ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่193 ท่านอ๋องจะฆ่าคน
เชี่ยนปี้ตกใจ หยุนอี่ร์โหรวในตอนนี้ทำให้นางรู้สึกขนหัวลุกมาก
นางตอบอย่างหวาดระแวง เห็นว่านางกำลังจะออกไปแล้ว
ตอนนี้เอง หยุนอี่ร์โหรวก็พูดด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดจากในห้องน้ำว่า “ช้าก่อน เจ้า เจ้าไปตามหมอมาก่อน……”
นางกุมท้อง ความเจ็บปวดจากท้องทำให้ริมฝีปากของนางซีดเซียว เสื้อผ้าของนางก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็นๆ เป็นความรู้สึกที่นางไม่เคยรู้สึกมาก่อน
เชี่ยนปี้ก็ได้ยินเสียงที่ไม่เป็นปกติของหยุนอี่ร์โหรว รีบเข้าไปปลอบใจว่า “พระชายารอง ท่านเป็นอะไรกันแน่? จะให้……”
ยังพูดไม่ทันจบ ก็ได้เสียงคลื่นอย่างรุนแรง กลิ่นเหม็นพุ่งเข้าจมูก ทำเอาเชี่ยนปี้แทบอ้วกออกมา
นางถอยหลังออกไปหลายก้าว “ทราบ ทราบแล้วเจ้าค่ะ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้——”
ว่าแล้ว เชี่ยนปี้ก็รีบหนีออกจากเรือนจู๋หลาน
และหยุนอี่ร์โหรวที่นั่งอยู่ในห้องน้ำก็ขาชาไปหมดแล้ว รอบกายเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นอบอวล
นางกัดฟันกรอด ดวงตาแดง มือกำหมัดแน่น “หนานหว่านเยียน! ข้าจะฆ่าเจ้า!”
ในขณะเดียวกันในเรือนเซียงหลิน หนานหว่านเยียนกับสองพี่น้องนั่งอยู่บนเก้าอี้หินอ่อน ทันใดนั้นล่าปู๋ล่าก็วิ่งเข้ามา หัวเปียกปอนนั้นก็แนบขาของหนานหว่านเยียนแล้วถูไปมา
หนานหว่านเยียนยื่นมือไปลูบขนของล่าปู๋ล่า เงยหน้ามองสองพี่น้องด้วยสายตาลึกซึ้ง
ยังไม่รอให้นางพูด เกี๊ยวน้อยก็นั่งลง สองมือกำแขนเสื้อไว้ แล้วยอมรับอย่างสำนึกผิดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน: “ขอโทษเจ้าค่ะท่านแม่ เมื่อกี้พวกข้ากับพี่อวี๋เฟิงต่างก็รู้สึกว่าท่านแม่โดนรังแก”
“ดังนั้นข้ากับซาลาเปาน้อยก็เลยร่วมมือกัน แอบใช้ ‘ยาโหมกลิ้งซัดสาดนับพันลี้’ ของท่านแม่ ถูไปที่หลังของล่าปู๋ล่า ให้พวกมันเอาไปลงโทษผู้หญิงชั่วคนนั้น”
ซาลาเปาน้อยมองดูเกี๊ยวน้อย แล้วลุกขึ้นแต่โดยดี ก้มหน้าน้ำตาคลอ ดูท่าน้อยอกน้อยใจมาก
“เป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นคนเดียว ทุกครั้งชอบมาทำให้ท่านแม่ไม่พอใจ ยังมีคนชั่วนั่นอีก วันนี้ยังอยากรังแกท่านแม่ด้วย!”
ถ้าไม่ใช่เพราะพวกนางมาทันเวลา ไม่รู้ว่ากู้โม่หานจะทำอะไรกับหนานหว่านเยียนอีก
ที่จริงหนานหว่านเยียนสังเกตเห็นนานแล้ว แต่นางจะลงโทษลูกสองคนที่เป็นห่วงนางได้ลงคอยังไงล่ะ
ยิ่งไปกว่านั้น พอนึกถึงภาพที่ผู้ชายชั่วหญิงเลวสองคนนั้นตกน้ำ หนานหว่านเยียนก็รู้สึกสบายใจมาก นางพูดขึ้นอย่างเอ็นดู
“ลูกรักของข้าทำไมฉลาดขนาดนี้นะ? เรื่องในวันนี้ แม่คิดว่าพวกเจ้าทำได้ดีมาก!”
ซาลาเปาน้อยกับเกี๊ยวน้อยสบตากัน แอบโล่งอก และรู้สึกสบายใจมากขึ้น
แต่หนานหว่านเยียนกลับเปลี่ยนน้ำเสียง พูดด้วยสีหน้าเข้มงวดว่า “แต่แม่ก็อยากให้พวกเจ้าดูแลตัวเองให้ดี เรื่องของผู้ใหญ่ แม่จัดการเองได้ พวกเจ้าแค่เติบโตอย่างปลอดภัยและมีความสุขก็พอ ดีไหม? สัญญากับแม่สิ”
ว่าแล้ว นางก็ยื่นมือออกไปต่อหน้าเด็กสองคน
เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยก็รีบจับมือหนานหว่านเยียนไว้ ทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกันว่า “เกี่ยวก้อยสัญญา ร้อยปีห้ามเปลี่ยนแปลง!”
“พวกเราจะฟังที่ท่านแม่พูดเจ้าค่ะ!”
สองพี่น้องยิ้มอย่างไร้เดียงสา หนานหว่านเยียนเห็นแล้วก็อบอุ่นหัวใจ ขณะเดียวกัน ก็ไม่อยากให้เด็กสองคนเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้
และสองปีน้องก็มีจิตใจที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน ภายนอกตกลง แต่ถ้าเจอคนที่รังแกหนานหว่านเยียน พวกนางจะต้องปกป้องหนานหว่านเยียนแน่นอน!
โดยเฉพาะหลังจากเจอเรื่องในวันนี้ พวกนางก็ดูออกแล้วล่ะว่า กู้โม่หานผู้ชายคนนี้ต้องเปลี่ยนเร็วๆ ต้องเลือกสามีใหม่ให้หนานหว่านเยียนเร็วๆ!
วินาทีต่อมา สองพี่น้องก็สบตากันแล้วหัวเราะ ใช้สองมือลูบหัวของหนานหว่านเยียนเบาๆโดยไม่ได้นัดหมาย เหมือนที่นางทำกับพวกนาง พูดขึ้นพร้อมกันว่า “งั้นตอนนี้ท่านแม่มีความสุขไหม?”
หนานหว่านเยียนอึ้งเล็กน้อย ต่อมาก็หัวเราะ “ดีใจสิ มีพวกเจ้าอยู่ แม่ก็ดีใจแล้ว”
เกี๊ยวน้อยยิ้ม ทันใดนั้นก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ท่านแม่ พรุ่งนี้ข้ากับซาลาเปาน้อยจะให้ของขวัญแม่เจ้าค่ะ!”
ซาลาเปาน้อยพูดอย่างลึกลับ “อืม! พรุ่งนี้แม่จะมีความสุขแน่นอน!”
พูดจบ ทั้งสองก็เบะปาก สายตารู้ใจกัน
หนานหว่านเยียนก็รู้สึกสงสัย บีบแก้มของซาลาเปาน้อยเบาๆ “ของขวัญอะไรเหรอ?”
เกี๊ยวน้อยส่ายหน้าอย่างลึกลับ “บอกแล้วไงว่าเป็นของขวัญ ก็ต้องปิดเป็นความลับสิ!”
ถึงแม้หนานหว่านเยียนจะแปลกใจ แต่คิดยังไง เด็กสองคนนี้ก็คงไม่ทำอะไรที่น่าตกใจหรอก ก็เลยหยุดคิด แล้วเรียกเซียงอวี้ไปทำของอร่อยให้เด็กสองคนกินกัน
แต่ทว่าเด็กสองคนที่ดูจะไม่มีทางก่อเรื่องวุ่นวายอะไรได้ เรื่องที่ทำนั้นกลับน่าตกใจมาก เกือบทำทั้งจวนแตกหัก
หนานหว่านเยียนกับเซียงอวี้เดินไปไกลแล้ว เกี๊ยวน้อยก็เห็นอวี๋เฟิงที่กำลังจะหนีอย่างลับๆล่อๆ แล้วตะโกนเรียก “พี่อวี๋เฟิง——”
น้ำเสียงนี้ อวี๋เฟิงได้ยินแล้วรู้สึกขนหัวลุกซู่
เขาหันกลับไปพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “ขอรับ คุณหนู?”
ซาลาเปาน้อยเดินไปข้างหน้าเขา เกี๊ยวน้อยก็เดินตามหลังมา แอบเอาเงินออกจากกระเป๋า แล้วยัดให้อวี๋เฟิงอย่างเจ้าเล่ห์
เกี๊ยวน้อยชี้ไปที่เงินในมือเขา “เหอะ! ตอนนี้พี่รับเงินข้าแล้ว! ขอบใจพี่อวี๋เฟิงที่ช่วยข้านะ!”
ซาลาเปาน้อยรีบพูดต่อว่า: “ข้ารู้ว่าพี่อวี๋เฟิงดีที่สุดแล้ว! พี่ใจดีขนาดนี้ พวกเราจะยอมฝืนใจยกพี่เซียงอวี้ให้แล้วกัน”
อวี๋เฟิงกำลังจะพูดอะไร ก็ได้ยินสองพี่น้องพูดจนทำตัวไม่ถูก
“ไม่ใช่ ข้า ข้าไม่ได้ คุณหนูอย่าพูดแบบนี้สิขอรับ ถ้าแม่นางเซียงอวี้ได้ยินเข้า ข้า ข้า……”
ถึงเขาอมพระมาพูดก็คงไม่มีใครเชื่อแล้ว แล้วเขาตกลงพวกนางตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ?
เกี๊ยวน้อยลากเสียง ‘อ้อ’ ยาวๆ แล้วพูดเสียงเบาว่า: “อยากให้พวกเรารักษาความลับก็ได้ ยังไงตอนนี้พี่ก็รับเงินของพวกข้าแล้ว เอาแบบนี้ไหม พรุ่งนี้พี่ช่วยพวกเรา……”
นางพูดเสียงเบา กลัวคนอื่นได้ยินเข้า อวี๋เฟิงได้ยินแล้วก็ตัวแข็งอยู่กับที่
เรื่องนี้ถ้าเขาไปทำ เกรงว่าคงจะสิ้นสุดชีวิตในจวนแล้วล่ะ
“คุณหนู คือ……” อวี๋เฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งโดยไม่ตอบ ซาลาเปาน้อยก็เดินเข้ามาอย่างน่าสงสาร มองเขาด้วยน้ำตา “พี่อวี๋เฟิง ไม่ได้เหรอ? ข้ากับพี่เสียใจมากนะ……”
ภายใต้การโจมตีของเด็กน่ารักสองคน อวี๋เฟิงหัวร้อน “ได้!”
เขาจะทำใจปฏิเสธคุณหนูสองคนได้ยังไง อย่างมากก็ยอมให้ท่านอ๋องฆ่าแล้วกัน!
ได้ยินอวี๋เฟิงตกลง สองพี่น้องก็กระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ “รักษาความลับด้วยนะ!”
พูดจบ เด็กสองคนก็จับมือเดินเข้าไปในห้อง รอ ‘อาหาร’ ที่หนานหว่านเยียนทำให้กิน
ณ เรือนซีเฟิง
เสิ่นอี่ร์พักผ่อนอยู่ในห้องหลายวัน ก็ได้ยินเสียงเล่าลือมากมาย ตอนนี้ในที่สุดเขาก็ดีขึ้นมาแล้ว อยากรีบวิ่งออกไปทำความเคารพกู้โม่หาน
หลังจากที่กู้โม่หานออกจากเรือนเซียงหลินก็กลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้า เสื้อคลุมสีดำและสีทองถูกคลุมไว้ทั่วร่างกายของเขาและผมสีดำของเขายังไม่แห้งสนิท แต่ก็กระจัดกระจายอยู่บนไหล่ของเขา สายตาเป็นประกาย อกผายไหล่ผึ่ง
เขามือเท้าคางอยู่บนโต๊ะ ในมือก็ถือข้อมูลของหนานหว่านเยียนที่พ่อบ้านกาวเอามาให้เมื่อตอนบ่าย แต่ใจกลับไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ในหัวมีแต่ภาพของเด็กสองคนนั้นและภาพของหนานหว่านเยียน
“ท่านอ๋อง” เสิ่นอี่ร์เดินเข้ามาด้วยสายตาเข้มงวด คุกเข่าอยู่ตรงหน้ากู้โม่หาน
กู้โม่หานได้สติ เห็นเสิ่นอี่ร์ที่หายดีแล้ว ก็ยิ้มแล้วพูดว่า “เป็นพี่น้องกัน จะทำความเคารพทำไม รีบลุกขึ้นเร็ว”
เสิ่นอี่ร์ลุกขึ้น กู้โม่หานมองเขา “ร่างกายดีขึ้นหรือยัง?”
เสิ่นอี่ร์พยักหน้า สายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง “ข้าน้อยหายดีแล้ว พร้อมรับใช้ท่านอ๋องแล้ว ช่วงนี้ โชคดีที่ท่านอ๋องอนุญาตให้ข้าน้อยพักผ่อน บวกกับที่พระชายาส่งยามาให้ ก็ถึงหายดีขึ้น”
“แต่ว่า ท่านอ๋องเหมือนจะไม่สบายใจเลย”
นิ้วมือเรียวยาวของกู้โม่หานก็ชี้ไปยังข้อมูลบนโต๊ะ “มีเรื่องที่ข้ายังคิดไม่ออก”
เสิ่นอี่ร์เห็นข้อมูลบนโต๊ะแล้ว ก็ตกตะลึงมาก
กู้โม่หานเห็นแล้วก็ถามเขาว่า “ทำไมเหรอ? เจ้าเห็นอะไรเหรอ?”
เสิ่นอวี่ขมวดคิ้วลังเลอยู่นาน พูดความสงสัยในใจออกไป
“ในนั้นเขียนวันที่พระชายาหายตัวไป……ข้าน้อยรู้สึกว่า ตามท่าทีที่หนานเฉิงเซี่ยงมีต่อพระชายา เรื่องนี้เหมือนจะขัดแย้งกันเล็กน้อยนะ”
“ต่อ”
เสิ่นอี่ร์หยิบเอกสารขึ้นเปิดดู แล้วพูดอย่างแน่ใจว่า: “ตอนเด็กพระชายาโดนยาพิษ หนานเฉิงเซี่ยงก็เลยปกป้องพระชายาอย่างดีไม่ใช่เหรอ? แต่ทำไมวันปักปิ่นวันที่ยิ่งใหญ่ของสตรี แถมยังหายไปทั้งวันด้วย?”
กู้โม่หานสายตาเปลี่ยนไป……