บทที่195 หนานหว่านเยียน เจ้าจะไปไหน

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่195 หนานหว่านเยียน เจ้าจะไปไหน

ณ เรือนเซียงหลิน

หนานหว่านเยียนเตรียมอาหารเย็นเลิศรสให้เด็กสองคน มีทั้งเนื้อและผัก สามแม่ลูกกินอย่างเอร็ดอร่อย

ซาลาเปาน้อยกับเกี๊ยวน้อยกินจนอิ่ม สองมือพิงพนักเก้าอี้ ท้องป่องกลมโต อ้าปากเล็กเรอออกมา

“ท่านแม่ทำอาหารอร่อยจริงๆ! ไม่มีใครทำอร่อยได้เท่ากับท่านแม่แล้ว!” เกี๊ยวน้อยพยุงเก้าอี้ สองมือวางไว้ที่ขาของหนานหว่านเยียน แล้วเอียงหัวยิ้มหวาน

ซาลาเปาน้อยขาไม่ถึงพื้น เซียงอวี้ก็ช่วยนางลงมา จากนั้นนางก็รีบวิ่งไปหาหนานหว่านเยียน แล้วถูไถมือของนาง

“ต่อไปข้ากับพี่สาวโตขึ้นแล้ว จะทำอาหารอร่อยให้ท่านแม่กินนะเจ้าคะ!”

หนานหว่านเยียนอบอุ่นหัวใจ ยิ้มอย่างสดใส “งั้นรอพวกเจ้าโตแล้ว ก็เปลี่ยนเป็นพวกเจ้ามาทำอาหารให้แม่กินนะ?”

สองพี่น้องตอบพร้อมกัน “เจ้าค่ะ!”

สามแม่ลูกดูอบอุ่นมาก เซียงอวี้กับเซียงเหลียนแค่มองดูข้างๆก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจแล้ว

หนานหว่านเยียนพาเด็กสองคนกลับห้อง ช่วยพวกนางล้างหน้าอาบน้ำ ก็ถึงยามสวี้(*ช่วงเวลา19.00-21.00)แล้ว

เทียนในห้องเป็นเงาซ่อนกัน หนานหว่านเยียนพิงอยู่บนหัวเตียง สองพี่น้องในอ้อมกอดก็มองนาง แล้วถามด้วยน้ำเสียงออดอ้อนว่า: “ท่านแม่ คืนนี้มีนิทานก่อนนอนไหม?”

หนานหว่านเยียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า: “มีสิ คืนนี้แม่จะเล่าเรื่อง《ธิดาแห่งท้องทะเล》ให้พวกเจ้าฟังดีไหม?”

ซาลาเปาน้อยมองตาโตอย่างแปลกใจ นอนซบในอ้อมกอดของหนานหว่านเยียนแล้วตั้งหน้าตั้งตาฟัง

“ในส่วนลึกของมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ มีอาณาจักรใต้น้ำที่สวยงาม……”

หนานหว่านเยียนตบหลังของสองพี่น้องเบาๆ เล่าด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ไม่นาน สองพี่น้องก็เริ่มนอนหลับภายใต้เสียงที่อ่อนโยนของนาง

หนานหว่านเยียนถอนหายใจเบาๆ ในใจรู้สึกอึดอัด

นางกำลังคิดว่า ถึงแม้จะสั่งสอนหยุนอี่ร์โหรว แต่อำนาจดูแลบ้านก็ยังอยู่ในมือหยุนอี่ร์โหรว นางต้องหาทางเอาคืนมาให้ได้ ไม่งั้น เรื่องทางน้าชายคงจะทำได้ยาก

หนานหว่านเยียนคิดหาทางตลอดเวลา ยังคิดไม่ออกก็หลับไปเสียก่อน

เช้าวันต่อมา ซาลาเปาน้อยกับเกี๊ยวน้อยก็ตื่นขึ้นมาพร้อมกัน

“ชวู่” เกี๊ยวน้อยส่งสัญญาณให้ซาลาเปาน้อยเงียบๆ ต่อมา ก็เดินอ้อมข้างกายหนานหว่านเยียนเงียบๆ แล้วกระโดดลงจากเตียง

ซาลาเปาน้อยก็ทำตามนาง ทั้งสองแอบเปิดหน้าต่าง ก็เห็นอวี๋เฟิงที่รออยู่ด้านนอกอย่างกังวลใจ

อวี๋เฟิงมองดูคุณหนูสองคน แล้วนึกถึงเรื่องเมื่อวานของตัวเอง ก็รู้สึกตัวเองต้องตายเร็วๆนี้แน่

เกี๊ยวน้อยก็จิ้มไหล่ของอวี๋เฟิงอย่างตื่นเต้น “พี่อวี๋เฟิง ทำได้หรือยัง?”

อวี๋เฟิงพยักหน้าอย่างไม่เกรงกลัว “คุณหนู ทำ ทำได้แล้วขอรับ เหลือแต่คุณหนูพาพระชายาไปแล้วขอรับ”

ได้ยินดังนั้น ซาลาเปาน้อยกับเกี๊ยวน้อยก็อดไม่ได้ตบมือกัน แววตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “เย้! วันนี้จะได้เปลี่ยนพ่อกันแล้ว!”

ต้องขอยอมรับว่า สำหรับพวก ‘ผู้ชายหล่อๆ’ พวกนางคาดหวังอย่างมาก

อวี๋เฟิงกลับรู้สึกไม่สบายใจ นึกถึงใบหน้าที่เข้มงวดเย็นชาของกู้โม่หาน ก็รู้สึกขนลุกซู่ทั่วแผ่นหลัง

สองพี่น้องกลับไม่สนใจ ยัดของเล็กๆน้อยๆให้เขา ต่อมาก็ปิดหน้าต่าง แล้วเตรียมตัวปลุกหนานหว่านเยียนลุกจากเตียงอย่างดีใจ

หนานหว่านเยียนงัวเงียโดนเด็กๆสองคนปลุกให้ตื่น นางพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ทำไมเหรอ?”

เกี๊ยวน้อยแสยะยิ้ม เขี้ยวหมาน่ารักและขี้เล่น “วันนี้ท่านแม่ไม่ต้องถามเยอะหรอก ไว้ใจข้ากับซาลาเปาน้อยได้เลย”

หนานหว่านเยียนไม่เข้าใจ เมื่อวานลูกสาวบอกจะให้ของขวัญกับนาง

นางยังคาดหวังมาก ลูบจมูกของเกี๊ยวน้อยเบาๆ “ยัยเด็กคนนี้ มาสิ อยากให้แม่ทำอะไรบ้างล่ะ?”

“แต่งตัว ท่านแม่ต้องแต่งตัวสวยๆเจ้าค่ะ!”

ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเด็กสองคนอยากทำอะไรกันแน่ หนานหว่านเยียนไม่ได้ปฏิเสธ นั่งลงหน้าโต๊ะแต่งหน้า แล้วเริ่มทำผมแต่งหน้า

แต่งหน้าแต่งตัวเสร็จแล้ว เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยดวงตาเป็นประกาย

เกี๊ยวน้อยปรบมือเอ่ยชมว่า “ท่านแม่สวยมากเลย เป็นสตรีที่งามที่สุดในโลก!”

หนานหว่านเยียนถูกชมจนยิ้มแก้มปริ ซาลาเปาน้อยจับมือซ้ายของนางไว้ “ท่านแม่ ออกไปข้างนอกกับพวกเราเถอะ?”

รอยยิ้มของหนานหว่านเยียนชะงัก “ออกจวน?”

ของขวัญอะไรกันที่ต้องออกจวนถึงให้ได้?

เด็กสองคนพยักหน้า หนานหว่านเยียนมองดูเด็กสองคนอย่างลำบากใจ “จะต้องออกจวนเหรอ?”

เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยสบตากัน พูดออดอ้อนว่า “ท่านแม่ ตอบตกลงพวกเราเถอะนะ พวกเราไม่เคยออกไปข้างนอกเลย~”

“นั่นสิๆ ท่านแม่ ตกลงพวกเราเถอะนะ”

“ได้ๆๆ” หนานหว่านเยียนลูบใบหน้าของเด็กสองคนเบาๆ “แม่ออกไปกับพวกเจ้าก็ได้ แต่พอออกไปด้านนอก พวกเจ้าต้องเรียกแม่ว่า ‘พี่สาว’ นะ ไปแค่ตลาดนะ หื้ม?”

เด็กสองคนรีบพยักหน้า หนานหว่านเยียนเอาผ้ามาปิดหน้าเด็กสองคนไว้ เพื่อไม่ให้พวกนางถูกคนจำได้

ปกตินางเอาแต่คิดว่าจะป้องกันตัวยังไง และต่อกรกับผู้ชายชั่วหญิงเลวสองคนนั้นยังไง จนลืมเด็กสองคนไปเลย

ซาลาเปาน้อยกับเกี๊ยวน้อยพยักหน้า “จำได้แล้วเจ้าค่ะ! พี่เยียน!”

สามแม่ลูกออกจากบ้านพร้อมกัน ทุกคนอึ้งกันหมด พระชายาแต่งตัวขึ้นมาสวยมากจริงๆ!

มีเพียงอวี๋เฟิงที่ขดตัวอยู่มุมกำแพง ไม่กล้าพูดอะไร

หนานหว่านเยียนเห็นอวี๋เฟิงที่อยู่ตรงมุมกำแพง อดไม่ได้เลิกคิ้วถาม “อวี๋เฟิง เจ้าทำอะไรอยู่ตรงนั้น? ข้ากับเด็กๆจะออกไปแล้ว เจ้าไม่ตามไปด้วยเหรอ”

อวี๋เฟิงถูกเรียกให้ตามไปด้วย สีหน้าก็ลนลานขึ้นมาทันที “ข้าน้อย ข้าน้อย……”

เกี๊ยวน้อยรีบพุ่งไปหาเขา ขยิบตาต่อหน้าเขา “พี่อวี๋เฟิง พี่ดูสิ พวกเราผู้หญิงอ่อนแอสามคนอยู่ด้านนอก ไม่ปลอดภัย พี่ไม่อยากมาปกป้องพวกเราหน่อยเหรอ?”

อวี๋เฟิงลำบากใจ นางมารสามตนยังเรียกว่าหญิงอ่อนแอได้เหรอ โลกนี้เกรงว่าจะไม่มีใคร ‘อ่อนแอ’ กว่าพวกนางแล้วล่ะ

แต่เพราะเกี๊ยวน้อยกดดัน เขาจึงตอบรับ: “ขอรับ”

ตอนพวกเขาเดินออกจากจวน ก็เจอกู้โม่หานกับเสิ่นอี่ร์ที่กำลังจะไปค่ายเสินเชื่อ

เสิ่นอี่ร์ไม่เจอหนานหว่านเยียนมานาน ดวงตาของเขาเป็นประกาย แค่รู้สึกว่าพระชายางดงามมาก

กู้โม่หานได้ยินเสียงหัวเราะด้านหลัง ก็หันกลับไปมอง

เห็นหนานหว่านเยียนสวมชุดแดง จับมือเด็กน้อยสองคน ยิ้มบานดุจดอกไม้บาน

ผิวของนางขาวราวกับหิมะ และปิ่นปักผมก็ปักอยู่บนผมของนาง ทำให้นางสวยมากขึ้นกว่าเดิมและดูอ่อนโยนเล็กน้อย

หนานหว่านเยียนแต่งตัวงั้นเหรอ?

แต่งตัวสวยขนาดนี้ จะไปหาใคร?

มองดูเด็กสองคนข้างกายนาง วันนี้ก็แต่งตัวน่ารักมากด้วย แถมยังใส่ผ้าปิดหน้าไว้อีก ทำเอาคนอดไม่ได้อยากอุ้มขึ้นมาหยิกแก้มเล็ก

แม้แต่เด็กน้อยยังออกไปด้วย พวกนางจะไปทำอะไรกันแน่?

กู้โม่หานสังเกตได้ถึงความผิดปกติ คิ้วหนาขมวดเป็นปม หนานหว่านเยียนสวยจนเขาแทบหยุดหายใจ แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกไม่ปลอดภัยและรำคาญใจ

“เจ้าจะไปไหน?”

คงไม่ได้จะหนีออกจากจวนหรอกนะ……