“นังหนู เจ้าหนู มาหาข้ามีเรื่องอะไร?” เอ๋าเลี่ยสับสน มีเรื่องอะไรหลิวหลีถึงได้รีบร้อนมาหาตนเช่นนี้

“อาเลี่ย เจ้าใช้ประสาทเซียนมองข้ากับเวิ่นเทียนแล้วเห็นอะไรไหม” หลิวหลีถาม

“ไม่อะไรไม่ออก พวกเจ้าก็ยังเป็นพวกเจ้า ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป” เอ๋าเลี่ยรู้สึกมึนงง พวกเขาสองคนเล่นอะไรกัน?

“ไม่น่าเป็นแบบนี้ อาเลี่ยจะมองไม่เห็นได้อย่างไร?” หลิวหลีรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เหตุใดคุณสมบัติของสหายนางถึงไม่โดดเด่นกว่าคนอื่นล่ะ?

“จะเพราะเป็นคนในระดับเดียวกันจึงมองไม่เห็นได้หรือเปล่า” หนานกงเวิ่นเทียนกล่าว เขาก็มองไม่เห็นสถานการณ์ของหลิวหลีเหมือนกัน

“เช่นนั้นพวกเราออกไปเปลี่ยนคนแล้วดูดีกว่า” หลิวหลีเสนอ

“ยังไม่ต้องดูให้ศิษย์ระดับพิเศษ ดูให้ศิษย์คนอื่นก่อนดีไหม” แบบนี้ก็จะสามารถตัดสินใจได้อีกขั้น

“อาเลี่ย เจ้าลองรวบรวมประสาทเซียนมองคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนั่นดูว่าเห็นอะไรหรือไม่” หลิวหลีชี้ไปที่ศิษย์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามคนหนึ่ง

เอ๋าเลี่ยลองทำตามคำสั่งของหลิวหลี ผลคือเขาสามารถมองเห็นความเป็นไปได้บางอย่างในอนาคตศิษย์คนนั้นเป็นไปได้อย่างไร? เขามีความสามารถนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

“ดูท่าจะได้ผล” สองสามีภรรยาสบตากัน

“อาเลี่ย เจ้าลองมองคนนั้นดูว่าเห็นอะไรไหม?” หลิวหลีชี้ไปอีกทาง ทางนั้นยังมีอีกคน

เอ๋าเลี่ยมองอีกครั้ง ผลคือเขายังคงเห็นเรื่องในอนาคตของคนนี้อยู่

“หลิวหลี เวิ่นเทียน นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมข้าถึงมองเห็นการเติบโตบางอย่างในอนาคตของพวกเขา” เอ๋าเลี่ยถามอย่างเหลือเชื่อเล็กน้อย

“ตอนนี้ยังบอกกับเจ้าไม่ได้ เจ้าลองมองอีกคน หากเจ้ายังมองออก พวกเราก็จะบอกให้เจ้าเข้าใจแจ่มแจ้ง” หลิวหลีพูด

“ได้ พวกเจ้าต้องบอกเหตุผลกับข้า” เอ๋าเลี่ยพยักหน้า

“ครั้งนี้อาเลี่ย เจ้ามองคนที่อยู่ข้างหลังเจ้า” หลิวหลีบอกใบ้ไปทางด้านหลังของอาเลี่ย นั่นก็คือศิษย์ระดับพิเศษคนก่อนหน้านี้

“ไม่สามารถกลายเป็นเทพได้” อาเลี่ยได้รับบทสรุปนี้ก็เหลือเชื่อ พวกเขาเป็นศิษย์ระดับพิเศษเหมือนกันไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงได้? เหตุใดเขาถึงสามารถมองเห็นอนาคตของศิษย์ระดับพิเศษได้?

“น้องหญิง” หนานกงเวิ่นเทียนมองไปทางหลิวหลี

หลิวหลีรวมรวบประสาทเซียนของตนและสอดส่ายสายตา เทพสงคราม

“เทพสงคราม” หลิวหลีพูด

“ดังนั้นความสามารถนี้มีการจัดแบ่งอย่างไร?” หนานกงเวิ่นเทียนไม่เข้าใจ

“ไม่แน่ใจ แต่ข้ารู้สึกว่าพวกเขาน่าจะไม่มีความสามารถนี้ ไม่อย่างนั้นหลายปีมานี้ทำไมพวกเขาถึงยังอยู่ในตำแหน่งศิษย์ระดับพิเศษ ไม่ถูกดูดเข้าไปในภูเขาเทวา” หลิวหลีวิเคราะห์ แต่นี่มันเรื่องอะไรกันแน่? นางคิดไม่ออกจริงๆ

“อาเลี่ย เจ้าน่าจะเป็นผู้ที่จะต้องกลายเป็นเทพเหมือนกัน ดังนั้นจึงได้มีความสามารถบางส่วนของเทพ” หลิวหลีอธิบาย

“อะไรนะ เรื่องนี้ก็มองออกด้วยหรือ” เอ๋าเลี่ยไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง คิดไม่ถึงว่าจะพูดเรื่องแบบนี้ได้ด้วยท่าทีมั่นใจเช่นนี้ หลิวหลีกับเวิ่นเทียนบ้าไปแล้วหรือหูเขาหลอนไปเองหรือนี่? เรื่องทั้งหมดนี้ช่างเพ้อเจ้อนัก ดังนั้นเมื่อครู่ที่หลิวหลีให้เขามองคนเหล่านั้นก็เพื่อทดสอบว่าเขามีความสามารถนี้หรือไม่ ไม่ใช่ว่าต้องกลายเป็นเทพแน่แล้วหรือ แล้วทำไมเขาถึงมองไม่เห็นอนาคตของหลิวหลีกับเวิ่นเทียนล่ะ?

“ใช่ อาเลี่ย จากบททดสอบเล็กๆเมื่อครู่ของพวกเรา ทำให้แน่ใจว่าเจ้ามีความสามารถนี้จริงๆ เพียงแต่อาเลี่ยเก็บเป็นความลับไว้จะดีที่สุด เรื่องนี้สำคัญอย่างมาก หากแพร่งพรายออกไปจะไม่ดีต่อตัวพวกเราเอง” หลิวหลีเอ่ยย้ำ

“นังหนู เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าตัวเจ้า เวิ่นเทียนแล้วก็ข้ามีความสามารถแบบนี้?” เอ๋าเลี่ยย่อมเข้าใจความสำคัญของเรื่องนี้ดี

“เรื่องบางเรื่องก็พูดไม่ได้ อาเลี่ย สิ่งที่พวกเราเผชิญหน้าอยู่ตอนนี้คือต้องฝึกฝนจนบรรลุขอบเขตราชาเทพ ทำได้เพียงแค่ต้องบรรลุพลังบำเพ็ญเพียรขอบเขตราชาเทพเท่านั้นถึงจะถูกดูดเข้าภูเขาเทวา ถึงจะมีโอกาสชิงตำแหน่งมหาเทพสูงสุดและกลายเป็นเทพที่แท้จริงได้” หลิวหลีพูด

“คิดไม่ถึงว่าจะมีภูเขาเทวาที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน” เอ๋าเลี่ยเหลือเชื่อ ทำไมนังหนูถึงรู้ได้มากขนาดนี้? ในโลกผู้บำเพ็ญเพียร เขาปกป้องนาง แต่ตั้งแต่ที่โลกเซียนเป็นต้นมา หลิวหลีปกป้องเขามาตลอด มีหลายสิ่งที่นังหนูคนนี้บอกเขา แต่เขาก็ไม่เคยสงสัยและเชื่อมั่นในตัวนางโดยตลอด

“ออกไปข้างนอกครั้งนี้ได้ยินเจ้าสำนักบอกมาน่ะ ไม่อย่างนั้นข้าก็ไม่มีทางรู้เหมือนกันว่านอกสำนักยังมีภูเขาเทวาอีก” หลิวหลีพูด

“หลิวหลี ความสามารถนี้ของพวกเราจะแพร่งพรายให้คนนอกรู้ไม่ได้ สำหรับพวกเราแล้วไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก ข้าเชื่อมั่นในการฝึกฝนไปทีละก้าวของตนมากกว่า ต่อให้รู้บทสรุปสุดท้ายแล้ว แต่ก็ห้ามมองข้ามขั้นตอนนี้ได้” เอ๋าเลี่ยไม่คิดว่าตนไม่จำเป็นต้องตั้งใจฝึกฝนบำเพ็ญเพียรเพราะเรื่องนี้ อย่างไรเสียมันเป็นเพียงแค่จุดหมายปลายทาง ระหว่างนั้นก็ยังจำเป็นต้องใช้ความพยายามของตนเองอยู่

“ข้ากับท่านพี่ก็ตั้งใจเช่นนั้น อนาคตยังเป็นเพียงภาพมายา ไม่ควรไม่สนใจวิธีปฏิบัติเพราะตนเองรู้ผลที่จะเกิดขึ้น หากระหว่างนั้นไม่พยายาม ผลในอนาคตก็เปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน” หลิวหลีเห็นด้วยกับคำพูดของอาเลี่ย อย่างไรเสียพวกเขาก็เคยเห็นคนอื่นๆ บางคนเป็นเพราะพยายาม โชคชะตาอนาคตของพวกเขาจึงเกิดการเปลี่ยนแปลง ดวงชะตานั้นเปลี่ยนแปลงได้อยู่ตลอด โชคดีมากมายก็เคยถูกตนเองทำพังมาแล้ว ตอนนี้ต่อให้รู้ว่าอนาคตตนเองจะเป็นเช่นไร แต่ไม่พยายาม อนาคตก็อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงได้อยู่ดี

“อยู่กับปัจจุบันถึงจะดีที่สุด” หนานกงเวิ่นเทียนเห็นด้วยกับเรื่องนี้

พวกเขาไม่รู้ว่าเพราะสิ่งนี้ ทำให้ความโชคดีของเขาถึงได้เพิ่มขึ้นอีกขั้น ความสามารถในการทำนายอนาคตล่วงหน้านับเป็นบททดสอบอย่างหนึ่ง เมื่อผ่านบททดสอบนี้ไปได้ ถึงจะนับเป็นก้าวแรกในการการบรรลุเป็นเทพที่แท้จริง แน่นอนว่าหากไม่มีเรื่องนี้ก็จะไม่สามารถกลายเป็นเทพที่แท้จริงได้ พูดง่ายๆก็คือตั้งแต่ที่พวกเขาก้าวเข้ามาในโลกเทพก็มีบททดสอบอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะในที่สว่างหรือที่มืดก็มีอยู่มากมาย แค่พวกเขาไม่รู้เท่านั้นเอง

ไม่ว่าเมื่อไหร่สวรรค์ก็ยุติธรรมเสมอ ดังนั้นไม่ใช่สวรรค์ไม่ยุติธรรม เพียงแต่ตนเองยอมแพ้ไปก่อนเอง

“อาเลี่ย หากต้องการบอกเรื่องนี้กับอิงเสวี่ย ก็อย่าบอกปิงเซียวกับเหลยรุ่ย” หลิวหลีพูด

“เรื่องนี้มันแน่อยู่แล้ว” เอ๋าเลี่ยพยักหน้า บอกพวกเขาไปก็รังแต่จะทำให้กังวลมากขึ้น แล้วยังไม่มีวิธีใดแก้ไขปัญหาได้ ไม่สู้ปล่อยให้พวกเขาไม่รู้อิโหน่อิเหน่ บางครั้งการรับรู้เพียงน้อยนิดก็เป็นความสุขอย่างหนึ่ง

“ท่านพี่ พวกเราเสียเวลามามากไปแล้ว ตอนนี้เรื่องที่พวกเราต้องการจะพิสูจน์ก็ได้คำตอบแล้ว แม้ว่าจะไม่ชัดเจนแต่ก็มีทิศทางคร่าวๆ ตอนนี้สิ่งที่เราต้องทำคือพยายามบำเพ็ญเพียรเพื่อจะได้บรรลุขอบเขตราชาเทพแล้วรีบเข้าไปในภูเขาเทวาโดยเร็ว” หลิวหลีพูด

“จริงสิ น้องหญิง ข้ารู้สึกว่าหากพวกเราไปภูเขาเทวาจะได้รับคำตอบบางส่วนของเรื่องนี้” หนานกงเวิ่นเทียนคาดเดา เขารู้สึกเหมือนว่าจะได้เจอคนที่เขาเกลียดชังผู้นั้น

“ท่านพี่ ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน ในเมื่อพวกเราคิดเหมือนกัน เช่นนั้นพวกเราก็ขยันฝึกฝนบำเพ็ญเพียรกันเถอะ ถึงอย่างไรศิษย์ระดับพิเศษก็มีสิทธิพิเศษ พวกเราจะทำภารกิจหรือไม่ทำก็ได้ อีกอย่างทรัพยากรเหล่านั้นสำก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรต่อพวกเรามากนัก พวกเราเข้าฌานฝึกฝนบำเพ็ญเพียรก็เพียงพอแล้ว” หลิวหลีกล่าว

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หลิวหลีผู้ยิ่งใหญ่ก็เข้าฌาน ว่ากันว่าหากพลังบำเพ็ญเพียรไม่บรรลุขอบเขตราชาเทพก็จะไม่ออกจากฌาน ทั้งๆที่เพิ่งบรรลุขอบเขตประมุขเทพไปไม่นาน

……………………………………………..