บทที่ 360 อานุภาพของกลองป๋องแป๋งจักรพรรดิ

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 360 อานุภาพของกลองป๋องแป๋งจักรพรรดิ

จักรพรรดิอ๋าวฮวงพยักหน้า “ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น”

ฉู่ชวิ๋นอดเป็นห่วงจิ่วโยวขึ้นมาไม่ได้

จักรพรรดิอ๋าวฮวงพูดอย่างจริงจัง “ผลไม้ทองคำพวกนี้ให้ข้าเก็บไว้ก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวข้าจะดูให้ว่าพอมีวิธีแก้บ้างไหม”

ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า

“ผมต้องเดินทางไปแดนพายัพ ที่นั่นผีดิบกำลังอาละวาด” ฉู่ชวิ๋นพูด

จักรพรรดิอ๋าวฮวงถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย “ตอนนี้มีแต่ผีดิบเต็มไปหมด ดูเหมือนความเปลี่ยนแปลงของโลกจะทำให้พวกมันตื่นขึ้นมาจำนวนมาก”

“แต่ก่อนอื่น คุณช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของผมก่อนได้ไหม” ฉู่ชวิ๋นพูดแล้วยังโกรธแค้นไม่หายเรื่องก้นของตัวเอง

จักรพรรดิอ๋าวฮวงยิ้มอย่างแปลกประหลาด ก่อนจะดีดนิวแล้วลำแสงสีขาวก็ปรากฏ ฉู่ชวิ๋นรู้สึกเย็นวาบที่ก้นของตนเอง แต่ความเจ็บปวดทั้งมวลก็หายไปทันที

“ผมไม่เสียเวลากับคุณแล้ว ขอตัวไปอำลาจิงหงก่อนละ” ฉู่ชวิ๋นขยับเดินออกมาพร้อมกับเหลียวหน้ามองกลับไปที่จักรพรรดิอ๋าวฮวง

จักรพรรดิอ๋าวฮวงสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อยขณะที่พยักหน้ารับคำ

“เจ้าจะเดินทางไปแดนพายัพเมื่อไหร่?” ชายชราถาม

“ผมต้องรอให้จิ่วโยวกลับมาก่อน คงอีกประมาณซัก 2-3 วัน” ฉู่ชวิ๋นตอบ

จักรพรรดิอ๋าวฮวงครุ่นคิดอะไรบางอย่าง “คราวนี้ให้จิงหงไปด้วยก็แล้วกัน ช่วงหลังเธอพัฒนาฝีมือขึ้นมาก น่าแข็งแกร่งจะเพียงพอแล้ว”

ฉู่ชวิ๋นไม่ปฏิเสธ จิงหงมีระดับพลังอ่อนด้อยกว่าเขานิดเดียวเท่านั้น เธอคงช่วยเหลือเขาได้ไม่น้อย

ฉู่ชวิ๋นกลับมาถึงวังมังกรเพลิง เหยียนชง เหลยเป้า และคนอื่น ๆ ยังไม่กลับมา ดูเหมือนว่าพวกเขาคงยังหาตัวติงผิงไม่พบ

การขโมยป้ายประจำตัวไปจากเหลยเป้าได้อย่างไร้ร่องรอย ย่อมบ่งบอกว่าติงผิงคงหาตัวได้ไม่ง่าย

“เป็นยังไงบ้าง?” ฉู่ชวิ๋นถามหยานหวูซวง ที่ใบหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย

“รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย” หยานหวูซวงที่อาการดีขึ้นตอบ

“ดีแล้ว ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับนาย ฉันจะเอาหน้าที่ไหนไปเจอพ่อนายอีกครั้ง” ฉู่ชวิ๋นพูดเสียงเบา

“แหม!” หยานหวูซวงกวาดตามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า “เลิกแกล้งทำเป็นห่วงใยฉันได้แล้ว ที่ฉันต้องโดนแบบนี้ก็เป็นเพราะพี่คนเดียวนั่นแหละ”

ฉู่ชวิ๋นหัวเราะออกมา จักรพรรดิยาบอกว่ายาพิษเลือดอีกาไม่สามารถทำอะไรจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิได้ แต่ครั้งนี้เขาสะกัดจุดลมปราณของหยานหวูซวงเอาไว้ ถึงแม้หยานหวูซวงจะมีร่างกายที่แข็งแรงกว่าคนทั่วไปมาก แต่ก็ยังไม่อาจทนทานต่อพิษเลือดอีกาได้อยู่ดี

“เอาไว้เจอตัวติงผิงเมื่อไหร่ ฉันจะเป็นคนไปจัดการมันเอง” หยานหวูซวงพูดด้วยน้ำเสียงเจ็บแค้นใจ ครั้งนี้ถือว่าอันตรายเหลือเกิน เขาเกือบจะตายไปแล้ว

“วางใจเถอะ ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องหาตัวมันให้เจอให้ได้” ฉู่ชวิ๋นตอนนี้เปี่ยมไปด้วยความอาฆาตแค้นเช่นกัน

หลังจากคิดอะไรอยู่สักครู่หนึ่ง ฉู่ชวิ๋นก็โทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือจากหัวหน้าหมายเลข 1

ถึงแม้ลูกศิษย์ของวังมังกรเพลิงจำนวนหลายร้อยคนจะออกค้นหาตัวคนวางยาพิษอยู่ทั่วเมืองหลวง แต่มันก็ไม่ต่างจากการงมเข็มในมหาสมุทร

เมื่อได้รับทราบเรื่องราวทั้งหมด หัวหน้าหมายเลข 1 ก็โกรธแค้นมาก รีบออกคำสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาช่วยเหลือชายหนุ่มค้นหาตัวคนร้ายทันที

ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นสื่อมวลชนหรือในโลกอินเทอร์เน็ต ต่างก็มีข้อมูลการตามหาตัวติงผิงเต็มไปหมด

นอกจากนี้ ฉู่ชวิ๋นยังตั้งเงินรางวัลนำจับ ใครก็ตามที่สามารถให้ข้อมูลซึ่งนำพาไปสู่การจับกุมตัวติงผิงได้ จะได้รับสมุนไพรจิตวิญญาณสิบกำมือ และถ้าใครสามารถจับตัวติงผิงมาให้เขาได้เป็น ๆ ก็รับไปเลย 100 กำมือ

รางวัลนำจับมูลค่ามหาศาลถึงเพียงนี้ ย่อมดึงดูดยอดฝีมือให้สนใจแน่นอน

จอมยุทธ์ฝีมือดีกระจายกำลังกันไปทั่วเมือง

ที่เมืองหลวง ข้างหน้าต่างในร้านอาหารขนาดเล็ก ชายร่างผอมกำลังนั่งหันหน้าชนกับชายชราร่างสูงผู้หนึ่ง

“ผู้อาวุโสชุย ผมควรทำยังไงดี?” ชายร่างผอมก้มหน้าก้มตากระซิบกระซาบ เขาก็คือติงผิงที่วังมังกรเพลิงกำลังตามหาตัวอยู่นั่นเอง

“ใจเย็นก่อน เจ้ากับข้าทำตามคำสั่งนายน้อย นายน้อยย่อมไม่ทอดทิ้งพวกเราอยู่แล้ว” ชายชราร่างสูงพูด

“ผมอยากรู้จริงว่าหยานหวูซวงตายแล้วหรือยัง?” ติงผิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

“ครั้งนี้เจ้าเลือกเวลาลงมือได้เหมาะสมยิ่งนัก ยากที่หยานหวูซวงจะรอดพ้นชะตากรรมไปได้”

“ผู้อาวุโสชุย ว่าแต่เราจะหนีออกไปยังไง? ถนนทุกสายมีแต่คนของวังมังกรเพลิงเต็มไปหมด” ติงผิงพูดสีหน้าเป็นกังวล

“พวกเราต้องรอ” ผู้อาวุโสชุยตอบ “เราต้องรู้ให้ได้ก่อนว่าหยานหวูซวงตายแล้วหรือยัง?”

ติงผิงยิ้มกว้าง พูดว่า “แผนการของนายน้อยช่างล้ำลึก ถ้าหยานหวูซวงตาย ตระกูลหยานกับจอมมารฉู่ชวิ๋นก็จะต้องบาดหมางกันแน่นอน”

“หลิวเทียนเหอคนนั้น ฉันไม่คิดเลยว่าที่แท้มันก็คือจอมมารฉู่ชวิ๋น” ผู้อาวุโสชุยยิ้มกริ่ม “ถ้าไม่ใช่เพราะว่าหยานหวูซวงขยันไลฟ์สดที่ชายแดน พวกเราก็คงไม่รู้เลยว่าหลิวเทียนเหอคือจอมมารฉู่ชวิ๋น”

“แล้วถ้าเกิดหยานหวูซวงมันยังไม่ตายล่ะ?” ติงผิงถามด้วยความสงสัย

ผู้อาวุโสชุยหรี่ตาลงเล็กน้อย ตอบว่า “ถ้าอย่างนั้น ต่อให้พวกเราต้องตาย พวกเราก็ห้ามตายในปักกิ่ง!”

“แต่ตอนนี้คนของจอมมารฉู่ชวิ๋นกำลังออกตามหาผมอยู่ทุกหนทุกแห่ง คงหลบหนีออกไปได้ไม่ง่าย” ติงผิงรู้สึกอับจนหนทาง

ผู้อาวุโสชุยตอบว่า “ข้าเพิ่งติดต่อกับนายน้อยไปได้ไม่นาน นายน้อยว่าจะส่งคนมาเจอเราที่นอกเมืองหลวง ตอนนี้พวกเราต้องหาทางออกไปจากเมืองให้ได้ก่อน”

“มีแต่คนของพวกมันอยู่ข้างนอกเต็มไปหมด พวกเราคงออกไปได้ไม่ง่าย…” ติงผิงพูดแล้วก็หยุดชะงักอยู่เช่นนั้น สายตาของเขาพลันจับจ้องมองออกไปนอกหน้าต่าง

ผู้อาวุโสชุยมองตามสายตาของชายหนุ่มไป ก็พบว่าติงผิงกำลังจ้องมองผู้ชาย 2 คนกับผู้หญิงอีก 1 คนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของถนน ”รู้จักพวกมันหรือไง?”

“นี่คือมังกรเขียว นักรบเสือ ส่วนวัยรุ่นผู้หญิงคนนั้นชื่อกระต่ายหยก เป็นคนจากกลุ่มวิหคเพลิงของวังมังกรเพลิง” ติงผิงอธิบาย

“หรือว่าเจ้าอยากให้ข้าจับตัวพวกมัน ใช้เป็นข้อต่อรองในการหลบหนี?”

ติงผิงพยักหน้า

“เจ้าต้องเข้าใจก่อนว่าสำหรับจอมมารฉู่ชวิ๋นแล้ว ชีวิตคนทั่วไปไม่มีค่าในสายตาเขาเลย แล้วการจับตัวเจ้าสามคนนี้จะทำให้เขายอมปล่อยตัวเราไปได้ยังไง?” ผู้อาวุโสชุยไต่ถาม

“เอาเท่าที่ผมรู้นะ สามคนนี้รู้จักกับจอมมารฉู่ชวิ๋นมานานมากแล้ว รู้จักก่อนพวกเหยียนชงและเหลยเป้าเสียอีก โดยเฉพาะผู้หญิงคนนี้ ดูฉู่ชวิ๋นจะดีกับเธอเป็นพิเศษ”

ดวงตาของผู้อาวุโสชุยเป็นประกายระยิบระยับ “หรือว่าเธอจะเป็นผู้หญิงของฉู่ชวิ๋น?”

“ไม่ใช่ แต่ก็ทำให้ฉู่ชวิ๋นต้องหนักใจอยู่ไม่น้อย อาจเป็นเมียเก็บของฉู่ชวิ๋น”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย” ผู้อาวุโสชุยหัวเราะด้วยความชอบใจ

ทั้งสองคนพยักหน้าให้กัน ก่อนที่จะลุกขึ้นและเดินออกจากร้านอาหาร

“พวกแกกำลังตามหาตัวฉันอยู่ใช่ไหม?”

มังกรเขียว นักรบเสือ และกระต่ายหยกสีหน้าเคร่งเครียด ทั้งสามคนจ้องมองคนที่เดินมายืนขวางหน้า

“แกคือติงผิง?” มังกรเขียวถาม

“ใช่” ติงผิงตอบ

ดวงตาของนักรบเสือเป็นประกายวาวโรจน์ “กล้ามากที่มาปรากฏตัวเช่นนี้ แกไม่หวาดกลัวพวกเราเลยใช่ไหม?”

“น้ำหน้าอย่างพวกแกเนี่ยนะจะจับตัวฉัน?” ติงผิงหัวเราะเยาะด้วยความดูถูกก่อนจะโคจรพลังไปทั่วร่างกาย ทำให้สีหน้าของพวกมังกรเขียวเปลี่ยนไปทันที

“แกไม่คิดมอบตัวใช่ไหม” นักรบเสือพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

ติงผิงระเบิดเสียงหัวเราะ “ยังอยากจับตัวฉันอยู่หรือเปล่าล่ะ?”

มือของมังกรเขียวล้วงเข้าไปในกระเป๋าเพื่อจะหยิบโทรศัพท์มือถือมากดส่งข้อความแจ้งเตือนให้ทุกคนรับทราบ

“ข้าขอแนะนำว่าอย่าขยับตัวจะดีกว่านะ”

พวกของมังกรเขียวหันหน้ากลับไปและพบว่าที่ด้านหลังของพวกเขา มีชายชราร่างสูงคนหนึ่งยืนขวางทางหนีเอาไว้

“ฉันขอแนะนำให้พวกแกร่วมมือกับพวกเรา ช่วยอำนวยความสะดวกให้พวกเราหลบหนีออกนอกเมือง” ติงผิงกล่าว

“อย่าคิดเพ้อฝัน พวกแกไม่มีทางหนีออกไปจากเมืองหลวงได้แน่” นักรบเสือพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“พลังต่ำต้อย แต่วาจาสามหาวเหลือเกินนะ” ผู้อาวุโสชุยหัวเราะเยาะ ก่อนจะระเบิดพลังลมปราณออกมาจากร่างกาย

ตู้ม! ตู้ม!

มังกรเขียว นักรบเสือ ต่างก็ถูกพลังลมปราณกระแทกลอยกระเด็นออกไป

ผู้อาวุโสชุยแม้จะโหดเหี้ยมก็จริง แต่เขาก็ไม่ได้ลงมือทำร้ายกระต่ายหยก เนื่องจากในสายตาของชายชรา กระต่ายหยกมีพลังเพียงระดับปรมจารย์แถมยังดูอ่อนแอและน่าสงสารเกินไป

ดังนั้น เขาจึงเล่นงานแต่เพียงมังกรเขียวกับนักรบเสือที่มีพลังขั้นจักรพรรดิเท่านั้น

“ฉันขอแนะนำว่าอย่าได้คิดขัดขืน ยอมร่วมมือกับพวกเราแต่โดยดีและพาพวกเราหลบหนีออกนอกเมืองเสียดีกว่า ถ้าพวกเราสามารถหนีออกไปได้อย่างปลอดภัย พวกเราก็จะปล่อยตัวพวกแกไป” ติงผิงพูดอย่างใจเย็น

มังกรเขียวกับนักรบเสือหันมองหน้ากัน หลังจากนั้น พวกเขาก็พร้อมใจกันต่อยหมัดใส่ติงผิง มังกรเขียวคำราม “กระต่ายหยก รีบหนีไปแจ้งเตือนคนอื่นเร็วเข้า”

“น่าหัวเราะ” ติงผิงพูดอย่างเหยียดหยาม เพียงยกมือโบกสะบัดเล็กน้อย ร่างของจอมยุทธ์หนุ่มทั้งสองคนก็ปลิวกระเด็น

“แล้วพวกเจ้าจะต้องเสียใจที่ไม่ยอมร่วมมือตั้งแต่แรก” ผู้อาวุโสชุยแผดเสียงด้วยความเดือดดาล ก่อนยกมือขึ้นซัดพลังใส่จอมยุทธ์หนุ่มทั้งสองคน

ป๊อก ป๊อก!

ทันใดนั้น มีคลื่นเสียงพุ่งเข้ามากระแทกติงผิง

ผลั่ก!

ติงผิง กระเด็นออกไปทันที

“อ๊าก…” เขายกมือกุมหัวกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ผู้อาวุโสชุยถึงกับตกตะลึง

มังกรเขียวและนักรบเสือเองก็ตกตะลึงเช่นกัน

ทุกคนพบว่ากระต่ายหยกกำลังถือกลองป๋องแป๋งอยู่ในมือ พลังคลื่นเสียงที่แผ่ออกมา ทำให้ผู้อาวุโสชุยถึงกับตัวสั่นเล็กน้อย

นี่คือกลองป๋องแป๋งจักรพรรดิ เป็นสุดยอดอาวุธลึกลับที่ฉู่ชวิ๋นเคยมอบเป็นของขวัญให้แก่กระต่ายหยก

คลื่นเสียงเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น แต่แรงกระแทกเป็นสิ่งที่สัมผัสได้

ผลั่ก!

ผู้อาวุโสชุยคำรามในลำคอ เซถอยหลังไปหลายก้าว แล้วยืนโงนเงน

จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 6 ถูกคลื่นเสียงกระแทกใส่ไม่อาจทำอะไรได้นอกจากคำรามในลำคอด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว รู้สึกเหมือนวิญญาณกำลังจะแหลกสลาย

“มังกรเขียว นักรบเสือ รีบมาตรงนี้เร็วเข้า” กระต่ายหยกตะโกน ใบหน้าที่สวยงามของเธอซีดขาว เธอใช้งานกลองป๋องแป๋งจักรพรรดิถึงสองครั้งซ้อน ซึ่งปกติไม่เคยใช้งานติดกันขนาดนี้มาก่อน

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้อาวุโสชุยมีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 6 หลังจากตั้งหลักได้แล้ว ความแข็งแกร่งของเขาก็ค่อย ๆ กลับมา ชายชราจ้องมองกลองป๋องแป๋งในมือของกระต่ายหยกด้วยดวงตาเป็นประกาย

มังกรเขียวอาศัยจังหวะนี้แจ้งเตือนไปยังฉู่ชวิ๋น

“นายท่าน กำลังมาที่นี่แล้ว” มังกรเขียวพูด

“ติงผิง นายท่านรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ต่อให้พวกแกมีปีกก็หนีไม่รอด”

ผู้อาวุโสชุยดวงตาเป็นประกาย หันหลังทำท่าเหมือนจะหลบหนี แต่แล้วชายชรากลับเพิ่มความเร็วขึ้นเมื่อตีลังกาหมุนตัวกลับมาซัดพลังใส่พวกของมังกรเขียวด้วยความรุนแรง

กระต่ายหยกไม่ใช่ตัวโง่งม เธอรีบโถมตัวออกไปยืนกำบังพวกเขา

ป๊อก ป๊อก!

คลื่นเสียงที่น่ากลัวแผ่ออกไปจากตัวกลองป๋องแป๋งจักรพรรดิ

เปรี้ยง!

คลื่นเสียงปะทะเข้ากับพลังลมปราณ เกิดเป็นแรงระเบิดแผ่กระจายบริเวณกว้าง ก้อนอิฐที่ปูเป็นพื้นถนนบางส่วนถึงกับแตกร้าวกลายเป็นผุยผง

ใบหน้าของกระต่ายหยกขาวซีดมากยิ่งกว่าเดิม ดวงตาของเธอไร้ประกาย อย่างอ่อนล้าแล้วร่างของเธอก็ค่อย ๆ ล้มพับลงไปกับพื้น

หญิงสาวใช้งานกลองป๋องแป๋งจักรพรรดิติดกันถึงสามครั้ง ทำให้ลมปราณในร่างกายถูกดูดกลืนไปเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ กระต่ายหยกแทบไม่เหลือแรกอีกแล้ว

เมื่อเห็นดังนี้ ผู้อาวุโสชุยรู้สึกลิงโลดใจเป็นอย่างยิ่ง ระเบิดพลังออกมาอีกครั้ง

มังกรเขียวรีบเข้าไปช่วยพยุงกระต่ายหยก ในขณะเดียวกันก็โยนกลองป๋องแป๋งไปให้นักรบเสือ

นักรบเสือเป็นขั้นจักรพรรดิเช่นเดียวกับมังกรเขียว เขารีบโคจรพลังลมปราณอัดฉีดเข้าไปในกลองป๋องแป๋งทันที

ป๊อก ป๊อก!

มวลอากาศสั่นสะเทือนด้วยคลื่นเสียงมัจจุราช

นักรบเสือสามารถใช้กลองป๋องแป๋งได้มีอานุภาพกว่ากระต่ายหยกมาก

เมื่อเห็นเช่นนั้น ผู้อาวุโสชุยก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา ชายชรากระโดดถอยหนีไปไกลหลายร้อยเมตร ไม่กล้าผลีผลามเข้ามาโจมตี

เปรี้ยง!

คลื่นเสียงถูกยิงไม่โดนผู้อาวุโสชุย มันลอยเข้าไปกระแทกผนังของตึกที่ตั้งอยู่ด้านข้าง ในวินาทีนั้น ตึกทั้งหลังก็สั่นสะเทือน บนผนังปรากฏรูโหว่ขนาดใหญ่ โครงเหล็กที่อยู่ด้านในผนังถึงกับชำรุดเสียหาย

นักรบเสือใบหน้าซีดขาวด้วยความตื่นตระหนก ไม่สงสัยแล้วว่าทำไมกระต่ายหยกถึงเป็นลม พลังของกลองป๋องแป๋งจักรพรรดิรุนแรงเป็นอย่างยิ่ง จอมยุทธ์ทั่วไปไม่สามารถใช้งานมันได้เลย เนื่องจากอาวุธวิเศษชิ้นนี้อาศัยพลังลมปราณจำนวนมากในการแผ่คลื่นเสียงออกไป

ผู้อาวุโสชุยดวงตาเป็นประกาย เขามองออกแล้วว่าอาวุธสวรรค์ดูดกลืนพลังลมปราณมากเกินไป

“มาดูกันเถอะว่า แกจะใช้มันได้สักกี่ครั้ง” ผู้อาวุโสชุยหัวเราะเยาะ

วูบ!

ชายชราลอยตัวเข้ามาหาเหมือนสายฟ้าฟาดพร้อมกับยกมือซัดลมปราณใส่นักรบเสือ

นักรบเสือร้องคำรามด้วยความโกรธแค้น เขาสะบัดกลองป๋องแป๋งจักรพรรดิในมือ แล้วคลื่นเสียงก็แผ่สวนกลับออกไป

ใครจะคิดว่าในจังหวะนั้น ผู้อาวุโสชุยจะโบกมือและตีลังกาลอยตัวกลับ ปล่อยให้คลื่นเสียงที่นักรบเสือส่งออกมานั้นลอยเข้าไปกระแทกใส่ผนังตึกหลังเดิมอีกครั้ง

รอยแตกร้าวบนผนังตึกกินบริเวณกว้างมากขึ้น ประเมินได้ว่าอาจทำให้ตัวอาคารถล่มลงมาได้ไม่ยาก นี่คือตึกที่เป็นสำนักงานขนาดใหญ่บริษทหลายแห่ง บรรดาคนที่อยู่ด้านในต่างร่ำร้องด้วยความตื่นกลัวกันหมด

นักรบเสือยืนหอบหายใจด้วยใบหน้าซีดเซียว

“นักรบเสือ ส่งมันมาให้ฉัน” มังกรเขียวรับกลองป๋องแป๋งจักรพรรดิมาถือไว้และจ้องมองไปที่ผู้อาวุโสชุย

ผู้อาวุโสชุยรู้สึกร้อนรน เพราะฉู่ชวิ๋นกำลังจะมาถึงที่นี่ในอีกไม่ช้า เขาต้องรีบหนีไปให้ได้ก่อนที่ฉู่ชวิ๋นจะมาถึง ไม่เช่นนั้น ชีวิตของเขาคงต้องจบสิ้นลงที่นี่!