ซูฉิงรออยู่ครู่หนึ่ง และมองดูเวลา เกือบจะเที่ยงแล้ว แต่ยวี๋น่าก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหว
ในใจเธอรู้สึกกังวลเล็กน้อย ซูฉิงจึงโทรหายวี๋น่า แต่เธอปิดเครื่อง
ยวี๋น่าเป็นคนมีวินัยในตนเองมาตลอด ในเมื่อนัดมาเจอเธอในตอนเช้า ไม่น่าจะติดต่อไม่ได้อย่างนี้
หรือว่า… เกิดอะไรขึ้นกับธอ?
ซูฉิงรีบขับรถไปที่โรงแรมที่ยวี๋น่าอยู่ เคาะประตูอยู่นานก็ไม่มีการตอบรับ
ซูฉิงขมวดคิ้ว รู้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เธอเรียกผู้จัดการมา และขอให้คนมาเปิดประตู แต่ไม่มีใครอยู่ข้างใน ยวี๋น่าไม่อยู่ที่นั่น
เมื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้ว หลังจากที่ยวี๋น่าออกไปเมื่อคืนนี้ เธอก็ยังไม่กลับมาอีกเลย
กล้องวงจรปิดเห็นสถานที่สุดท้ายที่ยวี๋น่าไปคือซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้โรงแรม
เธอเดินเข้าไปในจุดบอดของกล้องวงจรปิด และจากนั้นก็ไม่เห็นเธออีกเลย
เป็นการบอกซูฉิงทันทีว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับยวี๋น่า !
เธอกำลังจะให้แอนโธนี่ช่วยค้นหาที่อยู่ของยวี๋น่า แต่ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น
ซูฉิงหยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาดู คือยวี๋น่าที่โทรมา!
ซูฉิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดูเหมือนว่ายวี๋น่าจะสบายดี
เธอรีบกดรับ แล้วถาม “ยวี๋น่า เธอไปอยู่ที่ไหนมา?”
แต่ทว่าเสียงที่ลอดผ่านสายโทรศัพท์มามันไม่ใช่เสียงของยวี๋น่า
ได้ยินเป็นเสียงผู้หญิงที่แหบต่ำ กัดฟันและตะโกนเรียกชื่อเธอ “ซู! ฉิง!!”
เสียงนี้…คุ้นเคยมาก
อู๋ชิงหร่าน!
กลับกลายเป็นว่าเป็นอู๋ชิงหร่านที่หายตัวไปนานแล้ว!
หัวใจของซูฉิงกระตุกวูบทันที
โทรศัพท์มือถือของยวี่๋น่า อยู่ในมือของอู๋ชิงหร่าน…
นั่นก็แสดงว่ายวี๋น่าถูกอู่ชิงหร่านลักพาตัว!
และวินาทีต่อมา เสียงทุ้มต่ำของอู๋ชิงหร่านก็ดังขึ้นทางโทรศัพท์ “ยวี๋น่าอยู่ในกำมือของฉัน!”
“อู๋ชิงหร่าน แกคิดจะทำอะไร?” ซูฉิงถาม
ดวงตาของเธอหรี่ลง ขนตายาวของเธอสั่นเล็กน้อย แววตาของเธอหม่นลงเล็กน้อย เธอพูดอย่างเคร่งขรึม “แกอย่าทำอะไรบ้าๆนะ!”
“ซูฉิงถ้าแกอยากช่วยยวี๋น่าก็มาที่ยอดเขาชิงเฉิงในเขตชานเมืองสิ ถ้าฉันไม่เห็นแกก่อนพระอาทิตย์ตกดิน แกก็จะไม่ได้เจอเธออีก!”
“จำไว้ว่าแกต้องมาคนเดียว ถ้าให้คนอื่นรู้ ยวี๋จะต้องตาย!”
อู๋ชิงหร่านพูดจบจึงวางโทรศัพท์อย่างรวดเร็วโดยไม่ให้โอกาสซูฉิงได้ถามคำถามเลย
อู๋ชิงหร่านบ้าไปแล้ว!
ซูฉิงรู้สึกหงุดหงิดอยู่ครู่หนึ่ง ทำไมเธอถึงประมาทขนาดนี้ ปล่อยให้อู๋ชิงหร่านลักพาตัวยวี๋น่าไปได้!
เธอก้มลงมองเวลา เธอตามหายวี๋น่าตลอดช่วงบ่าย ตอนนี้ก็สี่โมงเย็นแล้ว และระยะทางไปภูเขาชิงเฉิงก็ไกลมาก ดังนั้นเธอจึงต้องรีบไปที่นั่นทันที!
ซูฉิงตัดสินใจในใจอยู่ครู่หนึ่ง เฉินห้าวตงและคนอื่นๆ ถูกตำรวจกวาดล้างไปแล้ว ตอนนี้อู๋ชิงหร่านไม่น่าจะมีคนคอยช่วยอยู่
มิฉะนั้นจากนิสัยของอู๋ชิงหรานแล้ว น่าจะโจมตีเธอโดยตรงแทนที่จะลักพาตัวยวี๋น่า
ยิ่งไปกว่านั้นอู๋ชิงหร่านยังกล่าวอย่างชัดเจนในโทรศัพท์แล้วว่าให้เธอไปแค่คนเดียว มิฉะนั้นยวี๋น่าจะต้องตาย
ซูฉิงกังวลว่าอู๋ชิงหร่านจะบ้าจนทำร้ายยวี๋น่าจริงๆ หลังจากคิดชั่งน้ำหนักไม่กี่วินาที เธอก็ขับรถไปที่ภูเขาชิงเฉิงโดยไม่บอกใคร
เธอขับรถด้วยความเร็ว ในที่สุดซูฉิงก็มาถึงเชิงเขาชิงเฉิงในเขตชานเมืองก่อนหกโมงเย็น
ยังมีเวลาอีกครึ่งชั่วโมงก่อนพระอาทิตย์ตก ซูฉิงรู้สึกประหม่ามาก เธอจะต้องรีบขึ้นเขาไปก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน!
เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองบนภูเขาที่มีความสูงกว่า 800 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ซูฉิงก็รีบเดินขึ้นไปทันที
แม้ว่าเธอจะวิ่งจนรู้สึกเหมือนปอดกำลังระเบิด แต่ซูฉิงก็ไม่กล้าหยุดฝีเท้าของเธอ
เธอกลัว
เธอกลัวว่าเธอจะไม่ทัน เธอกลัวว่าอู๋ชิงหร่านจะทำร้ายยวี๋น่า
เธอเองที่มีส่วนทำให้ยวี๋น่าต้องเจ็บตัว…
ด้วยศักยภาพของการระเบิดในทันที ในที่สุด ซูฉิงก็รีบไปที่ขอบหน้าผาบนยอดเขาในนาทีสุดท้ายก่อนดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้า
ทันทีที่ซูฉิงเงยหน้าขึ้นมอง เธอเห็นว่ายวี๋น่าถูกมัดติดกับต้นไม้ใหญ่ข้างๆ อย่างแน่นหนา
คนที่ยืนอยู่ข้างเธอคือ อู๋ชิงหร่าน
ตอนที่เธอเห็นอู๋ชิงหร่าน ซูฉิงก็ตกตะลึง
ถ้าเธอไม่โทรมาก่อน และรู้ว่าเป็นอู๋ชิงหร่านที่ลักพาตัวยวี๋น่ามา ซูฉิงก็คงไม่ดูไม่ออกว่าผู้หญิงที่ผมเผ้ารุงรังและหน้าคล้ำดำอยู่ข้างหน้าเธอซึ่งสวมเสื้อคลุมสีเขียวลายทหารนี้คืออู๋ชิงหร่าน
“ซูฉิง ฉันก็คิดว่าแกจะไม่มา” อู๋ชิงหร่านมองไปที่ซูฉิงอย่างเย็นชา
แม้ว่าใบหน้าของอู๋ชิงหร่านจะดำมากจนไม่สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ดั้งเดิมของเธอได้ แต่ดวงตาของเธอก็เปล่งประกายด้วยความเกลียดชังที่มีต่อซูฉิงอย่างชัดเจน
ซูฉิงไม่สนใจอู๋ชิงหร่าน ดวงตาของเธอจ้องไปที่ยวี๋น่า “ยวี๋น่าเธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ซูฉิงเธอย่าเข้ามา รีบหนีไป! ผู้หญิงคนนี้มันบ้า!” ยวี๋น่าตะโกน
เมื่อคืนเธอไปซื้อของซูเปอร์มาร์เก็ต แต่เมื่อเธอเดินผ่านที่จอดรถชั้นใต้ดิน เธอก็ได้ยินคนเรียกเธอ
ยวี๋น่าหันศีรษะของเธอกลับไปดูโดยไม่รู้ตัว แต่ยังมองไม่ชัดก็ถูกคนตีจากด้านหลังหมดจนสติไป
เมื่อเธอตื่นขึ้นมา เธอก็พบว่าตัวเองถูกมัดขังไว้ในโกดังที่ทรุดโทรม
คนที่อยู่ข้างหน้าเธอคือ อู๋ชิงหร่าน
ยวี๋น่ารู้จักอู๋ชิงหร่าน และรู้ถึงความคับข้องใจระหว่างอู๋ชิงหร่านและซูฉิง
เธอรู้ว่าอู๋ชิงหร่านเคยพยายามทำร้ายซูฉิงหลายครั้ง แต่กลับถูกซูฉิงตอกกลับ
แต่สิ่งที่ยวี๋น่าไม่คาดคิดก็คือ อู๋ชิงหร่านจะบ้ามากขนาดนี้ ไม่สามารถทำร้ายซูฉิงได้ เธอจึงลักพาตัวเธอมา!
ตอนนี้ยวี๋น่าถูกอู๋ชิงหร่านมัดไว้กับขอบหน้าผา เธอรู้สึกกลัวมาก
แต่ยวี๋น่าเข้าใจว่าเป้าหมายของอู๋ชิงหร่านไม่ใช่เธอ
เป้าหมายของอู๋ชิงหร่านคือซูฉิง
อู๋ชิงหร่านลักพาตัวเธอมาก็เพียงเพื่อข่มขู่ซูฉิงเท่านั้น
เธอปล่อยให้แผนการของอู๋ชิงหร่านสำเร็จไม่ได้!
“ซูฉิงเธอไม่ต้องสนใจฉัน รีบหนีไป! รีบโทรแจ้งตำรวจมาจับนังบ้านี่!” ยวี๋น่าตะโกน
“หุบปาก!” อู๋ชิงหร่านถือมีดคมยาว 30 ซม. อยู่ในมือ แล้วชี้ไปที่ยวี๋น่า “ถ้าแกกล้าพูดอีกคำเดียว เชื่อไหมว่าฉันจะฆ่าแกด้วยมีดเล่มนี้เอง!”
เมื่อเห็นคมมีดแวววาวที่จ่ออยู่บนคอของยวี๋น่า หัวใจของซูฉิงก็เต้นเร็วขึ้น เธอจึงรีบตะโกนว่า “อู๋ชิงหร่านอย่าทำอะไรบ้าๆ นะ!”
อู๋ชิงหร่านยิ้มอย่างเย็นชา “ดูเหมือนว่าแกยังสนใจเพื่อนของแกอยู่ไม่น้อยเลยนะ”
“อู๋ชิงหร่าน คนที่เธอเกลียดคือฉัน ไม่เกี่ยวกับยวี๋น่าเลย เธอไม่จำเป็นไปลงที่เพื่อนฉัน ปล่อยยวี๋น่าไป!” ซูฉิงกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น
“ปล่อยเธอไปเหรอ? ได้สิ” อู๋ชิงหร่านหันมีดคมในมือมาตัดเชือกที่มัดอยู่บนร่างของยวี๋น่า
นี่ทำให้ซูฉิงและยวี๋น่าประหลาดใจมาก อู๋ชิงหร่านต้องการทำอะไร?
ยวี๋น่ากำลังจะเดินไปหาซูฉิง แต่ในวินาทีต่อมาอู๋ชิงหร่านก็คว้ายวี๋น่าไว้ และชี้คมมีดในมือไปที่เธอ “คิดจะหนีเหรอ? มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!”
อู๋ชิงหร่านพูด ขณะที่จ่อมีดคมไปที่ยวี๋น่า บังคับให้เธอเดินไปที่ขอบหน้าผาทีละก้าวๆ
ซูฉิงมองไปที่ยวี๋น่าที่ยืนอยู่บนขอบหน้าผา หัวใจของนางก็ราวก็ถูกบีบคั้น
หากลมแรงกว่านี้ เธออาจถูกพัดตกลงจากภูเขาทันที!
ด้วยความสูงแปดร้อยเมตร ถ้าตกลงไปต้องเละแน่!