ภาค 2 ไร้เทียมทานเย้ยยุทธจักร บทที่ 283 ไม่ต้องขอบคุณข้า

จอมศาสตราพลิกดารา

ตุบ

องค์ชายสองถูกโยนทิ้งไว้ที่หน้าประตูโถงใหญ่

หลี่มู่ปรบมือแล้วอ้าปาก ดูดเอาแสงเทพห้าสีกลับเข้าไปด้านใน ส่งไปเก็บไว้ที่จุดหนีหวานกง

“เอ๋? กลับร่างเดิมแล้วหรือ?”

เมื่อใช้เนตรสวรรค์ตรวจดู หลี่มู่ค้นพบอย่างน่าตกใจว่าพลังมารที่ถูกส่งเข้าไปในร่างขององค์ชายสองสลายไปหมดแล้ว พลังที่แท้จริงลดลงมาเท่ากับก่อนหน้า ปราณแท้ภายในร่างกายตอนนี้ดูยุ่งเหยิงไปหมด บาดแผลสาหัสยิ่ง กระดูกทั่วทั้งร่างไม่มีส่วนไหนที่ยังสมบูรณ์ เส้นลมปราณถูกทำลาย ผิวหนังแดงหลุดลอก ราวกับผิวต้นไม้แห้งหรือกระดองเต่าที่ถูกชโลมด้วยเลือดก็มิปาน…

นับว่าเสียโฉมแล้วสินะ

แต่ว่า พลังมารในร่างเขาสลายไปหมดเช่นนี้ กลับทำให้หลี่มู่รู้สึกเกินคาดเหมือนกัน

หรือว่าพลังมารของเทพแพะเมฆาดำนั่นไม่ได้คงอยู่ตลอดไป?

หลี่มู่กลุ้มใจเล็กน้อย

เขากลับไม่รู้เลยว่า ตราประทับห้าธาตุพลิกนภาเป็นตราวิชาเต๋าที่ดั้งเดิมที่สุด พลังธาตุทั้งห้าก็เป็นพลังที่บริสุทธิ์และยิ่งใหญ่ที่สุดในฟ้าดิน สามารถพิชิตปีศาจมารทั้งหมดได้ เมื่อถูกตราเหลี่ยมที่แฝงพลังห้าธาตุกระแทกเข้าไปกว่าร้อยครั้ง พลังมารในตัวองค์ชายสองก็ถูกสลาย มิเช่นนั้นพลังที่เทพแพะเมฆาดำส่งเข้าไปก็ควรจะยังอยู่ในตัวเขาไปได้อีกนาน

แต่ว่า เรื่องพวกนี้ก็ไม่สำคัญอะไร

ที่สำคัญคือในสายตาหลี่มู่ องค์ชายสองเป็น ‘พัสดุด่วน’ ชิ้นใหญ่ที่สุดตั้งแต่เขามาถึงยังโลกใบนี้

คนอย่างผู้สืบทอดสำนักยุทธ์กระบี่สวรรค์ฉู่หนานเทียนหรือเมิ่งอู่จากกองกำลังคมโลหิต ของมีค่าบนตัวก็มีอยู่ไม่น้อย แต่องค์ชายสองเป็นถึงบุตรแห่งองค์จักรพรรดิ มีฐานะสูงส่ง พวกทรัพย์สมบัติล้ำค่า ตำราเคล็ดวิชาต่างๆ จะมีน้อยกว่าได้อย่างไร?

“ความรู้สึกตอนได้รับพัสดุด่วนนี่มันยอดเยี่ยมเสียจริง”

หลี่มู่ทำเรื่องที่แสนคุ้นเคย จัดแจงค้นเอามิติเก็บของและสมบัติบนตัวองค์ชายสองมาหมดอย่างไม่ปรานี จะในจะนอกก็กวาดมาจนหมดเกลี้ยง

ตอนแกะของดูนี่ยิ่งสะใจเข้าไปใหญ่

แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา

หลี่มู่เก็บของทั้งหมดไปแล้ว เดิมทีคิดว่าจะปลุกองค์ชายสองให้ตื่นขึ้นมาฟังคำพูดเสียดแทงสักประโยคสองประโยค

แต่คิดไปคิดมา ก็ไม่ได้จำเป็นเท่าไรนัก

ในละครทีวี พวกผู้ร้ายมักตายเพราะพูดมาก

ยิ่งกว่านั้น พวกฝ่ายดีมากมายก็เพราะพูดมากเกินไปนี่ละ ผลลัพธ์เลยกลายเป็นผู้ร้ายหนีไปได้

หลี่มู่จึงเด็ดขาดนัก ยกหัตถ์ดาบขึ้นฟาดฟันเสีย ปลิดชีพอัจฉริยะแห่งราชวงศ์ผู้สูงส่งที่เดิมทีหวังจะช่วงชิงตำแหน่งจักรพรรดิฉินตะวันตกไปทันที

ไม่ใช่ว่าเขาชอบฆ่า

แต่นิสัยอย่างองค์ชายสอง เรื่องเล็กๆ ก็ต้องแก้แค้นเอาคืน ทั้งฐานะ พลังที่แท้จริง รวมไปถึงพรสวรรค์ด้านยุทธ์ เขาล้วนมีทุกสิ่ง ถ้าหากคราวนี้ไม่เอาถึงตาย ตอนเจ้านี่ฟื้นกำลังกลับมาลอบแก้แค้น จะยิ่งวุ่นวายกันไปใหญ่ อีกอย่างองค์ชายสองลอบโจมตีซ่างกวนอวี่ถิงในวันนั้น เดิมทีก็มีความคิดที่จะสังหารอยู่แล้ว หากไม่ใช่ซ่างกวนอวี่ถิงมีสมบัติตราหยกคุ้มกายที่หลี่มู่ให้ไว้ น่ากลัวว่าคงได้ตายไปแล้ว ดังนั้นนี่คือการแก้แค้น ไหนจะเรื่องการตายของเสือดาวเบญจมาศของเขาอีก…

หนึ่งดาบนี้ยังนับว่าน้อยเกินไปสำหรับองค์ชายสอง

คนของโรงฝึกยุทธ์พลังพายุที่เห็นฉากนี้ ในใจต่างสั่นกลัว

มารดามันเถอะ โหดเหี้ยมจริง

นี่เป็นถึงราชบุตรของจักรพรรดิเชียวนะ

หลี่มู่ผู้นี้เป็นคนไม่พูดพร่ำทำเพลงจริงๆ

คนส่วนหนึ่งแอบตัดสินใจแน่วแน่ ทีหลังห้ามไปยุแหย่หลี่มู่โดยเด็ดขาด คนเหี้ยมเช่นนี้น่ากลัวสมกับที่เลืองลือกัน

หลี่กังและสวีเซิ่งที่ได้เห็น ตอนคิดห้ามก็ช้าเกินไปเสียแล้ว

สวีเซิ่งคิดแทนหลี่มู่อย่างง่ายๆ การสังหารโอรสที่มีสิทธิ์สืบทอดบัลลังก์ไปหนึ่งคน ความยุ่งยากที่ตามมาจะมีไม่รู้จบ

หลี่กังกลับคำนึงถึงแต่ผลประโยชน์ด้านการปกครองล้วนๆ องค์ชายสองแม้จะสมควรตาย แต่ก่อนตายจริงๆ แล้วยังมีประโยชน์อยู่บ้าง…น่าเสียดายจริง

“ทุกคน ข้าเก็บกวาดเรียบร้อย สำเร็จลุล่วงด้วยดี…ฮ่าๆ พวกเจ้าไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก นี่เป็นเรื่องที่ผู้แข็งแกร่งชั้นยอดอย่างข้าควรทำอยู่แล้ว” หลี่มู่หันกลับมาพูดกับทุกคนอย่างเอาจริงเอาจัง

ทุกคนเอ่ยไม่ออก

พวกเขาเดิมทีคิดจะเอ่ยปากขอบคุณ แต่เมื่อเจอประโยคนี้เข้าก็ใบ้กินกันหมด

ช่างไม่ถ่อมตัวเลยจริงๆ

“พี่ใหญ่ ข้าให้ถังหูลู่ท่าน” เด็กน้อยถังมี่ที่อยู่ในอ้อมอกมารดา ยื่นผลซานจาที่ตนเองกัดไปเหลือแค่ครึ่งลูกให้อย่างรู้สึกเสียดาย

“แม่นางน้อย ไม่ต้องเกรงใจนะ ถังหูลู่เจ้ากินไปเถอะ จะได้บำรุงหน่อย หากอยากขอบคุณข้าจริงๆ ก็รีบๆ โตแล้วมาเป็นภรรยาตัวน้อยของข้าแล้วกัน” หลี่มู่รู้สึกดีเอามากๆ จนพูดล้อเล่นเรื่องที่ไร้ยางอายไป

ทุกคนเหงื่อตกในพริบตา

บุคลิกของยอดฝีมือบ้าคลั่งหายไปไหนหมด?

นิสัยท่าทีจะเปลี่ยนเร็วเกินไปแล้ว

“เจ้าค่ะ” ถังมี่น้อยตอบกลับอย่างไร้เดียงสา

ถังถังเดินออกมา ทำความเคารพอย่างนอบน้อม และเอ่ยว่า “ขอบคุณท่านจอมยุทธ์หลี่ ท่านช่วยพวกเราแม่ลูกหลายครั้งหลายครา บุญคุณนี้ใหญ่หลวงเกินจะตอบแทน…” นางพูดด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ

หลี่มู่เห็นดังนี้ก็คิดว่าสูตรสำเร็จมาแล้ว การพูดจาเช่นนี้ของสาวงาม มีแนวโน้มว่าจะเป็น ‘ใหญ่หลวงเกินจะตอบแทน จึงขอพลีกายให้’ สูตรสำเร็จในนิยายกำลังภายในส่วนใหญ่ไม่ใช่แบบนี้หรือ? ใจของเขาแอบลิงโลด กำลังคิดว่ารอให้ถังถังที่กำลังเขินอายพูดจบ ตนเองจะตอบรับเขินๆ หรือปฏิเสธอย่างขึงขังดี ก็ได้ยินคำพูดต่อมาของถังถังว่า “ชาติหน้าข้ายอมเกิดเป็นวัวเป็นม้ารับใช้ เพื่อตอบแทนบุญคุณจอมยุทธ์หลี่ที่ช่วยชีวิต…”

ชิ

ไม่จริงใจเลยนี่

ควรจะตอบแทนชาตินี้เลยสิ!

สังคมเดี๋ยวนี้มันยังไง พวกสาวงามตอนนี้ทำไมสำรวมตัวกันแบบนี้

หลี่มู่ผิดหวังครั้งใหญ่แล้ว

“ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก ข้าบอกไปแล้ว เรื่องคลี่คลายสถานการณ์แบบนี้เป็นเรื่องที่ชายชาตรีอย่างข้าควรทำ” หลี่มู่ไม่ถ่อมตนแม้เพียงน้อย

ศึกใหญ่วันนี้เขาลงแรงไปขนานใหญ่ ใจอยากกลับไป ‘แกะห่อพัสดุ’ ให้สุขอุราเต็มทีแล้ว ดังนั้นจึงไม่คิดพูดอะไรต่อให้มากความ ตั้งท่าจะออกไปทันที

การตายขององค์ชายสองทำให้ม่านพลังเหลือบรุ้งของเทพปีศาจที่ตัดขาดอาณาเขตรัศมีกว่าสองลี้เริ่มสลาย พลังสะกดหายไป

หลี่มู่ทะยานขึ้นฟ้า ดาบวัฏจักรสั่นไหววู้มๆ ก่อนลอยเข้าไปอยู่ใต้เท้าเขา ดาบเหินหาวพุ่งไป สง่างามอย่างที่สุด จากนั้นแปรเปลี่ยนเป็นลำแสงเส้นหนึ่งพุ่งหายลับไปบนท้องฟ้า

ทุกคนส่งเขาด้วยสายตา ในใจต่างทอดทอนใจแตกต่างกันไป

ไม่นานนัก ทหารองครักษ์จากที่ว่าการประจำเมืองฉางอันก็มาถึง

หลี่กังกับสวีเซิ่งสองคนออกไปภายใต้การนำทางของทหารองครักษ์

องค์หญิงฉินเจินมองจุดที่หลี่มู่หายไปไกล จิตใจสับสนซับซ้อน

สุดท้าย หลังจากหารือกับหัวหน้าโรงฝึกยุทธ์พลังพายุถานเยี่ยนจือก็ได้ข้อสรุป คนทั้งหมดรวมถึงสามแม่ลูกตระกูลถังเลือกออกจากเมืองฉางอันไป เพราะต่อจากนี้ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น การตายขององค์ชายสองจะสั่นสะเทือนทั้งจักรวรรดิ ต้องเกิดคลื่นลมโหมกระหน่ำลูกใหม่ขึ้นอย่างแน่นอน

เมืองฉางอันกลายเป็นสถานที่ปัญหา และเป็นศูนย์กลางของน้ำวนไปแล้ว

“เฮ้อ รอบนี้ขาดทุนยับเลย โรงฝึกยุทธ์ของข้ากลายเป็นซากไปแล้ว ซ้ำยังเสียพี่น้องไปตั้งมากมายเพียงนั้น…”

ถานเยี่ยนจือทำใจลำบาก

นางมองไปยังหน่วยเลี้ยงรับรองอย่างอาลัยอาวรณ์

“สาวงามในใจข้าทั้งหลาย พี่สาวคนนี้จำต้องจากฉางอันไปเสียแล้ว” พอคิดถึงยามตนเองคลอเคลียกับเหล่าโฉมงามที่หอ หัวหน้าโรงฝึกเหมือนมีมีดกรีดกลางใจ

……

วันเวลาผ่านไป

ครึ่งเดือนต่อมา

เข้าสู่ต้นเหมันต์ อากาศหนาวเย็น ใบไม้ร่วงหล่นสายลมหวีดหวิว

วันนี้ยามเช้าตรู่ กลางตรอกไล่หมู่ ขบวนรถขบวนหนึ่งแล่นออกมาอย่างเชื่องช้า

ซ่างกวนอวี่ถิง สวีหว่าน ลู่เซิ่งหนานและสาวงามทั้งหลายนั่งอยู่ในรถม้าที่แสนสบายกับหลี่มู่ กำลังอยู่ระหว่างเดินทางกลับอำเภอขาวพิสุทธิ์

ในช่วงครึ่งเดือนมานี้ เมืองฉางอันสงบสุขดี หลี่มู่ใช้เวลาส่วนใหญ่เก็บตัวฝึกวิชา

ภาชนะเก็บสมบัติขององค์ชายสองเป็นแหวนหยกทองทองลายมังกร มีผนึกของราชวงศ์ฉินตะวันตก ผ่านการเสริมพลังของขั้นเหนือมนุษย์ หลี่มู่จึงยังเปิดไม่ได้ ทำเอาเขาผิดหวังอย่างมาก และอดมีความสุขกับการ ‘แกะห่อพัสดุ’ ทำได้เพียงเก็บเอาไว้ก่อนแล้วค่อยหาทางปลดผนึกเอา

ระหว่างนั้น สวี่เซิ่งที่ฟื้นพลังกลับมาบ้างแล้วมายังเรือนซอมซ่อเพื่อพูดคุยกันครั้งหนึ่ง จากนั้นหัวหน้าสำนักตรวจการกลุ่มก้งเฟิ่งคนนี้ก็จากฉางอันกลับไปเมืองหลวง

หลี่กังใช้วิธีการบางอย่าง ปิดข่าวคราวเรื่องศึกในวันนั้นและเรื่องภายในต่างๆ เอาไว้เบื้องต้น ภายในรัศมีสองลี้จากโรงฝึกยุทธ์พลังพายุกลายซากปรักหักพัง ไร้ซึ่งผู้คน และกลายเป็นเหตุการณ์ประหลาดเรื่องหนึ่งของเมืองฉางอันไป มีคนจำนวนมากแย่งกันเข้าไปดู ทว่าทางเจ้าเมืองแต่งเรื่องเสียใหม่ว่าเหตุการณ์นี้เกิดจากปีศาจมารรุกล้ำเข้ามา แต่ถูกทางการกำจัดสิ้นซากไปแล้ว ทุกฝ่ายไม่ต้องกังวลใดๆ…

ทว่าพระราชโองการสองฉบับในวันนั้นประกาศโจ่งแจ้งกลางเมืองฉางอัน คนนับไม่ถ้วนได้ยินกับหู เรื่องนี้จึงยากจะอธิบาย

แต่คำวิพากษ์วิจารณ์ในเมือง ก็เป็นเพียงคำวิพากษ์วิจารณ์เท่านั้น

พายุที่แท้จริงกลับกำลังตั้งเค้าอยู่ในเมืองฉิน

หลี่มู่ไม่สนใจเรื่องเหล่านี้แม้แต่น้อย

เขาไปสำนักบัณฑิตเสียงวิหคสวรรค์และสำนักบัณฑิตเขาเหมันต์เพื่อตรวจดูคลังตำรายุทธ์ และแอบถ่ายทอดวิชาระดับสูงบางส่วนที่เหมาะสมให้สองสามีภรรยาหนิงจิ้งกับตงเสวี่ยด้วย นอกจากนี้ยังเข้าพบหนิงหรูซานเป็นการส่วนตัว ในส่วนที่ว่าตกลงเรื่องอะไรกัน คนภายนอกไม่มีใครรู้

เรื่องที่ควรทำในเมืองฉางอัน หลี่มู่จัดการทำจนหมดแล้ว

ขบวนรถเคลื่อนที่ไปอย่างไม่ช้าไม่เร็ว ราวสามวันก็กลับมาถึงเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์

เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเมืองฉางอันยังมาไม่ถึงเมืองอำเภอห่างไกลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกแห่งนี้

การกลับมาของหลี่มู่ ทำให้ทั้งเมืองตกอยู่ในบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองยินดี

นับตั้งแต่หลี่มู่ขึ้นรับตำแหน่งขุนนางเมืองขาวพิสุทธิ์ กำจัดเนื้อร้ายอย่างพรรคเสินหนงที่เลวทรามต่ำช้า ปกครองโปร่งใส ประชาชนอยู่ดีกินดี ขุนนางทำงานสุจริต แต่ละภาคส่วนหน้าที่รับผิดชอบงานตน ในอำเภอใช้ชีวิตสงบสุขอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วยเหตุนี้ในช่วงนี้ แม้ว่าหลี่มู่จะไม่ได้อยู่ในเมืองอำเภอ แต่อำนาจบารมีของเขาไม่ได้ลดน้อยลง กลับสูงขึ้นทุกวันด้วยซ้ำไป

ปัจจุบันในเมืองอำเภอ ไม่ว่าจะเป็นใคร เมื่อพูดถึงขุนนางเมืองหลี่ต่างก็รู้สึกเลื่อมใสจากใจจริง

เมื่อข่าวแพร่ออกไป ประชาชนมากมายต่างมาเบียดเสียดกันที่ถนนเพื่อต้อนรับการกลับมาของหลี่มู่

“คุณชายได้รับความรักจากชาวบ้านมากเลยนะเจ้าคะ” สาวใช้ซินเอ๋อร์เลิกม่าน มองออกไปเห็นภาพนี้ ทั้งรู้สึกภาคภูมิใจและยินดีปรีดา

ซ่างกวนอวี่ถิงก็มองถนนหนทางรอบด้านอย่างสนอกสนใจ

ตั้งแต่ที่นางถูกส่งไปยังหน่วยเลี้ยงรับรอง วันเวลานานแสนนานก็ล้วนถูกขังอยู่ในหอคณิกา จะได้ใช้ชีวิตเช่นตอนนี้ มีอิสระเสรี และได้ออกมาเห็นบรรยากาศครึกครื้นแบบนี้เสียที่ไหน

เหล่าสาวงามสวีหว่านเอ๋อร์และลู่เซิ่งหนาน ต่างก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกัน

ท่านแม่หลี่และสาวใช้สองคนได้รับข่าวจากเฝิงหยวนซิง ก็มารออยู่ที่หน้าประตูใหญ่ที่ว่าการนานแล้ว

“ลูกข้า รีบกลับมาหาแม่เร็ว…” ท่านแม่หลี่ได้พักฟื้นในช่วงนี้ บวกกับได้รับการดูแลจากหมอยาจ้าวหลิง ทำให้สีหน้าผ่องใส ดูสาวขึ้นกว่าเดิมเป็นสิบปี สง่างามมีราศี งดงามเพียบพร้อม ความงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองฉินในวันวานกลับมาอีกครั้ง

“ท่านแม่” หลี่มู่เข้าไปทักทาย

“รีบมาให้แม่ดูหน่อย…” ท่านแม่หลี่เดินเข้ามาจูงมือหลี่มู่อย่างยินดี มองสำรวจเขาบนจรดล่าง

“เอ๋…เอ๋?” หลี่มู่ตอบรับตามน้ำไป แต่จู่ๆ ก็เอะใจ “ท่านแม่ ท่านมองเห็นแล้วหรือ?”

“ใช่แล้ว ต้องขอบคุณวิชาหมอของแม่นางจ้าว ตาของแม่ตอนนี้มองเห็นแล้ว” ท่านแม่หลี่เอ่ยขึ้นอย่างดีใจ

หลี่มู่นิ่งอึ้งทันใด

ตายละ มองเห็นแล้วจริงหรือนี่?

แล้ว…นางจะมองออกทันทีไหมว่าแท้จริงแล้วลูกชายคนตรงหน้าเป็นตัวปลอม?