัสได้ถึงความเป็นจริงเสียที
เธอกำลังจะแต่งงานแล้ว…
ทว่าเธอยังคงคอยติดตามดูความเห็นบนโลกออนไลน์ในระหว่างที่เธอกำลังแต่งหน้า
“มีคนมาสร้างความวุ่นวายด้านนอกหรือเปล่าคะ”
“เธอเป็นห่วงเรื่องอะไรล่ะ” ถังหนิงถามพลางทิ้งตัวลงนั่งข้างเธอ
“ฉันเป็นห่วงว่าตระกูลหลี่จะเสียชื่อเพราะฉันน่ะค่ะ…”
“หลี่จิ่นกำลังแต่งงานกับเธอแล้วนะ เธอคิดว่าเขาสนใจเรื่องพวกนี้เหรอ” ถังหนิงถาม “พิธีกำลังจะเริ่มแล้ว เธอยังจะกังวลทำไมอีกล่ะ”
“คนอื่นกำลังหัวเราะเยาะตระกูลหลี่และบอกว่าพวกเขากำลังจะตบแต่งผู้หญิงที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าเข้าตระกูล…”
“พอได้แล้วน่า สนใจกับการเป็นเจ้าสาวอย่างเดียวก็พอ” ถังหนิงบอกพร้อมหยิบกล่องเครื่องเพชรที่พ่อบ้านประจำตระกูลกู้ให้เธอมาและสวมลงบนลำคอของหลินเฉี่ยน
“นี่มันอะไรกันคะ มันแพงเกินไปหรือเปล่า…”
“คิดอะไรของเธอกันอยู่เนี่ย” ถังหนิงหัวเราะ “ตระกูลกู้เป็นคนให้ฉันมาเพราะพวกเขากลัวว่าเธอจะไม่ยอมรับมันน่ะสิ”
หลินเฉี่ยนได้ยินดังนั้นก็ใจเย็นลง เธอไม่อาจรับโอนหุ้นจากถังหนิงแล้วยังจะรับสร้อยเพชรมาจากเธอได้อีก
ถังหนิงเผยรอยยิ้มออกมาในขณะที่มองสร้อยบนลำคอของอีกฝ่าย เห็นได้ชัดว่าหลินเฉี่ยนไม่รู้ประวัติความเป็นมาของสร้อยคอเส้นนี้ ทว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญเพราะการแสดงสนุกๆ กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
บางทีอาจมีเพียงแขกส่วนน้อยที่เห็นดีเห็นงามกับการแต่งงานของหลินเฉี่ยนและหลี่จิ่นจริงๆ
หากแต่พวกเขากำลังจะได้ตาสว่าง
“พิธีแต่งงานกำลังจะเริ่มแล้วนะ! เดี๋ยวฉันช่วยเธอใส่ผ้าคลุมหน้าดีกว่า”
เวลาเที่ยงตรง งานแต่งงานของหลินเฉี่ยนและหลี่จิ่นได้เริ่มนับถอยหลัง พิธีการถูกกำหนดไว้ที่เวลาสิบสองนาฬิกาเก้านาที
ภายในห้องโถงจัดงานแต่งชวนฝัน ถังหนิงและโม่ถิงนั่งอยู่ในบริเวณแขกคนสำคัญ ในขณะที่หลงเจี่ย ลู่เช่อ ซิงหลาน และลัวเซิง นั่งอยู่ถัดออกไป ระหว่างนั้นเองที่แขกเหรื่อคนอื่นๆ พากันพูดคุยกัน
แน่นอนว่าส่วนใหญ่มักเป็นคำพูดดูถูกเหยียดหยามหลินเฉี่ยน
“มีเรื่องใหญ่โตขนาดนี้เกิดขึ้น การแต่งงานก็ยังไม่ถูกยกเลิกอีก ตระกูลหลี่ไม่หน้ามืดตามัวก็ต้องเสียสติไปแล้วแน่ๆ ”
“อย่าพูดดังไปสิ ถ้าหากว่ามันเป็นรักแท้ขึ้นมาล่ะ”
“ต่อให้เป็นรักแท้ เขาก็ไม่น่าเลือกผู้หญิงที่มีเบื้องหลังดำมืดขนาดนั้นมาแต่งงานเข้าตระกูลนะ เขาจะเก็บเธอไว้เป็นเมียน้อยนอกบ้านก็ได้นี่”
“ใครจะไปรู้ว่าตระกูลหลี่คิดอะไรอยู่กันเล่า”
“บางทีหลินเฉี่ยนอาจจะเชี่ยวชาญเรื่อง อย่างนั้น ก็ได้นี่ ฮ่าๆ”
“เงียบได้แล้ว พิธีกำลังจะเริ่มแล้วนะ…”
ถังหนิงไม่ได้อารมณ์เสียที่ได้ยินแบบนั้นเพราะมันไม่ใช่สิ่งที่ควรใส่ใจ
ไม่นานหลี่จิ่นก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าทุกคนพร้อมหลินเฉี่ยนที่มีผ้าคลุมหน้าปิดเอาไว้
เขาอยู่ในชุดสูทสีฟ้าอ่อนเสริมท่าทีเยือกเย็นของเขา ด้วยความเป็นชายชาติทหาร ทั้งท่าทางแข็งขันและร่างกายสมส่วนของเขา พาให้เขาดูดีมีเสน่ห์โดยไม่ต้องปรุงแต่งใดๆ
ในขณะเดียวกันข้างกายเขา หลินเฉี่ยนกลับดูสวยหวานและอ่อนโยน
ทั้งคู่เดินมาถึงเวทีและยืนด้านหน้าเหล่าสักขีพยาน
หลินเฉี่ยนรู้สึกได้ว่าสายตาที่จับจ้องมาที่เธอไม่ได้แสดงความยินดีหรือชื่นชมนัก หากแต่เต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม เธอสัมผัสถึงรังสีเย้ยหยันของพวกเขาจากก้นบึ้งของจิตใจของเธอ
มันทำให้เธออยากจะหนีไปให้ไกล…
ทว่าในเวลานี้หลี่จิ่นพลิกตัวเธอให้กลับเผชิญหน้ากับแขกและถอดผ้าคลุมหน้าของเธอออก
ตอนนั้นเองที่สร้อยเพชรบนลำคอของเธอได้เปล่งประกายระยิบระยับออกมา…
ผู้ชายไม่ได้รู้เรื่องเครื่องเพชรมากนัก แต่สายตาหญิงสาวทุกคนกลับเป็นประกายลุกวาวขึ้นมาทันที…
“สร้อยที่อยู่บนคอหลินเฉี่ยนคือเส้นที่ถูกราชวงศ์อังกฤษนำไปประมูลเมื่อเร็วๆ นี้ไม่ใช่เหรอ นั่นมันดวงดาราแห่งห้วงนิรันดร์ไม่ใช่เหรอ”