ตอนที่ 25 กำลังคือทุกสิ่ง

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 25

กำลังคือทุกสิ่ง

 

“โอ้ เจ้าบรรลุขั้นที่ 1 แล้ว ยอดเยี่ยมจริงๆ”หลังจากเข้าหอตำ อาจารย์ลี่ก็มักจะดูการฝึกฝนของไป๋จูเหวินและคอยแนะนำอย่างออกนอกหน้า แม้เหล่าศิษย์คนอื่นๆจะสงสัยว่าทำไมอาจารย์ลี่ถึงขยันฝึกฝนให้ศิษย์น้องเล็กผู้นี้มากมายนัก แต่สุดท้ายพวกมันก็ได้แต่เดาเอาว่าอาจารย์ลี่คงพยายามฝึกไป๋จูเหวินที่ไม่มีพลังวิญญาณให้ตามศิษย์คนอื่นๆให้ทันเท่านั้น

“ไป๋จูเหวิน เจ้าฝึกฝนการดีดลูกหินหรือยัง”อาจารย์ลี่ถามพลางยิ้มกว้าง ในมือของมันปรากฏตำราอีกเล่มคาดว่าจะเป็นตำราเกี่ยวกับอาวุธลับที่มันคัดลอกมาเพื่อจะสอนต่อจากคราวที่แล้ว

“ขอรับ”ไป๋จูเหวินตอบ มันเคยโดนท่านน้าทั้งห้าฝึกฝนอย่างหนักมาก่อน ไม่เหนื่อยกับเรื่องแค่นี้แม้แต่น้อย แถมอาจารย์ลี่ยังเป็นผู้อธิบายวิชาพื้นฐานได้อย่างดีเยี่ยม ชนิดที่ว่าพวกท่านน้าไม่มีทางทำได้อย่างแน่นอน

“จดจำเคล็ดวิชาในตำราเล่มนี้เอาไว้ พรุ่งนี้ข้าจะแสดงให้เจ้าดู”อาจารย์ลี่ยิ้มอย่างลิงโลด สร้างความประหลาดใจให้จิงหลิงผู้เป็นบุตรสาวอย่างมาก แม้แต่นางก็ไม่เคยถูกบิดายัดเยียดวิชาให้ฝึกเช่นนี้

“รับทราบขอรับ”ไป๋จูเหวินตอบอย่างว่าง่าย ตัวมันฝึกฝนอย่างต่อเนื่องมาหลายคืน ทั้งวิชามือเปล่าและฝึกฝนพลังวิญญาณ เพียงเพิ่มการฝึกวิชาอาวุธลับง่ายๆเข้าไปไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงของไป๋จูเหวินนัก

“อาจารย์ พรุ่งนี้เป็นวันทดสอบกำลังนะคะ”จิงหลิงที่อยู่ข้างๆท้วงหลังจากบิดาของตนนัดศิษย์น้องมาสอนวิชาในวันรุ่งขึ้น

“จริงด้วยสิ อาจารย์ลืมไป”อาจารย์ลี่ว่าพลางถอนหายใจ พรุ่งนี้อาจารย์หู่จะทดสอบกำลังกายของเหล่าศิษย์ กว่าการทดสอบจะจบก็คงเย็น ตัวมันต้องอยู่ช่วยอาจารย์หู่ คงมาช่วยฝึกให้ไป๋จูเหวินไม่ได้

“พรุ่งนี้ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร มะรืนก็ยังไม่สาย”อาจารย์ลี่ว่าพลางตบบ่าไป๋จูเหวินเบาๆ ก่อนจะเดินจากไป

“เจ้านี่ทำอะไรมา ท่านพ่อ…อาจารย์ถึงได้ถูกใจขนาดเจ้าขนาดนี้”จิงหลิงถามพลางมองไปทางไป๋จูเหวิน ทำให้อีกฝ่ายยิ้มออกมาราวกับไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร

ปัจจุบันไป๋จูเหวินสามารถรวบรวมพลังวิญญาณจนกลายเป็นระดับ ก่อกำเนิด ขั้น 1 ได้สำเร็จแล้ว แต่ไม่ทราบเพราะทุกครั้งที่ฝึกพลังวิญญาณมันจะต้องใช้พลังอสูรจนหมดเสียก่อนหรือไม่ พลังอสูรเลยเลื่อนจากระดับ เงิน ขั้น 5 กลายมาเป็นระดับ เงิน ขั้น 6 เสียแล้ว แม้จะดีใจที่พลังอสูรเลื่อนระดับเสียที แต่เพราะพลังอสูรแข็งแกร่งขึ้นการฝึกพลังวิญญาณก็ยิ่งยากขึ้นไปอีก

ส่วนด้านวิชาต่อสู้นั้น ไป๋จูเหวินฝึกฝนท่วงท้าพื้นฐานจากตำรา หมัดเคลื่อนภูผา จนหมดรวมทั้งวิชาอาวุธลับอย่างวิชาดีดลูกหินที่อาจารย์ลี่ยัดเยียดมาให้ น่าเสียดายที่ไม่ว่าจะพยายามอย่างไรไป๋จูเหวินก็ไม่สามารถใช้วิชาของท่านน้าได้เสียที จนมันเริ่มรู้สึกว่ามันช่างไม่รู้อะไรเลยเมื่อตอนประกาศกับท่านน้าไปว่าจะฝึกฝนวิชาของพวกท่านให้หมด ยามนี่มันได้แต่คิดว่าจนมันตายก็อาจจะฝึกไม่ครบ 18 ท่าเลยก็ได้

.

.

“จิงหลิงนี่เอง เจ้าอยากกินอะไรสั่งเลย”ชายร่างกายเจ้าเนื้อเล็กน้อยพูดขณะในมือถือกระทะร้อนๆกำลังร่อนข้าวผัดในกระทะอย่างชำนาญ

“เหมือนเดิมค่ะท่านลุง”จิงหลิงตอบพลางมองไปทางไป๋จูเหวินที่อยู่ด้านหลัง สถานที่แห่งนี้คือโรงครัวของสำนักธารโลหิต เป็นสถานที่ที่มีคนมารวมตัวกันเป็นจำนวนมากเพื่อทานอาหาร แม้ผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณจะสามารถอดน้ำอดข้าวได้เป็นเวลานานก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะไม่มีความรู้สึกอยากกิน แถมอาหารที่ท่านลุงอู๋ทำก็ยอดเยี่ยมมากทีเดียว

“ท่านลุง ไก่สามรสนี่อร่อยหรือไม่”ไป๋จูเหวินที่อยู่ข้างๆถามพลางมองรายการอาหารด้วยดวงตาเปล่งประกาย ตัวมันถามราวกับไม่เคยกินอาหารเหล่านี้มาก่อน

“เจ้าไม่จำเป็นต้องถามแบบนี้ทุกครั้งก็ได้ ในเมนูทุกรายการล้วนเลิศรสทั้งสิ้น เจ้าสั่งมาได้เลยไม่ต้องเกรงใจ”ลุงอู๋ยิ้มพลางวางจานข้าวผัดที่พึ่งทำเสร็จให้ศิษย์อีกคน ก่อนจะรับเงินมาอย่างยินดี ในสำนักธารโลหิตแห่งนี้มีเพียงหอตำราและโรงครัวแห่งนี้เท่านั้นที่มีการใช้จ่ายเงิน นอกซะจากว่าตัวศิษย์จะไปทำอะไรในสำนักเสียหายเอง

“เช่นนั้นข้าขอไก่สามรสก็แล้วกัน”ไป๋จูเหวินยิ้มพลางมองลุงอู๋ทำอาหารอย่างอารมดี มันเห็นภาพเช่นนี้แล้วนึกถึงน้าราชสีห์ที่ค่อยปรุงอาหารให้มันขึ้นมา แต่ก็คงต้องเสียมารยาทกับน้าราชสีห์เสียแล้วเพราะอาหารที่ลุงอู๋ทำอร่อยกว่าในแดนอสูรมากจริงๆ

“เรียบร้อย กินเยอะๆล่ะ”ลุงอู๋ว่าพลางวางจานข้าวและไก่สามรสที่ไป๋จูเหวินสั่งลงบนถาดไม้ ทุกวันที่เจ้าเด็กไป๋จูเหวินมาสั่งอาหาร มันสั่งเรียงตั้งแต่รายการแรกจนมาถึงรายการในวันนี้ ราวกับมันอยากจะรู้ว่าอาหารในรายการมีหน้าตาและรสชาติเช่นไรกันแน่

“นายน้อย ให้พวกเรายกไปให้เถอะ”ต้าชิงพูดพลางเดินมาถือถาดอาหารของนายน้อยไปวางไว้ที่โต๊ะ

“ข้าได้ยินมาจากศิษย์พี่จิงหลิงว่าพรุ่งนี้มีการทดสอบกำลัง พวกท่านรู้ข่าวหรือไม่”ไป๋จูเหวินถามหลังจากมานั่งที่โต๊ะแล้ว

“ทดสอบกำลัง….”ต้าเฉินขมวดคิ้ว ตัวมันมัวแต่ฝึกฝนและคอยติดตามนายน้อย ไม่ได้ทราบเลยว่ามีการทดสอบเช่นนี้ด้วย

“นั่นเพราะพวกเจ้าพึ่งทดสอบเป็นครั้งแรกจึงไม่ต้องเตรียมตัวอะไรไงละ”ศิษย์คนหนึ่งพูดพลางส่ายหัวเบาๆ

“อาจารย์หู่เป็นพวกบ้าพลัง เลยจะจัดการวัดพลังเป็นประจำทุกเดือน พวกเจ้าพึ่งเข้าสำนักคงไม่โดนลงโทษอะไร”ศิษย์อีกคนว่าพลางถอนหายใจด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ

“ลงโทษ? แล้วทำไมพวกเราถึงไม่โดนล่ะ”ต้าชิงถามพลางขมวดคิ้ว

“อาจารย์หู่จะลงโทษด้วยการฝึกฝนเพิ่มเติมให้คนที่ทดสอบออกมาได้ค่าพละกำลังต่ำกว่าของเดือนก่อนน่ะสิ”ศิษย์คนก่อนหน้าตอบด้วยใบหน้าหมองคล้ำ

“หวังวว่าคราวนี้ข้าจะไม่โดนลงโทษนะ….”ชายอีกคนว่าพลางกุมขมับตนเอง

.

.

“เอาล่ะ พวกเจ้ามากันพร้อมแล้วก็เรียงแถมกันเข้ามา” เป็นอย่างที่ศิษย์ในเรือนครัวพูดเอาไว้จริงๆ รุ่งเช้าอาจารย์หู่ก็ปลุกทุกคนด้วยเสียงอันดังก้องไปทั้งหอตะวันออกแห่งนี้ ทำให้เหล่าศิษย์ต่างลงมาเข้าแถวกันอย่างพร้อมหน้า โดยมีอาจารย์หู่และอาจารย์ลี่ยืนคุมการทดสอบอยู่เบื้องหน้า

“สำหรับศิษย์ใหม่ที่ยังไม่รู้ วันนี้ของทุกเดือนเราจะทำการทดสอบพลังกัน”อาจารย์หู่ตะโกนพลางเดินออกมาข้างหน้า

“อย่างที่ทราบ การทดสอบพลังของแต่ละคนสามารถทำได้อย่างง่ายดายด้วยการใช้ เครื่องวัดพลัง”ได้ยินที่อาจารย์หู่พูด ไป๋จูเหวินก็แสดงท่าทีสนใจออกมาทันที เครื่องวัดพลัง มีเครื่องมือเช่นนี้อยู่ด้วยงั้นหรือ

“แต่อย่างที่รู้ สำนักเรามันจน เลยไม่มีเงินซื้อเครื่องอะไรนั่นหรอก ให้ทุกคนต่อยหมัดออกมาโดยไม่ใช้พลังวิญญาณใส่อกข้า แล้วข้าจะวัดพลังให้เจ้าเอง”ได้ยินอาจารย์หู่ประกาศ ไป๋จูเหวินและพวกต้าชิงต้าเฉินก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ จะบอกว่าสมแล้วที่เป็นสำนักธารโลหิตดีหรือไม่ วิธีการทดสอบช่างง่ายจริงๆ

“เริ่มที่เจ้า เฟิงชิว”อาจารย์หู่ว่าพลางเดินมาที่หัวแถวซึ่งมีเฟิงชิวศิษย์พี่ใหญ่แห่งหอตะวันออกยืนอยู่

“ขอรับ”เฟิงชิงตอบรับเสียงเบา ก่อนจะต่อยหมัดใส่ร่างของอาจารย์หู่อย่างรุนแรงและรวดเร็ว แต่อาจารย์หู่เป็นถึงผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณระดับผลึกวิญญาณขั้น 7 เพียงหมัดของศิษย์ที่อยู่ระดับ ก่อกำเนิดขั้น 10 มันสามารถรับมือได้อย่างสบาย ไม่ต้องพูดถึงหมัดที่ไม่ได้ใช้พลังวิญญาณเลย

“ไม่เลว”อาจารย์หู่ว่าพลางยิ้มออกมา แม้เฟิงชิวจะรูปร่างผอมและใช้วิชาที่เน้นความรวดเร็ว แต่กำลังหมัดของเฟิงชิวก็ไม่กระจอกเลย

“เพียงหมัดเปล่าๆก็มีกำลังพอๆกับผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณขั้นก่อกำเนิดระดับ 3 แล้วยอดเยี่ยมจริงๆ” อย่างที่มันเคยบอกไป ระดับของผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณหาใช้ระดับขั้นของพลังวิญญาณไม่ แต่เป็นการฝึกฝนอย่างจริงจังทั้งร่างกายและจิตใจให้เติบโตขึ้นอย่างมั่นคงต่างหาก

“แต่…”อาจารย์หู่พูดพลางมองไปทางอาจารย์ลี่

“เดือนก่อนเจ้าทำได้ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 4 กำลังของเจ้าตกลงมาขั้นหนึ่ง เดือนที่ผ่านมาเจ้ามัวแต่ทำอะไร”อาจารย์หู่ว่าพลางหักนิ้วดังกร๊อป ทำเอาเฟิงชิวเหงื่อตก

“วันนี้เจ้าต้องอยู่ฝึกพิเศษ ไปยืนรอกับอาจารย์ลี่”ได้ยินอาจารย์หู่สั่ง เฟิงชิวก็แผ่นไปยืนด้านหลังอาจารย์ลี่ในทันที สร้างเสียงหัวเราะให้เหล่าศิษย์น้องไม่น้อย แต่เหมือนว่าศิษย์พี่ใหญ่อย่างเฟิงชิวจะไม่ถือสาอะไร แถมยังหัวเราะตามอีกต่างหาก