บทที่ 1280 – เทือกเขาปู๋โถว ผู้นำนิกาย, พลังปริศนาของเทพธิดา?

 

“นี่ไม่ได้เรียกว่าไร้ยางอายแต่มันคือความมั่นใจต่างหาก” ชิงสุ่ยยิ้ม แต่คำพูดในก่อนหน้า ถานท่ายหยวนเพียงต้องการหยอกล้อเท่านั้น

 

นางไม่ได้โต้เถียงกับชิงสุ่ยถึงเรื่องนี้อีก นางเพียงจ้องมองชิงสุ่ยและไม่ได้พูดอะไรต่อ

 

“ทำไมเจ้าไม่พาน้องเฉินมาด้วยล่ะ” อวี้ลู่หยานถามชิงสุ่ย

 

“นางต้องเข้าสู่ความสันโดษเพื่อฝึกวิชา มิฉะนั้นข้าคงพานางมาด้วยกันแล้ว ”

 

“ชิงสุ่ย อย่าบอกนะว่าเจ้าวางแผนให้น้องเฉินขึ้นเป็นผู้นำของนิกายบงกชเทวะ” ทันใดนั้นเอง อวี้ลูหยานจ้องเขม็งไปยังชิงสุ่ยและถาม

 

ชิงสุ่ยยืนมืออกไปและสัมผัสกับศีรษะของอวี้ลู่หยาน “ฮึ นี่เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่งั้นหรือ? เจ้าคิดหรือว่าสามีของเจ้าจะคอยสร้างปัญหาให้กับนิกายบงกชเทวะ?”

 

อวี้ลู่หยานผละตัวออกจากมือของชิงสุ่ย สำหรับหญิงสาวที่โตแล้วอีกทั้งยังมีความสามารถแบบนาง คงไม่ชอบให้ผู้ชายที่มีอายุน้อยกว่ามาสัมผัสศีรษะ ถึงอย่างนั้นก็ตามนางรู้สึกมีความสุข

 

ถานท่ายหยวนไม่ได้ยิ้มออก คงเป็นเพราะว่านางได้เห็นการกระทำของทั้งสอง นางรู้สึกได้ว่าอวี้ลู่หยานมีความสุขจริงๆ นอกเหนือจากนี้นางกำลังจินตนาการว่าถ้านางได้เป็นแบบนั้นบ้างจะเป็นเช่นไร ในตอนนี้นางแสดงออกถึงอาการของคนมีความสุข สีหน้าของนางเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง เหตุเพราะนางเคยคุยถึงเรื่องราวเหล่านั้นกับอวี้ลู่หยานเป็นการส่วนตัว…

 

ชิงสุ่ยเห็นอาการของถานท่ายหยวนก็นึกขึ้นได้ว่า ก่อนหน้านี้นางได้เข้ามาเห็นเรื่องระหว่างอวี้ลู่หยานและตนเอง ดังนั้นเขาจึงมั่นใจว่าหญิงงามคนนี้ก็มีความคิดในเรื่องที่ไม่เหมาะสมเช่นกัน แต่คำว่า’ไม่เหมาะสม’ทำให้ตัวชิงสุ่ยเองรู้สึกแย่ขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งหมดก็เพราะ ‘เรื่องที่ไม่เหมาะสม’ เกิดจากอวี้ลู่หยานและตัวเขาเอง

 

ถานท่ายหยวนสังเกตเห็นได้ว่าชิงสุ่ยรู้ถึงความรู้สึกของนาง ความอ่อนแอและความเศร้าโศกทำให้นางดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ด้วยใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดง นางจ้องมองไปยังชิงสุ่ยด้วยความไม่พอใจ แต่ตัวชิงสุ่ยเองกลับรู้สึกว่าสีหน้าเช่นนี้เป็นการให้ทางกับเขา

 

ชิงสุ่ยส่ายหัวเล็กน้อย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ทำให้พวกเขาทั้งสามรู้สึกอึดใจ เหตุเพราะเรื่องดังกล่าวเป็นที่รู้กันดีของทั้งสามคน จนกระทั่งตอนนี้แม้แต่ตัวชิงสุ่ยเองยังคิดวิธีแก้ปัญหานี้ไม่ได้ ถ้าเป็นเพียงเพราะหญิงสาวทั้งสองมาจากภาพโฉมงาม ปัญหาคงไม่ยากเช่นนี้

 

“เจ้าต้องการพบท่านอาจารย์จริงๆหรือ” ถานท่ายหยวนสงบสติตนเองลงชั่วครู่ก่อนจะกล่าวถาม

 

“ใช่แล้ว อาจารย์ของเจ้าเป็นผู้ชี้นำเทือกเขาปู๋โถวใช่ไหมล่ะ?” ชิงสุ่ยถามหลังคิดอยู่ชั่วครู่ ในความเป็นจริงแล้วถานท่ายหยวนเป็นถึงผู้นำเหล่าสาวก ตั้งแต่ที่นางเดินทางมายังมหาทวีปอู่เซียตะวันตก ประสบการณ์ของนางได้เพื่มพูนขึ้นอย่างมากมาย และพลังของนางก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน.

 

ชิงสุ่ยเพิ่งมาทราบเมื่อเร็วๆนี้ว่า ระดับพลังของนางสามารถเทียบได้กับฟู่เหยียนเทียนและฟู่ซางเลยทีเดียว

 

“แน่นอน ท่านอาจารย์ของข้าเป็นผู้ตัดสินทุกอย่างในเทือกเขาปู๋โถว”

 

เมื่อใดที่กล่าวถึงท่านอาจารย์ขึ้นมา ถานท่ายหยวนมักคิดถึงนางขึ้นมาเสมอ นางเป็นคนที่ดูแลถานท่ายหยวนมาตลอด ราวกับท่าที่ของพวกลูกๆที่แสดงออกต่อพ่อแม่

 

“เยี่ยม เช่นนั้นคงไม่มีปัญหา ข้าจะไปพบนางได้อย่างไร?”

 

“ข้าจะนำทางเจ้าไปยังคฤหาสน์ไผ่ทะเลใต้ เป็นที่ที่ท่านอาจารย์จะพำนักอยู่ โดยผู้ชายก็ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าออกได้  โดยปกติแล้วนางจะปรึกษาเรื่องต่างๆกับผู้คนที่นั่นเสมอ” ถานท่ายหยวนกล่าวและยิ้มออกมา นางรู้ดีว่าอาจารย์มีความคาดหวังต่อตัวชิงสุ่ยสูงมาก

 

“เช่นนั้ต้องขอรบกวนเจ้าแล้ว แม่นางถานท่าย” ชิงสุ่ยจ้องมองนางด้วยรอยยิ้ม

 

“ไม่ต้องเป็นทางการนักหรอก ข้ารู้สึกสยองเมื่อเจ้าทำเช่นนั้น” ถานท่ายหยวนกล่าวออกมาลอยๆ ก่อนที่จะเหินนำทางไปยังทิศที่ตั้งของเทือกเขาปู๋โถวพร้อมอวี้ลู่หยาน

 

ส่วนชิงสุ่ยเองยังคงยืนอยู่ข้างหลังพร้อมมองไปยังร่างกายอันแสนวิเศษของพวกนางทั้งสอง สิ่งที่เขากำลังมองอยู่ตอนนี้ทำให้เขารู้สึกราวกับว่าเป็นภาพลวงตา วันเวลาผ่านล่วงเลยไปโดยไม่ทันสังเกตุตัวเขาเองได้อยู่ในทวีปนี้มากว่าสี่สิบปีแล้ว

 

โดยปกติแล้วพวกผู้ชายจะไม่ได้รับอนุญาตให้เขามายังเทือกเขาปู๋โถว แต่ก็ไม่มีใครหยุดยั้งเรื่องการแต่งงานได้ ถ้าได้ลองฝ่าฝืนแล้วก็จะไม่ถูกนับว่าเป็นศิษย์แห่งเทือกเขาปู๋โถวได้อีก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนมากมายที่ยอมฝ่าฝืน พวกเขามีความคิดว่าแม้จะไม่ได้อยู่ในเทือกเขาปู๋โถว ทุกๆอย่างยังคงดำเนินไปได้เช่นเดิม

 

มีหนทางเดียวหากต้องการหวนคืนสู่เทือกเขาปู๋โถวนั่นคือพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น ไม่มีใครที่ขัดขวางในเรื่องนี้แม้ว่าเรื่องมันจะฟังดูแปลกๆอยู่บ้าง แต่กฏเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นจากความกลัวถึงตระกูลหรือกองกำลังภายนอกที่จะเข้ามา โดยมีเจตนาที่มุ่งร้ายต่อเทือกเขาปู๋โถว

 

คฤหาสน์ไผ่ทะเลใต้!

 

ที่นี่เป็นบ้านที่ถูกสร้างขึ้นด้วยไม้ไผ่และมีที่ตั้งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลกว่าสิบเมตร ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะที่มีขนาดเล็กมากๆโดยมีป่าไผ่ก่อตัวอย่างแน่นหนาบนเกาะ  คฤหาสน์ไผ่ทะเลใต้ถูกสร้างอยู่บนเกาะแห่งนี้ เมื่อมีสายลมพัดผ่านตัวบ้านก็สั่นไหวตาม มันให้ความรู้สึกวิเศษเหลือเกิน ราวกับป่าไผ่พวกนี้มีชีวิต พวกมันปล่อยกลิ่นอายธรรมชาติที่ละเอียดอ่อนออกมารอบๆ

 

แม้ว่าจะพลิ้วไหวไปตามสายลมแต่ความจริงแล้วมันแข็งแรงมาก เพราะมันคือไผ่เหล็กกล้าที่รู้จักกันดี

 

เมื่อชิงสุ่ยได้เห็นสิ่งเหล่านี้ ก็ตอนที่มาถึงริมชายฝั่งของเกาะแล้ว ในทันใดก็มีร่างของใครบางคนปรากฏออกมาให้เห็น เหตุที่เขารู้ตัวได้เร็วก็เพราะว่าถูกคุกคามจากการรับรู้ทางจิตวิญญาณ

 

หญิงคนหนึ่งส่วมใส่ชุดขุนนางหลากสีปรากฏตัว นางมีท่าทีสบายๆและเรียบร้อยในขณะเดียวกัน ใบหน้าของนางดูเป็นผู้ใหญ่และเปี่ยมไปด้วยความสงบและไม่มีริ้วรอยใดๆทั้งสิ้น ดวงตาทั้งสองของนางมีความสดใสและให้ความรู้สึกที่ชาญชลาดในเวลาเดียวกัน ราวกับเป็นดวงจันทร์ที่เฉิดฉายในท้องฟ้าที่มืดมิด

 

ชิงสุ่ยไม่สามารถคาดเดาอายุของนางได้ นางไม่ได้ดูแก่ไปกว่าหญิงสาวทั้งสองที่ยืนอยู่ข้างๆเลย จนทำให้ผู้คนรู้สึกว่านางคือหญิงสาวที่โตเต็มวัยแล้ว เหตุเพราะเมื่ออยู่ต่อหน้านางผู้คนจะรู้สึกว่าตนเองเป็นเด็กในทันที

 

ด้วยเหตุนี้ชิงสุ่ยจึงรู้สึกตกใจเล็กน้อย อาจกล่าวได้อีกเช่นกันว่ากลิ่นอายรอบๆตัวนางช่างทรงพลังจริงๆ

 

ชิงสุ่ยพบว่าพลังของหญิงคนนี้มีมากล้น เมื่อเทียบกับฟู่ตงเชียงแล้ว นางแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อย ชิงสุ่ยมั่นใจว่านางมีพลังเกินกว่าหนึ่งหมื่นสุริยาอย่างแน่นอน

 

นางเป็นคนที่มีร่างกายที่ละเอียดอ่อน ทั้งผอมและสูง สิ่งที่น่าจับตามองที่สุดคงเป็นหน้าอกและสะโพกของนาง ร่างที่สมส่วนและนิ่มนวลเป็นส่วนที่วาบวามที่สุด นางมีขาที่เรียวยาว ส่วนที่ปูดโปนบนร่างกายของนางเอ่อล้นเสื้อผ้าที่สวมออกมา ทั้งสองอย่างนี้สามารถทำให้ผู้ชายถูกกระตุ้นได้อย่างง่ายดาย ในตอนนี้ตัวชิงสุ่ยเองก็รู้สึกหวั่นไหวเช่นกัน เขาทราบแล้วว่าเหตุใดถานท่ายหยวนรู้สึกตกใจในตอนที่เขากล่าวว่าอยากพบอาจารย์ของนาง

 

แม้ว่าจะแต่งตัวธรรมดาๆ แต่ใบหน้าและดวงตาอันเยาว์วัยทำให้รู้สึกถึงดวงจันทร์ที่เฉิดฉายในท้องฟ้าที่มืดมิดจริงๆ ดวงตาทั้งสองข้างทำให้ผู้คนที่ได้มองรู้สึกราวกับวิญญาณถูกดึงออกจากร่างกาย และทำให้ผู้คนรู้สึกเหม่อลอยได้อย่างง่ายดาย เมื่อมองเห็นชิงสุ่ย ลูกศิษย์ของนางผละตัวออก ดูเหมือนนางจะรู้สึกตกใจเล็กน้อย หลังจากนั้นนางเผยให้เห็นรอยยิ้มบางๆ รอยยิ้มของนางเป็นเหมือนกับหยดน้ำที่แผ่กว้างไปในบ่อน้ำ

 

ราวกับมันเป็นเชื้อโรคที่ถูกแพร่ออกไป และคนที่เห็นย่อมยิ้มตามหลังจากเห็นการแสดงออกของนาง

 

“ท่านอาจารย์!’

 

“มานี่สิ!”

 

เสียงของหญิงผู้นี้ฟังดูหนักแน่น อาจเรียกได้ว่าเป็นน้ำเสียงที่น่าดึงดูดมากกว่า ชิงสุ่ยรู้สึกมีความกระตือรือล้นเมื่อได้ยินน้ำเสียงของนาง เป็นน้ำเสียงของหญิงที่โตเป็นผู้ใหญ่ที่เปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์

 

ถานท่ายหยวนและคนอื่นๆก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและยืนลงที่ข้างบน

 

ที่แห่งนี้เป็นส่วนที่กว้างที่สุดของคฤหาสน์ไผ่ซึ่งมีความกว้างและความยาวกว่ายี่สิบเมตร รอบๆประกอบไปด้วยบ้านไม้ไผ่มากมาย ชิงสุ่ยพบว่าหญิงสาวผู้นี้อาศัยอยู่ที่แห่งนี้แต่เพียงผู้เดียว สถานที่แห่งนี้เปรียบเสมือนรอบนอกของคฤหาสน์ไผ่

 

ในขณะที่ทั้งสามคนกำลังตรงเข้ามา

 

ทุกๆอย่าง ณ สถานที่แห่งนี้ถูกสร้างจากไม้ไผ่ โต๊ะ เก้าอี้ รวมถึงเตียงนอน นอกจากนี้บรรยากาศรอบๆยังปกคลุมไปด้วยหมอกควันอีกด้วย สิ่งเหล่านี้ชวนให้รู้สึกถึงความลึกลับ แต่ในไม่นานชิงสุ่ยก็ได้ค้นพบว่าวิชายุทธที่หญิงคนนั้นฝึกมีคุณลักษณะของธาตุไม้

 

“เจ้าหนุ่ม ไม่ได้เจอกันนาน เจ้าทำให้ศิษย์ทั้งสองของข้าตกหลุมรักเจ้าหัวปักหัวปำ ”

 

สิ่งที่ผู้หญิงคนนี้เปิดปากกล่าวออกมาทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกแปลกๆ  คำพูดเหล่านี้ทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกตกใจจริงๆ

 

“ท่านอานจารย์ ท่านพูดอะไรของออกมาน่ะ?”

 

“เอาล่ะ เอาล่ะ ข้าจะหยุดพูดเรื่องนี้ก็แล้วกัน เช่นนั้นอย่ามาร้องไห้ฟูมฟายอยากแต่งงานกับเขาล่ะ แม้ว่าเจ้าจะเป็นศิษย์คนโตของเทือกเขาปู๋โถว แม้ว่าเจ้าจะได้ปกครองเทือกเขาปู๋โถวในอนาคต ข้าก็จะไม่ยอมให้เจ้าแต่งงาน สิ่งที่น่าเสียดายที่สุดในชีวิตของผู้หญิงก็คือการไม่ได้แต่งงานนี่แหละ”หญิงคนนี้กล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมเชิญให้ทุกคนนั่งลง

 

ชิงสุ่ยเกิดความรู้สึกประหลาดใจต่อนาง เมื่อเทียบกับหญิงชราจากนิกายบงกชเทวะ พวกเขามีความคิดที่แตกต่างกันจริงๆ อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยเห็นด้วยกับความคิดของผู้หญิงคนนี้

 

“เช่นนั้นแล้ว เหตุใดท่านอาจารย์ถึงยังคงไร้คู่ครอง?”ถานท่ายหยวนกล่าวถามอย่างสุภาพ

 

“เจ้าเด็กโง่ เจ้ายังเอาเรื่องตัวเองไม่รอดเลย ไม่ต้องมาห่วงเรื่องข้าหรอก ถ้าหากข้าต้องการคู่ครองจริงๆ ข้าเพียงให้สัญญาณเล็กน้อย ผู้ชายทั้งหลายย่อมเข้ามาหาข้าด้วยตัวเอง เจ้าทำเช่นนี้ได้ไหมล่ะ? ”

 

ชิงสุ่ยตกตะลึงอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้แตกต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด มีความพิเศษบางอย่างในตัวนางที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ นางดูจริงจังกับคำพูด ซึ่งทำให้ผู้คนที่ได้ยินถึงกับหัวใจเต้นรัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเหล่าชายหนุ่มมาได้ยินเข้า

 

ถานท่ายหยวนรู้สึกรู้สึกไม่ดี นางสะบัดแขนด้วยความเขินอายพร้อมตะโกนออกมา “ท่านอาจารย์!”

 

ชิงสุ่ยรู้สึกตกใจกับสิ่งที่ได้เห็นในวันนี้ เมื่อเห็นว่าถานท่ายหยวนก็มีด้านที่อ่อนหวานของผู้หญิงเช่นกัน….

 

“เจ้าเด็กโง่ มองดูชายหนุ่มผู้นี้สิ ดวงตาของเขามันฟ้องเมื่อมองมายังเจ้า ดูเหมือนว่าใบหน้าอันเยาว์วัยของเจ้าช่างทรงพลังในการ ‘จัดการชายหนุ่ม’ ”

 

รอยยิ้มของนางที่ถูกเผยให้เห็น เป็นรอยยิ้มทีความงดงามมากจริงๆ

 

นางเป็นคนที่มีเสน่ห์ราวกับเทพธิดา!

 

ชิงสุ่ยเผยให้เห็นรอยยิ้มทีน่าอึดอัดเล็กน้อย ถานท่ายหยวนผละตัวออกจากอาจารย์และหันมามองหน้าชิงสุ่ย หลังจากนั้นนางเดินเข้าไปในห้องและนำกาน้ำชาและถ้วยชาออกมา

 

ทุกๆสิ่งข้างนอกสามาถมองเห็นได้จากด้านในคฤหาสถ์ไผ่ แต่ผู้คนจากข้างนอกไม่สามาถมองผ่านเข้ามาข้างในได้  ภายในของตัวอาคารมีความมืดมิดเล็กน้อย ต่างจากข้างนอกที่มีแสงส่องสว่าง ราวกับว่ามีม่านแขวนกั้นอยู่

 

“ชิงสุ่ย เจ้าเป็นคนดีและมักทำให้คนรอบๆตัวต้องประหลาดใจเสมอ แม้แต่ตัวข้าเองยังอยากถอดเสื้อผ้าของเจ้าออกทั้งหมดและดูว่าภายในตัวเจ้าเก็บความลับใดเอาไว้บ้าง” หญิงสาวหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมา นางมีมือที่เรียวยาวและนิ้วที่เหมือนกับหยก ถ้วยชาบนโต๊ะถูกทำจากไผ่เขียวไม่มีฝุ่นเกาะแม้แต่น้อย เมื่อชิงสุ่ยมองไปยังรอบๆสถานที่แห่งนี้เขารู้สึกราวกับว่ากำลังได้รับความชุ่มชื้นจากรอบๆ

 

ผู้หญิงคนนี้กล่าวอย่างดุดัน ชิงสุ่ยหยิกตัวเองด้วยแรงเต็มกำลังเพื่อยืนยันว่าตนเองไม่ได้ฝันไป ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายเช่นชิงสุ่ยจะถูกปั่นหัวโดยผู้หญิง…

 

ชิงสุ่ยอยากตอบกลับไปอย่างแรงกล้าว่าคนอย่างเขาไม่ต้องให้ใครมาช่วย เขาสามารถถอดทุกสิ่งทุกอย่างออกได้ถ้าหากอยากตรวจสอบ แต่ก็คิดได้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นถึงยอดยุทธคนหนึ่งที่ภายนอกดูเหมือนหญิงสาวทั่วๆไปเท่านั้น เขาก็ละทิ้งความตั้งใจของเขาในทันที อีกทั้งนางยังเป็นอาจารย์ของถานท่ายหยวนและอวี้ลู่หยานอีกด้วย

 

แต่สิ่งที่ชิงสุ่ยได้เห็นคือนางเป็นทั้งอาจารย์ เป็นเพื่อน และเป็นครูสอน ราวกับพวกนางเป็นพี่น้องกันเลยทีเดียว

 

“ผู้อาวุโส ท่านต้องล้อข้าเล่นแน่ๆ ข้าเป็นสามีและพ่อแล้ว จะให้ผู้หญิงมาถอดเสื้อผ้าข้าออกได้อย่างไร?”ชิงสุ่ยกล่าวอย่างจริงจัง

 

โฮะ โฮะ!

 

หญิงคนนี้หัวเราะอย่างมีความสุข นางมองไปยังชิงสุ่ย “เจ้านี่ช่างกล้าจริงๆ ข้าเกรงว่าเจ้าคงมีอะไรในใจถึงได้มาหาข้าในวันนี้”

 

“ให้ข้าได้อธิบาย ข้าวางแผนที่จะเดินทางไปยังอีกสามมหาทวีปที่เหลือ ก่อนหน้านี้ข้าต้องการนำสมาชิกในสำนักของข้ามาที่นี่ แต่เกรงว่าสถานการณ์จะวุ่นวายจนเกินไป ดังนั้นข้าจึงต้องจัดการเรื่องเหล่านี้ด้วยตนเอง ด้วยวิธีนี้ข้าต้องทำให้ตัวเองมั่นใจก่อนจะเดินทางไปยังอีกสามมหาทวีปที่เหลือและคงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ในบางทีสามมหาทวีปนั้นคงจะแข็งแกร่งกว่ามหาทวีปอู่เซียตะวันตกอยู่มาก” ในขณะนี้ชิงสุ่ยมองไปยังหญิงสาว ดูเหมือนว่าเขาจะต้องการรู้บางอย่าง เขากล่าวมันออกมาในขณะที่เผยให้เห็นรอยยิ้มเล็กน้อย