ตอนที่ 284 ความในใจของลู่จ้าน

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 284 ความในใจของลู่จ้าน

เรื่องของอาจูหากบอกว่าง่ายก็ง่าย แต่ถ้าบอกว่าซับซ้อนก็ซับซ้อนเช่นกัน

หลังจากที่ลู่จ้านพิสูจน์ได้แล้วว่าอาจูโดนคนสังหาร ฉางอันกงจู่ก็รู้ทันทีว่านางไร้หนทางดึงตัวเองออกจากเรื่องนี้ได้แล้ว

เรื่องมาถึงขั้นนี้ ดังนั้นวิธีดีที่สุดคือแสร้งทำตัวบริสุทธิ์และน่าสงสารเข้าไว้เพื่อให้ฟู่หวงเห็นใจ

ฉางอันกงจู่ด้วยความที่อายุยังน้อย พอแสดงสีหน้าไร้เดียงสาและยังคุกเข่าลงพื้นพร้อมแสดงท่าทีกลั้นน้ำตาไว้มิไหว เพียงเท่านี้ก็ทำให้นางเหมือนเด็กน้อยผู้บริสุทธิ์

“ทูลฟู่หวง เมื่อก่อนลูกเคยสอนนกแก้วพูดเยี่ยงนั้นจริงเพคะ แต่ลูกมิคิดว่ามันจักบินไปหาองครักษ์ของลูก จนทำให้องครักษ์คิดว่าลูกออกคำสั่งสังหารอาจูจึงเกิดเรื่องน่าเศร้าเช่นนี้ขึ้น ในใจของลูกตอนนี้รู้สึกผิดมิน้อยเลยเพคะ ! ”

นางกล่าวไปพลางยกมือเช็ดน้ำตาไปพลาง ดวงตาคู่งามมองสบด้วยความใสซื่อ “ตอนได้ยินว่าอาจูตายแล้ว ลูกเองก็รู้สึกตกใจอย่างมากเพคะ แต่ลูกก็กลัวว่าเรื่องนี้จักพัวพันไปถึงองครักษ์ ดังนั้นจึง…”

ฮ่องเต้ทอดพระเนตรท่าทางน่าสงสารของฉางอันแล้วอดรู้สึกสงสารนางขึ้นมามิได้

แม้พระองค์มีโอรสธิดามากมายและแม้พระองค์มิได้ให้ความสำคัญต่อฉางอันมากนัก แต่นางก็นับว่าเป็นพระธิดาแท้ ๆ

แค่เพราะนางกำนัลคนเดียวทำให้ฉางอันต้องร้องไห้ถึงเพียงนี้ ฮ่องเต้ใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งและกำลังตัดสินพระทัยว่าจักสั่งให้ฉางอันลุกขึ้น

อันผิงกงจู่ที่เข้าพระทัยฮ่องเต้เป็นอย่างดี นางเห็นสายพระเนตรของฟู่หวงกำลังสั่นไหวก็รับรู้ได้ทันทีว่ากำลังเกิดความสงสาร นางจึงแสร้งกล่าวออกมาด้วยท่าทีของพี่สาวผู้แสนดีต่อหน้าพระพักตร์ สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและขุ่นเคือง

“ฉางอัน การตายของอาจูก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ที่ข้าติดใจคือเหตุใดเจ้าต้องส่งอาจูไปพูดยุยงเพื่อทำลายความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับคุณหนูใหญ่อัน ข้าคิดว่าเจ้าไร้เดียงสามาโดยตลอด ทั้งยังดูแลเจ้าเสมือนน้องสาวแท้ ๆ แต่มิคิดเลยว่าเจ้ากล้าวางแผนทำเช่นนี้กับข้า ! ”

อันผิงกงจู่แสดงท่าทีเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ใบหน้าที่ปกติเต็มไปด้วยความสดใสร่าเริงบัดนี้มีแต่ความโศกเศร้า ภายในดวงตากลมโตทอประกายความเจ็บปวดที่เกิดจากการโดนคนที่ไว้ใจหักหลัง

เมื่อเห็นท่าทางของอันผิงกงจู่ ฮ่องเต้ที่กำลังพระทัยอ่อนก็กลับมาพระทัยแข็งอีกครั้ง

พระองค์เกือบลืมไปแล้วว่าเหตุใดลู่จ้านมาปรากฏตัวที่นี่ ก็เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงองค์หญิงสองพระองค์รวมถึงอันหลิงเกอด้วย หากเรื่องนี้เป็นแค่การตายของนางกำนัลคนหนึ่งก็คงมิใช่เรื่องใหญ่โตอันใด

แต่ละปีในวังหลวงก็มีขันทีและนางกำนัลล้มตายมิรู้เท่าไร ทว่ามีเพียงวันนี้ที่ถึงขั้นต้องเชิญลู่จ้านมาเพื่อสืบคดี จุดประสงค์เพื่อแก้ไขความขัดแย้งระหว่างสองพี่น้องมิใช่หรือ ?

เมื่อไตร่ตรองจนกระจ่างแล้ว ดวงเนตรของฮ่องเต้ก็ฉายแววเย็นชาออกมา

พระองค์ทอดพระเนตรไปยังฉางอันที่คุกเข่ากับพื้นอย่างน่าสงสาร แววพระเนตรอันน่าเกรงขามฉายประกายคมกริบ “ฉางอัน ข้าคิดมาตลอดว่าแม้เจ้ามิโดดเด่นเท่าพี่น้องคนอื่น แต่เจ้าก็เป็นคนจิตใจดีมีเมตตาและมิเคยคิดร้ายต่อผู้ใด ข้ามิเคยคิดเลยว่าเจ้าจักกล้าวางแผนกลั่นแกล้งอันผิงเช่นนี้ ! ”

“ตอนนี้เรื่องทุกอย่างเปิดเผยแล้ว เจ้ายังมีสิ่งใดจักกล่าวอีก ? ” ดวงเนตรเย็นชาของฮ่องเต้ทอประกายวาวโรจน์

เมื่อได้ฟังฮ่องเต้ตรัสออกมาเช่นนี้ ฉางอันกงจู่ก็รู้สึกตกใจมาก รู้ดีว่าวันนี้นางคงไร้ทางหนีรอด ใบหน้าที่ซีดอยู่แล้วก็ซีดขาวขึ้นอีกราวกับคนใกล้หมดสติ

ริมฝีปากของนางสั่นเทา ร่างกายสั่นสะท้าน “ทูลฟู่หวง ลูกแค่บังเอิญได้ยินข่าวหนึ่งมาแล้วอาจูก็นำไปบอกพี่หญิงอันผิงเท่านั้นเพคะ”

อย่างไรเสียวันนี้นางต้องโดนฟู่หวงลงโทษอยู่แล้วก็ขอลากอีกคนไปด้วยแล้วกัน อันผิงเป็นที่โปรดปราน นางจึงมิสามารถสั่นคลอนตำแหน่งของอีกฝ่ายได้ ทว่ากับอันหลิงเกอแล้ว นางจักทำอันใดมิได้เชียวหรือ ?

“ลูกเพียงได้ยินว่าแม่ทัพน้อยลู่ชื่นชอบคุณหนูใหญ่อัน ผู้ใดจักคิดว่าอาจูปากมากจนกล้านำเรื่องนี้ไปทูลต่อหน้าพี่หญิงอันผิง ทำให้พี่หญิงและคุณหนูใหญ่เข้าใจผิดกัน หากฟู่หวงจักลงโทษลูกเพราะเหตุนี้ ลูกก็มิมีสิ่งใดแก้ตัวเพคะ”

ฉางอันกงจู่พยายามผ่อนหนักเป็นเบา พยายามแก้ไขเรื่องที่ตนวางแผนทำให้อันหลิงเกอและอันผิงกงจู่เข้าใจผิดกันโดยโยนความผิดให้อาจูว่าปากมากจึงปล่อยข่าวลือออกไป

อีกทั้งเรื่องนี้ยังกระทบถึงอันหลิงเกอกับลู่จ้าน แม้มิได้ลงรายละเอียดมากนัก แต่คำว่าชื่นชอบก็ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างลู่จ้านและอันหลิงเกอดูคลุมเครือขึ้นมาทันที

ฮ่องเต้เลิกพระขนงขึ้นด้วยความประหลาดพระทัย อดมิได้ที่จักหันไปทอดพระเนตรลู่จ้านที่ยืนอยู่ข้างจึงเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายปรากฏรอยแดงจาง ๆ ขึ้น ในหทัยจึงเกิดดำริบางอย่างขึ้นมา

ลู่จ้านที่ปกติมักมีท่าทีสุภาพและเปิดเผย วันนี้กลับมีท่าทางคล้ายเขินอาย หรือเจ้าลู่จ้านจักชื่นชอบอันหลิงเกอจริง ?

“ที่ฉางอันกล่าวเป็นความจริงหรือไม่ ? ” ฮ่องเต้ตรัสถามตามตรง

นี่เป็นคำถามที่นางเองก็อยากรู้เช่นกัน อันผิงกงจู่จึงเกิดอาการหูผึ่งขึ้นมาทันที ภายในใจของนางเต้นรัวเพราะกลัวในคำตอบที่จักได้ยินจากปากลู่จ้าน

ลู่จ้านมองไปยังอันหลิงเกอครู่หนึ่ง สตรีที่มีรูปร่างอรชร ใบหน้างดงามจับใจ แม้อายุยังน้อยแต่มองออกว่าต่อไปนางต้องกลายเป็นคนที่มีความสามารถไร้ผู้ใดเทียบเคียงแน่นอน

ส่วนอันผิงกงจู่ที่สังเกตเห็นแววตาเยี่ยงนั้นของเขาก็ค่อย ๆ ดึงสายตาคืนมา ซึ่งสายตาที่ลู่จ้านมองอันหลิงเกอคือเต็มไปด้วยความชื่นชอบเยี่ยงชายหญิง

ในเวลานี้ใบหน้าที่มีสีแดงระเรื่อของลู่จ้านแสดงชัดถึงความเขินอาย แน่นอนว่าชีวิตของเขาได้รับคำสารภาพจากสตรีมิน้อย แต่มิเคยใจสั่นกับสตรีนางใดมาก่อน

มีเพียงตอนที่เขาคิดถึงอันหลิงเกอเท่านั้น ดูเหมือนว่าความฉลาด เจ้าเล่ห์แสนกลและความใจดีของนางทำให้เขาใจลอยจนคิดว่านางมาอยู่ตรงหน้าและใจเต้นแรงเสียหมด

หรือว่าเขากำลังชอบนางเข้าแล้ว ?

ลู่จ้านกำมือแน่นโดยมิรู้ตัว สายตาที่มองอันหลิงเกอแฝงไว้ด้วยความตื่นเต้นและทูลตอบออกมาตามตรง “ทูลฝ่าบาท สาวงามและแสนดีย่อมเป็นที่หมายปองของชายหนุ่ม กระหม่อมมีใจให้คุณหนูใหญ่อันจริงพ่ะย่ะค่ะ”

อย่างไรเขากับนางก็ยังมิมีคู่หมั้นคู่หมาย เขาแค่เผยความในใจที่มีต่ออันหลิงเกอเท่านั้น หาได้มีสิ่งใดมิเหมาะสมจนต้องโดนคนวิพากษ์วิจารณ์

อันผิงกงจู่ที่ยืนอยู่ด้านข้าง พอได้ยินคำตอบของลู่จ้าน ขอบตาของนางก็แดงขึ้นมาทันที

คนที่ตนมีใจกลับบอกชอบผู้หญิงอื่นต่อหน้าของนาง ความรู้สึกเสียใจทำให้แววตาของนางเปล่งประกายวาวโรจน์ออกมา นางจ้องไปยังอันหลิงเกอแทบอยากจับอีกฝ่ายมาฉีกเป็นชิ้น ลู่จ้านจักได้เป็นของนางเพียงคนเดียว !

ส่วนอันหลิงเกอในเวลานี้รู้สึกได้ถึงแววตาเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาราวกับแผดเผาทุกสิ่งอย่างของอันผิงกงจู่ แต่ตอนนี้ยังมิใช่เวลาสนใจนาง นัยน์ตาสีดำสดใสฉายแววประหลาดใจอย่างที่เห็นมิบ่อยออกมา ลดความเรียบเฉยและสงบนิ่งที่มักเห็นจากนางเป็นประจำและทำให้ดูน่ารักน่าเอ็นดูขึ้นมิน้อย

นางคาดมิถึงเลยว่าการที่ได้พบลู่จ้านเพียงมิกี่ครั้งจักทำให้ลู่จ้านมีความรู้สึกเช่นนี้ต่อนาง

ทว่าเมื่อมีคนมาสารภาพรัก อันหลิงเกอก็ตกตะลึงจนทำตัวมิถูก แม้แต่สายตาก็มิรู้ว่าควรมองไปทางไหนดี

มิหนำซ้ำยังอยู่ต่อหน้าผู้คนมากมาย ต่อให้นางอยากแสร้งให้มันผ่านไปราวกับมิมีอันใดเกิดขึ้นก็มิอาจทำได้อยู่ดี

“แม่ทัพน้อยลู่ ข้ามิรู้มาก่อนว่าท่านมีความคิดเช่นนี้” อันหลิงเกอใคร่ครวญคำพูดของตน พยายามปฏิเสธอย่างไว้หน้าเขาให้มากที่สุด “แต่ในเวลานี้ข้าสนใจเพียงการแพทย์ ส่วนเรื่องความรักระหว่างชายหญิงช่างห่างไกลจากข้ายิ่งนัก และข้าก็มิมีความคิดเรื่องนั้นด้วย เกรงว่าคงรับน้ำใจของท่านไว้มิได้เจ้าค่ะ”

คำพูดของนางถือเป็นการปฏิเสธคำสารภาพรักของลู่จ้านทางอ้อม

เมื่อได้ยินคำปฏิเสธ ใบหน้าของลู่จ้านที่เขินอายจนเป็นสีแดงเมื่อครู่กลับซีดเผือดภายในพริบตา แววตาเต็มไปด้วยความตกตะลึงและเจ็บปวด