บทที่ 88 ดาร์ก เดม่อนไม่ยึดติดกับเหตุและผล

จอมมารแค่อยากเป็นคนดี [反派少爷只想过佛系生活]

บทที่ 88 ดาร์ก เดม่อนไม่ยึดติดกับเหตุและผล

หมัดนั้นไร้ความปรานีและระบายความโกรธที่สะสมเอาไว้ของโรเบิร์ตออกไป!

สก็อตต์ไม่เคยถูกชกแบบนี้มาก่อน หัวสมองของเขาขาวโพลนไร้ซึ่งความคิดไปในบัดดล เขาไม่สามารถใช้การ์ดเวทมนตร์ได้ ทั้งหมดที่เขาทำได้คือกรีดร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะความเจ็บปวด!

แต่โรเบิร์ตปฏิเสธที่จะหยุด เขากระโจนไปข้างหน้าและผลักสก็อตต์ลงไปที่พื้น จากนั้นเขาก็นั่งทับเขา ยกกำปั้นขึ้นและชกใส่อีกฝ่ายไม่ยั้ง!

หน้ากากของสก็อตต์แตกหัก จนเผยให้เห็นปากและจมูกของเขา

โรเบิร์ตกระชากมันออกอย่างแรง ฉีกหน้ากากตั้งแต่ล่างขึ้นบน จนในที่สุดก็เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขาคนนั้น

เนื่องจากเขาเป็นนักเรียนชั้นปีที่สองของบ้านขุนนาง โรเบิร์ตจึงไม่เคยเห็นเขามาก่อน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะหยุดชกหน้าที่เป็นสิวของอีกฝ่าย

จนกระทั่งจมูกของสก็อตต์ฟกช้ำและใบหน้าบวมเป่ง ความโกรธของโรเบิร์ตก็บรรเทาลงไปมากแล้ว

เด็กชายหัวเราะสองสามครั้ง รู้สึกไม่เคยมีความสุขเท่านี้เลยตั้งแต่เข้ามาเรียนในโรงเรียน

สก็อตต์นอนอยู่บนพื้น หอบหายใจเป็นครั้งคราว น้ำมูกน้ำตาไหลเป็นออกมาสายธารจนดูน่าสงสาร

เวอร์เธอร์มองเหตุการณ์จากด้านข้าง เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นโรเบิร์ตทะเลาะวิวาทกับใครสักคนจริง ๆ

หลังจากผ่านคืนนั้นมา โรเบิร์ตก็เผลอหลุดปากบอกเวอร์เธอร์เรื่องที่เขาถูกมัดไว้ค้างคืน แต่ยังคงปกปิดความจริงที่ว่าเขากลายเป็นผู้หญิงไว้

มาตอนนี้เวอร์เธอร์กำลังเชื่อมโยงชายคนนี้กับลัทธิในห้องลับ

ในบรรดาผู้ที่มาปรากฏตัวเหล่านั้น เขาเป็นคนเดียวที่เห็นสก็อตต์สวมชุดปลาหมึกเมื่อนานมาแล้ว

“เราควรทำยังไงต่อ?” เวอร์เธอร์ถามขึ้น

โรเบิร์ตถอนหายใจอย่างพึงพอใจและพูดอย่างเกรี้ยวกราด “จะอะไรอีกล่ะ ส่งเขาไปให้ศาสตราจารย์ซิลเวอร์ ฉันคิดว่าศาสตราจารย์ซิลเวอร์จะจัดการกับเขาแน่!”

“ไม่ ไม่ ไม่!”

สก็อตต์ที่แกล้งทำเป็นตายอยู่บนพื้น รีบร้องทันทีว่า “อย่าส่งฉันไปหาศาสตราจารย์ซิลเวอร์ ฉันจะถูกไล่ออก! และพวกเธอก็จะต้องถูกลงโทษด้วย!”

โรเบิร์ตเยาะเย้ย “ฉันเนี่ยนะจะถูกลงโทษ? ฉันก็แค่แก้แค้น แล้วฉันจะโดนลงโทษได้ยังไง?”

“ไม่หรอก”

แต่เวอร์เธอร์ขัดจังหวะอย่างกะทันหัน “โรเบิร์ต เขาพูดถูก นายลงมือหนักเกินไป ถ้าศาสตราจารย์ซิลเวอร์รู้เรื่องนี้ ไม่ใช่แค่จะถูกกักบริเวณ แต่ยังอาจถูกหักอย่างน้อยห้าสิบคะแนนด้วย”

โรเบิร์ตอึ้งแล้วตะโกนว่า “เป็นไปได้ยังไง!! นี่มันไม่ยุติธรรมเลย!”

เวอร์เธอร์ส่ายหัว “ไม่มีอะไรที่ไม่ยุติธรรมหรอก แต่เดิมการทะเลาะวิวาทมันก็ผิดอยู่แล้ว”

โรเบิร์ตกังวล “แล้วเราควรทำยังไงดี?”

เวอร์เธอร์แสร้งทำเป็นครุ่นคิดอย่างรอบคอบ “นายก็ได้แก้แค้นแล้ว และล่าสุดเขาก็ไม่ได้ทำอะไรกับนายมาก ทำไมไม่ถือว่าหายกันล่ะ”

โรเบิร์ตท้วง “แต่คราวที่แล้วเขา…”

เวอร์เธอร์ “หืม?”

โรเบิร์ตหดคอลง “ไม่มีอะไร”

เวอร์เธอร์พูดอีกครั้ง “อะแฮ่ม บางทีเราน่าจะถามดาร์กนะ เขาก็อยู่ที่นี่ด้วย เอ๋ ดาร์กไปไหนแล้ว?”

ดาร์กจากไปแล้ว

ส่วนวิธีที่เวอร์เธอร์และโรเบิร์ตจะจัดการกับสก็อตต์ นั่นก็เป็นเรื่องของพวกเขา

แต่ดาร์กเดาว่าเวอร์เธอร์ไม่อยากพาสก็อตต์ไปหาศาสตราจารย์ซิลเวอร์

การ์ดดอกไม้ รูปปั้นเทพธิดา ลัทธิ สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนจะเชื่อมโยงกันทั้งหมด

หากมีการตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน มันย่อมเผยให้เห็นว่ามีร่องรอยแปลกประหลาดที่ยากจะลบเลือนอย่างแน่นอน

และเวอร์เธอร์ก็อยู่ถลำลึกเข้าไปในนั้นแล้ว

ดาร์กถอนตัวทันทีหลังจากที่รู้ว่าเทพธิดานั้นไม่ใช่เรื่องดี

แต่เหตุผลหลักที่เขาไม่ต้องการมีส่วนร่วมเป็นเพราะศาสตราจารย์เคเซอร์

ตราบใดที่คุณยังเป็นมนุษย์ คุณจะมีอคติอยู่เสมอ

กลางคืนของวันนั้น

สก็อตต์สวมชุดหนังที่ได้รับการซ่อมแซมแล้ว จากนั้นเดินกะโผลกกะเผลกเข้าไปในห้องลับ

สมาชิกของภาคีที่นั่งอยู่รอบ ๆ อดไม่ได้ที่จะมองดูรอยเย็บบนชุดหนังของเขา

มีสมาชิกทั้งหมดสิบหกคนในภาคี และไม่มีใครรู้ตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา ยกเว้นผู้นำที่รวบรวมพวกเขามา

หลังจากเข้ามาที่นี่ สก็อตต์ก็ไม่ใช่สก็อตอีกต่อไป แต่เป็นปลาหมึก

“เกิดอะไรขึ้น?”

หัวหน้าของพวกเขาคือคุณปลาดาว ผู้ที่กำลังถามคำถามนี้

เมื่อเผชิญกับคำถามของผู้นำ ปลาหมึกก็ละอายที่จะตอบ

คุณปลาดาวขมวดคิ้วก่อนจะพูดขึ้นว่า “ฉันจำได้ว่าฉันบอกให้นายเฝ้าสังเกตก่อนและอย่าทำอะไรโดยพลการ”

ในที่สุดปลาหมึกก็ทรุดตัวลงและพูดว่า “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยจริง ๆ!”

คุณปลาดาวสับสน “งั้นบุตรแห่งวัลคีรีเป็นคนเริ่มการต่อสู้ก่อนอย่างนั้นเหรอ? เขาเป็นสมบัติล้ำค่าในสายตาของเหล่าอาจารย์ ดวงดาราผู้เป็นความหวังแห่งอนาคตของเซนต์แมเรียน แล้วเขาจะโจมตีคนอื่นก่อนได้ยังไง?”

“ไม่ใช่เขา!” ปลาหมึกร้อง “แต่เป็นบุตรแห่งวีรบุรุษกับผู้ติดตามเขา!”

“จิ๊ ทำไมนายถึงไปยุ่งกับบุตรแห่งวีรบุรุษล่ะ?” คุณปลาดาวรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย

ปลาหมึกตอบทันทีว่า “ผมถูกสะกดรอยตาม คนที่เราจัดการในคืนนั้นเป็นผู้ติดตามของบุตรแห่งวีรบุรุษ เขาชื่อโรเบิร์ต บร็อกไฮม์ พวกเขาหาผมเจอ!”

คุณปลาดาวถาม “พวกเขาหานายเจอได้ยังไง?”

ปลาหมึกตอบ “ผมไม่รู้ ผมไม่รู้จริง ๆ มันไม่ใช่ความผิดของผม!”

คุณปลาดาวยิ่งปวดหัว “แล้วนายหนีมาได้ยังไง?”

ปลาหมึกตอบ “บุตรแห่งวีรบุรุษปล่อยผมมา”

คุณปลาดาวอึ้ง “บุตรแห่งวีรบุรุษปล่อยนายมางั้นเหรอ?”

ภาคีอาหารทะเลทั้งหมดต่างหันมองหน้ากันอย่างงุนงง

คนผู้หนึ่งในชุดปลาไหล มอเรย์ ผู้หญิงคนเดียวในภาคี หรือคุณมอเรย์เอ่ยขึ้นอย่างสงสัยว่า “ถ้าอย่างนั้นดาร์ก เดม่อนคือคนที่เรากำลังตามหาอยู่เหรอ?”

ปลาหมึกส่ายหัว “ถึงแม้ว่าผมจะพลาดท่า แต่เขาก็ไม่น่าจะเป็นคนที่ทำลายรูปปั้นเทพธิดาได้ บางทีเหตุผลที่เขาเก็บการ์ดดอกไม้อาจเป็นแค่ความชอบส่วนตัว”

คุณมอเรย์ถามต่อ “งั้นเป็นใครกันล่ะ? มันคงไม่มีทางเป็นบุตรแห่งวีรบุรุษไปได้หรอกใช่มั้ย? จะว่าไปเขาชื่ออะไรนะ?”

ปลาปักเป้าตอบแทน “ดูเหมือนเขาจะถูกเรียกว่าเวอร์เธอร์ ก็อธมั้ง?”

คุณปลาดาวแก้คำ “เวอร์เธอร์ กาวด์ต่างหาก”

ปลาปักเป้า “!”

คุณปลาดาวถอนหายใจ “เราจะฟุ้งซ่านกันไม่ได้แล้ว เวลาของเราใกล้จะหมดแล้ว ต้องรีบซ่อมรูปปั้นก่อนที่คืนอันศักดิ์สิทธิ์*[1]จะมาถึง พอถึงตอนนั้นเราจะสังเวย ‘ชีวิต’ เป็นเครื่องบูชาในงานฉลองของพวกนักบุญทั้งหลายและฟื้นคืนชีพเทพธิดาของเราขึ้นมา!”

เมื่อถอดเครื่องแต่งกายหนังออก ปลาหมึกก็กลับมาเป็นสก็อตต์ จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในห้องส่วนกลางของบ้านขุนนางอย่างระมัดระวัง

แต่คนที่เขาต้องการหลีกเลี่ยงมากที่สุดในตอนนี้ กำลังนั่งดื่มด่ำไปกับรสชาและอ่านหนังสือพิมพ์ในห้องส่วนกลาง ข้าง ๆ กันนั้นยังมีเด็กหญิงหน้าด้านสองคนนั่งอยู่ด้วย

สก็อตต์รีบหันไปด้านข้าง พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้อีกฝ่ายเห็นใบหน้าของเขามากที่สุด

ทว่าดาร์กกลับเงยหน้าขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจและสบสายตากับเขา

สก็อตต์ตัวเกร็งในทันที

จนกระทั่งดาร์กก้มหน้าอ่านหนังสือพิมพ์ต่ออย่างไม่แยแส เขาถึงได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

“ดูเหมือนว่าตอนกลางวันดาร์ก เดม่อนจะเดินออกไปก่อน เขาถึงไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริงของฉันภายใต้ชุดพรางตัว”

สก็อตต์รีบเดินขึ้นบันไดทันที

พื้นที่คับแคบตรงบันไดทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นมาก เมื่อลองสัมผัสรอยฟกช้ำบนใบหน้าเบา ๆ มันก็ทำให้สก็อตต์รู้สึกเจ็บปวดจากก้นบึ้งหัวใจ ซึ่งเพิ่มความเกลียดชังต่อโรเบิร์ตและเวอร์เธอร์มากยิ่งขึ้น!

“หัวหน้าบอกว่าฉันห้ามฟุ้งซ่านก่อนที่คืนอันศักดิ์สิทธิ์จะมาถึง แต่ในวันคืนอันศักดิ์สิทธิ์นั้น…”

*[1] คืนอันศักดิ์สิทธิ์ (Holy Night) กล่าวได้ว่าเป็นเวลาที่พระคริสต์ได้ประสูติ