ตอนที่ 323 สืบหาฆาตกร!

ผู้หญิงจะสวยหรือไม่ จะเอาชนะใจชายได้หรือเปล่านั้น สิ่งที่สำคัญก็คือเสื้อผ้าและการแต่งหน้า

ผู้หญิงทุกคนล้วนแต่มีสไตล์ที่เหมาะสมกับตนเองที่สุด

ยกตัวอย่างเช่นหวังเจียเหยา ถึงแม้ว่าหล่อนจะเป็นผู้หญิงสารเลวที่เล่นชู้อยู่หลายครั้ง แต่สไตล์ที่เหมาะสมกับหล่อนก็คือแบบใสซื่อบริสุทธิ์

วงหน้างดงามไร้ที่ตำหนิ และสีหน้าท่าทางที่ใสซื่ออ้อนวอนขอให้แฟนหนุ่มให้อภัยได้ตลอดเวลา หล่อนที่เกิดมาก็เหมาะกับบทบาทเช่นนี้

หากว่าให้หล่อนไปสวมชุดเซ็กซี่ เช่นกี่เพ้าเอย ลูกไม้สีดำเอย หล่อนใส่ไปก็คงไม่สวยงามและเหมาะสม

แต่ฉินหงเหยียนที่เป็นผู้หญิงซึ่งมีเสน่ห์ของหญิงสาวเต็มตัว หล่อนสวมชุดสไตล์ใสๆ แบบนี้ไม่ไหว ถ้าหากว่าให้ไปใส่ชุดนักเรียนมัธยมปลาย

ต้องสวมชุดผู้บริหาร ชุดทำงาน ถึงจะนำเสนอเสน่ห์ที่หญิงสาวมีได้ ถึงจะทำให้หล่อนสมบูรณ์แบบที่สุด

ส่วนซูมู่ชิงนั้น เป็นพวกสาวหวานหรือสาวข้างบ้าน ไม่ว่าจะใส่ชุดแนวไหนก็สามารถนำเสนอความสวยของหล่อนได้ ขอแค่แต่งหน้าเย็นชาจนเกินไปก็เป็นอันใช้ได้

และสำหรับก็ฉินเสี่ยวตั่วเช่นเดียวกัน ใบหน้าของหล่อนไม่ได้สวยกว่าหวังเจียเหยา ฉินหงเหยียน ซูมู่ชิง แค่เรือนร่างก็ไม่สู้หวังหยวนหยวน

แต่ว่าในตอนที่หล่อนสวมชุดแอร์โฮสเตส เสน่ห์ของหญิงสาวไม่ว่าชายคนใดเห็นก็หลงลืมหญิงสาวคนอื่นไปหมดสิ้น!

ฉินเสี่ยวตั่วจงใจเข้าไปประชิดตัวชายหนุ่ม เพื่อให้เขาเห็นเรือนร่างของตนเองได้ชัดเจนตำตา มองครู่หนึ่งเย่เฉินก็เป็นฝ่ายเก้อเขินไปเอง

“พอได้แล้ว เสี่ยวตั่ว เลิกหมุนที”

ฉินเสี่ยวตั่วยังไม่ลดละ “งั้นนายว่าหุ่นฉันดีไหม?”

เย่เฉินตอบ “ดี!”

ฉินเสี่ยวตั่ว “เพอร์เฟ็คไหม!”

เย่เฉินจึงตอบ “เพอร์เฟ็ค!”

ฉินเสี่ยวตั่วถามต่อ“คู่ควรกับพี่รองของนายไหม?”

เย่เฉินตอบ “คู่คววรๆ คู่ควรอยู่แล้ว แต่เขาต่างหากไม่คู่ควรกับคุณ!”

ฉินเสี่ยวตั่ว “งั้นทำไมยังไม่เรียกพี่สะใภ้!”

เย่เฉิน “เด็กน้อยเอ้ย ยังกล้ามาแต๊ะอั๋งผม! ดูว่าผมจะจัดการคุณยังไง!”

“โอ้ย พี่กวาคะช่วยด้วย เย่เฉินจะลงมือทำร้ายคนแล้ว!”

ฉินเสี่ยวตั่วสวมรองเท้าส้นเตี้ยหัวกลมๆ อันเป็นเครื่องแบบของแอร์โฮสเตส วิ่งหนีบนเครื่องบิน

……

เพราะได้ฉินเสี่ยวตั่วอยู่เป็นเพื่อน การเดินทางตลอดหลายสิบชั่วโมงของเย่เฉินถึงได้สนุกกว่าที่เคย

เขาถึงขนาดลืมไปว่าตนเองมาทำอะไร ลืมเรื่องที่ว่าฉินหงเหยียนใกล้จะแต่งงานกับสวี่ฉู่หมิง

เย่เฉินเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมฉินหงเหยียนถึงได้ไม่อยากเล่าเรื่องทุกอย่างกับน้องสาว หล่อนไม่อยากให้เด็กสาวที่ใบหน้ามักจะแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มที่แสนสดใสนี้กลายเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย

เวลาสิบกว่าชั่วโมงผ่านไป เย่เฉินมาถึงปารีสอันเป็นเมืองหลวงของฝรั่งเศส สายฝนกำลังโปรยปรายอยู่ในเมือง พวกเขานั่งรถมาที่สถานีตำรวจของปารีส

ตำรวจที่ชื่อแฟรงค์มาพบเย่เฉิน

ภาษาฝรั่งเศสของเย่เฉินถือว่าดีมากทีเดียว เขาจึงใช้ภาษาฝรั่งเศสสนทนาทันที “ผมอยากจะขอสืบดคีของชายชาวจีนที่โดนทำร้ายในบาร์ LEBALL ที่ถนนฌ็อง-ฌัก รูโซวันที่ 9 เดือนสิงหาคม ตอนเมื่อ 11 ปีก่อน คนโดนทำร้ายชื่อฉินอ้าวหมิง”

ฉินอ้าวหมิงคือชื่อบิดาของฉินเสี่ยวตั่วและฉินหงเหยียน

เขาค้นหาข้อมูลที่สืบเจอในตอนนั้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบรายงานกับเย่เฉิน

“คุณฉินอ้าวหมิงคือโปรแกรมเมอร์คนหนึ่ง ตอนนั้นเขามาเข้าร่วมงานประชุมที่ปารีส จากข้อมูลตอนนั้นเขามาที่บาร์ LEBALL คนเดียว แต่ว่าตอนที่ออกไปนั้นเองกลับออกไปกับคนจีนอีกคน เราสงสัยว่าการตายของฉินอ้าวหมิงน่าจะเกี่ยวข้องกับชายคนนั้น”

เย่เฉินรีบร้อนถาม “มีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับฆาตกรเหรอ มีกล้องไหม?”

“มี” แฟรงค์ส่งเอกสารให้เย่เฉิน บนเอกสารนั้นมีข้อมูลรูปภาพในกล้อง “แต่ว่าไม่ชัดมากเท่าไหร่ เลยมองเห็นภาพเขาไม่ชัด” ตอนนั้นเราจำแนกตามรูปร่างของเขา ลองตามสืบในปารีส จนสุดท้ายผลทฤษฎีที่ได้นั้นก็คือเขาอาจจะเป็นคนเข้าเมืองผิดกฎหมายหรือไม่ก็ลูกน้องมาเฟีย

เราสืบได้ว่าฉินอ้าวหมิงเป็นเถ้าแก่ของบริษัทเทคโนโลยีและโปรแกรมเมอร์ที่เก่งมากคนหนึ่ง เขามีคู่แข่งจำนวนมากในประเทศ เราสงสัยว่าเขาอาจจะโดนคู่แข่งของเขาสั่งฆ่า ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นการแข่งขันภายในประเทศของพวกคุณ”

เย่เฉินรู้ดีว่าพวกเขาย่อมไม่อยากให้ฉินอ้าวหมิงตายโดยน้ำมือของคนฝรั่งเศส

เย่เฉินถามต่อ “ฉินอ้าวหมิงตายยังไง? แล้วได้ส่งศพกลับประเทศไหม?”

แฟรงค์ตอบ “เขาโดนยิงตาย มีแขกหลายคนในคืนนั้นได้ยินเสียงปืน จากนั้นคุณฉินอ้าวหมิงก็โดนส่งตัวไปโรงพยาบาล แต่โชคไม่ดี เราทำศพเขาหาย”

“หาย?” เย่เฉินตัวแข็งค้าง

แฟรงค์กล่าวต่อ “จริงด้วยที่จริงวันนั้นศพที่หมอทำหายเป็นศพขอคนฝรั่งเศส แต่พนักงานนั้นเอาศพของคุณฉินอ้าวหมิงไปเผาแทนเพื่อหนีความผิดกะว่าจะเอาตัวรอด แต่เสียดายสุดท้ายเรื่องแดงขึ้นมา เราเลยแน่ใจได้ว่าคุณฉินอ้าวหมิงตายแล้วจริงๆ ส่วนหลักฐานยืนยันตัวตนของเขาที่ทิ้งไว้ก็พอจะสามารถยืนยันตัวตนของเขาได้แล้ว”

ในเมื่อตำรวจพูดขนาดนี้แล้วก็คงจะไม่ผิดแน่

เย่เฉินอยากจะรู้ว่าผู้ชายชาวจีนอีกคนที่อยู่กับฉินอ้าวหมิงคือใคร!

“ในเมื่อฉินหงเหยียนบอกว่าจะล้างแค้นงั้นหล่อนจะต้องรู้ก่อนว่าฆาตกรคือใคร ตำรวจไม่รู้ จะต้องมีคนอื่นรู้แน่!”

เย่เฉินไม่ได้เสียเวลากับตำรวจมากมายนัก แต่ตรงดิ่งไปที่จุดเกิดเหตุทันที นั่นก็คือบาร์ LEBALL ที่ถนนฌ็อง-ฌัก รูโซ

จนมาตอนนี้บาร์แห่งนี้ยังเปิดอยู่น

“ฉันอยู่ที่ปารีสได้แค่ 24 ชั่วโมง ถ้าสายไปล่ะก็จะกลับไปไม่ทัรงานแต่งงานของฉินหงเหยียน!”

เย่เฉินร้อนใจมาก สำหรับเย่เฉินแล้วจะสายไปแค่ชั่วโมงเดียวก็ไม่ได้!

เพราะฉินหงเหยียนรับปากกับสวี่ฉู่หมิงแล้วว่าจะยอมตกเป็นของเขาในวันแต่งงาน!

เย่เฉินจะปล่อยให้เขาได้ครอบครองฉินหงเหยียนไม่ได้เด็ดขาด!

ดังนั้นเย่เฉินถึงได้เดินไล่ถามบาร์แห่งนั้นรวมไปถึงบาร์ใกล้เคียงด้วย แต่ก็ไม่ได้เบาะแสอะไร

“ทำยังไงดี พี่เย่เฉิน ผ่านมาก็ตั้งนานแล้ว ต่อให้มีคนรู้เรื่องนี้ก็เถอะ แต่อาจจะไม่อยู่ปารีสแล้วหรือไม่ก็ตายไปแล้วล่ะมั้ง?”

ฉินเสี่ยวตั่วท้อแท้

เย่เฉินไม่เชื่อมั่นว่าเขาจะหาคนผู้นั้นไม่เจอ ในเมื่อสวี่ฉู่หมิงหาเจอ เขาก็จะต้องหาเจอเหมือนกัน เพียงปัญหาอยู่ที่เวลาเท่านั้น!

เย่เฉินมองนาฬิกาไม่หยุด เขาก็ไม่ได้มีเวลามากมายนัก เขาโทรหาช่องโทรทัศน์ต่างๆ รวมไปถึงโฆษณาในอินเตอร์เน็ตและตั้งรางวัลห้าล้านฟรังค์หากได้ข้อมูล เขาทำทั้งหมดนี้เพื่อหาตัวฆาตกรให้เจอได้เร็วที่สุด!

เงินห้าล้านฟรังค์ นั่นมีมูลค่าตั้งสามสิบล้านหยวน เลขจำนวนนี้ถือว่ามหาศาลจนทำให้คนคลั่ง

แต่คนที่มาหาเย่เฉินจำนวนมากนั้น ส่วนมากล้วนแต่มาเพื่อเงินรางวัล หนำซ้ำยังเป็นพวกหลอกลวง ไม่ได้มีหลักฐานอะไร

เวลา 20 ชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฟากเย่เฉินก็ยังคงหาเบาะแสอะไรไม่เจอ

หลิวเจิ้งคุนที่อยู่เมืองเสินเฉิงโทรมาหา “คุณชายเย่ คุณต้องรีบเตรียมตัวบินกลับแล้วนะครับ ถ้าในอีกสี่ชั่วโมงไม่ออกเดินทางล่ะก็ ฉินหงเหยียนจะแต่งงานกับสวี่ฉู่หมิงแล้วนะ!”

เวลาที่เย่เฉินเหลือไม่มากแล้ว!

เย่เฉินที่กำลังนั่งอยู่ที่บาร์ LEBALL สูบบุหรี่ ด้วยท่าทีลำบากใจ

และในเวลานี้ชายฝรั่งวัย 50 เดินมานั่งลงข้างเขา สั่งบรั่นดีแก้วหนึ่ง หันมองเขาด้วยแววตาหยั่งเชิงก่อนจะกล่าวถาม

“คนจีน ทำไมไมนายมาสืบเรื่องนี้ล่ะ? คนที่ตายไปแล้วเป็นคนมีหน้ามีตามากเหรอที่ประเทศนายน่ะ?”