ตอนที่ 354 อันตรายครั้งใหญ่ของฝาแฝด

แม่ครัวยอดเซียน

“ทุกคนเข้าฌานไปกันหมด” ปิงเซียวเบื่อหน่ายเล็กน้อย

“ใช่ ทุกคนเข้าฌานกันหมด เหลือแต่พวกเรา” เหลยรุ่ยเองก็เบื่อมากเช่นกัน

“เหลยรุ่ย เจ้าว่าพวกเราทำอะไรกันดี? ท่านน้าหลิวหลีก็เข้าฌาน ตั้งแต่ที่ท่านพ่อกลับมาจากที่ไปพบท่านน้าก็ขยันขึ้น ไปเข้าฌานพร้อมท่านแม่ ท่านอาจื่อฉีตั้งแต่เข้าฌานไปก็ยังไม่ออกจากฌานเลยสักครั้ง ท่านน้ามู่มู่ก็เช่นกัน” ปิงเซียวถอนหายใจ

“แล้วคนในโลกเทพก็น่ากลัวเหลือเกิน แค่เพราะท่านน้าหลิวหลีเข้าฌาน ทุกคนก็เข้าฌานตามนางกันไปหมด ทำตามกันจนน่ากลัว” เหลยรุ่ยแขวะ พวกเขาไม่ใช่ท่านน้าเสียหน่อย ที่พอออกจากฌานแล้วพลังจะเพิ่มขึ้นถึงขีดสุด

“นั่นสิ! พวกเขาไม่ได้มีพรสวรรค์เหมือนท่านน้าสักหน่อย” ปิงเซียวเห็นด้วยกับคำพูดของเหลยรุ่ย

“ไม่สู้พวกเราไปรับภารกิจกัน ไปทำภารกิจสักหน่อย ไม่แน่พวกท่านน้าจะออกจากฌานพอดี” เหลยรุ่ยเสนอ

“ได้” สายตาของปิงเซียวเป็นประกาย ไม่เลว ทำภารกิจก็ไม่น่าเบื่อขนาดนั้น

จากนั้นไม่นานศิษย์ที่ไม่ได้เข้าฌานก็รับรู้ว่าอัตราความสำเร็จในการทำภารกิจของคู่แฝดสูงมากทีเดียว อีกทั้งนิสัยพวกเขาก็ยังพอใช้ได้ พละกำลังแข็งแกร่ง ยิ่งไปกว่านั้นฝาแฝดคู่นี้เป็นหลานชายที่ถูกเล่าๆต่อกันของศิษย์พี่หลง นี่หรือเปล่าที่เขาเรียกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น แต่ว่าบางคนก็มีจิตใจที่ไม่ซื่อตรงนัก

“พวกเขาเป็นหลานชายของหลงหลิวหลี เก่งจริงๆ” เยว่ฮุยกล่าว เขาเป็นบริวารลำดับ 1 ของเหยียนซวี่ เหยียนซวี่เข้าฌานไปแล้ว ส่วนกลุ่มคนที่เขาดูแลก็ได้คนผู้นี้ดูแลต่อ ใจดำเสียยิ่งกว่าเหยียนซวี่ ตอนนั้นเหยียนซวี่เกือบทำให้เมล็ดพันธุ์แห่งเทพหายไป คนผู้นี้ดีใจที่สุด เขารู้มาตลอดว่าเหยียนซวี่กำลังทำงานให้นายท่านผู้หนึ่งอยู่ เขาจึงอยากเบียดเหยียนซวี่ลงไปแล้วกลายเป็นผู้ช่วยของนายท่านผู้นั้นแทน

“ไม่เลวนี่ ถึงจะไม่เก่งเท่าหลิวหลี แต่ก็มากกว่าผู้บำเพ็ญที่มีพลังบำเพ็ญเพียรในขอบเขต เทพสวรรค์ทั่วไปมาก ได้ยินมาว่าฝาแฝดคู่นี้เป็นเด็กที่นางสั่งสอนเลี้ยงดูมากับมือ เป็นแก้วตาดวงใจของนาง” เมิ่งเตี๋ย ผู้เป็นชู้รักและสายสืบของเยว่ฮุยพูด

“หากเป็นเช่นนี้คิดว่าหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นนิดหน่อย หลงหลิวหลีคงปวดใจมาก” เยว่ฮุยเข้าใจทันที และมองฝาแฝดคู่นั้นอย่างสนอกสนใจ นอกจากดวงตาแล้ว อย่างอื่นก็โขลกกันมา แถมท่าทางบางอย่างก็เหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยนเพราะเป็นฝาแฝดอย่างนั้นหรือ

“เรื่องนี้ ข้าว่าครั้งนี้พวกเรานั่งรอรับผลประโยชน์ได้เลย ว่ากันว่าคนที่ไปต้อนรับหลงหลิวหลีตอนบรรลุเซียนนั้นมีสองคน คนหนึ่งนามว่า สวีโจว ได้รับความชื่นชอบจากหลิวหลีอย่างมาก อีกคนนามว่าหูชิง เดาว่าหลงหลิวหลีนั่นคงไม่เคยจำชื่อของหูชิงได้เลย ข้าส่งคนไปยั่วยุอยู่ตลอด แต่วางใจได้ เรื่องนี้เป็นความลับ ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นคนของเราแน่ เจ้าหูชิงนั่นโดนเสี้ยมจนไปหาสวีโจว แต่สวีโจวก็ผลัดผ่อนไป บอกให้รอหลังเข้าฌาน หากคนของเรายุแยงให้หูชิงกับฝาแฝดคู่นั้นออกไปทำภารกิจ จากนั้นเกิดอุบัติเหตุขึ้นเล็กน้อย เจ้าคิดว่าอย่างไร?” เมิ่งเตี๋ยยิ้มอย่างมีเสน่ห์แต่กลับเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์

“ให้คนของเราเก็บกวาดให้เรียบร้อยหน่อย” เยว่ฮุยพูดจบก็จากไป

“พูดออกมาตรงๆว่าเห็นด้วยก็ได้นี่ ปากไม่ตรงกับใจจริงๆ” เมิ่งเตี๋ยเลียริมฝีปาก ทั้งสองคนนั้นมีกลิ่นอายบริสุทธิ์ที่แท้จริง บริสุทธิ์จนอยากทำให้แปดเปื้อน สภาพแวดล้อมที่โสมมแบบนี้ไม่ต้องการคนที่ผุดผ่องเช่นนี้ หลงหลิวหลี เจ้ามันไม่เข้าพวก คนที่แตกต่างต้องถูกกำจัด เมิ่งเตี๋ยมองปิงเซียวกับเหลยรุ่ยแล้วหัวเราะอย่างมีความสุข

“เหลยรุ่ย เจ้ารู้สึกได้ไหมว่ามีคนมองพวกเราอยู่” ปิงเซียวรู้ได้ทันทีว่ามีคนคอยมองพวกเขานานแล้ว

“ใช่ แล้วยังเจตนาไม่ดีด้วย” เขารู้สึกเสียวสันหลัง มีเรื่องไม่ดีแล้ว

“เอ๊ะ หายไปอีกแล้ว คิดไปเองอย่างนั้นหรือ”

“เจ้าเด็กสองคนนี่ ความรู้สึกไวจริงๆ” เมิ่งเตี๋ยตกใจเล็กน้อย แต่พอเป็นแบบนี้ให้ทำลายพวกเขาดูน่าสนุกกว่าเยอะ

“ปิงเซียว มีภารกิจกลุ่ม ข้าจำได้ว่าท่านน้าหลิวหลีเคยทำมาก่อน พวกเราไปรับมาสักหนึ่งภารกิจดีไหม” เหลยรุ่ยเห็นภารกิจแล้วตื่นเต้นขึ้นน้อยๆ

“ได้สิ ระดับความอันตรายไม่สูงมากด้วย พลังบำเพ็ญเพียรขั้นสูงสุดก็แค่ประมุขเทพ จะลองดูก็ได้” ปิงเซียวดูแล้ว รู้สึกว่าพอใช้ได้ อีกอย่างพวกเขายังมีไม้ตายอยู่ ไม่กลัวหรอก

“เช่นนั้น พวกเรารับภารกิจนี้กันเถอะ ยังต้องการเทพระดับสูงสองคน เทพระดับกลางหกคน เทพระดับล่างอีกสิบคน พวกเราไม่ต้องเลือกหรอก เอาภารกิจไปประกาศไว้บนกระดานภารกิจแล้วให้คนมาสมัครก็เรียบร้อยแล้ว” เหลยรุ่ยพูด พวกเขาไม่ได้ตั้งเงื่อนไขอะไรกับสมาชิก

“สหายหู สองคนนั้นเป็นหลานชายของศิษย์พี่หลง สหายหูเจริญแล้วก็อย่าลืมเหล่าสหายคนอื่นล่ะ นี่ข้าแย่งมาได้อย่างยากลำบากเลยนะ” ผู้ที่มาใหม่เปลี่ยนชื่อในป้ายของตนเองให้หูชิง

“ขอบใจมาก ข้าไม่ลืมบุญคุณของสหายแน่” หูชิงคิดไม่ถึงว่าไม่ต้องรอหลิวหลีออกจากฌานก็จะได้โอกาสเช่นนี้

“เหอะ นี่เห็นตัวเองเป็นคนสำคัญจริงหรือ?” คนที่เปลี่ยนชื่อเพิ่มอะไรบางอย่างไปในป้ายชื่อของหูชิง หากเจอของที่ถูกกำหนดไว้ก็จะระเบิดออกมา หูชิง เจ้าก็นับว่ามีค่าอยู่บ้างนะ

“หูชิง คนผู้นี้เป็นใคร” เหลยรุ่ยมองชื่อคนที่สมัครเข้ามาถูกเปลี่ยนเป็นชื่อของหูชิงด้วยความประหลาดใจ

“ไม่รู้จัก เขาคงจะมีธุระด่วนกระทันหัน” ปิงเซียวพูด รู้สึกแปลกเล็กน้อย

หลังจากจัดกลุ่มเรียบร้อยแล้ว สองพี่น้องไม่เข้าใจแววตาที่เป็นประกายมากกว่าคนอื่นของหูชิง แววตานี้ไม่เหมือนแววตาเคารพนับถือ แต่เป็นแววตาเหมือนหมามองเนื้อ จึงไม่ขอบขี้หน้าหูชิงขึ้นมาทันที

ภารกิจง่ายดายจนสองพี่น้องแปลกใจ ไม่ใช่ว่ามีอสูรขอบเขตประมุขเทพอยู่ตัวหนึ่งหรือ ทำไมถึงอ่อนเช่นนี้ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติอยู่ตลอด คำพูดชื่นชมของคนรอบข้างล้วนไม่เข้าหูพวกเขา รู้สึกว่าเรื่องมันไม่ง่ายขนาดนั้น

ในที่สุดหูชิงก็เบียดตัวแทรกมาอยู่ข้างๆสองพี่น้อง

“ปิงเซียว เหลยรุ่ย ข้าคือคนที่ไปรับน้าหลิวหลีของพวกเจ้าตอนบรรลุเป็นเทพ” หูชิงแนะนำตัวอย่างภาคภูมิใจ ถึงขนาดเรียกทั้งสองโดยไม่ให้เกียรติของศิษย์ระดับพิเศษอย่างที่ควร

“บังอาจ กล้าดียังไงมาเรียกชื่อของพวกข้า ไม่รู้ความแตกต่างระหว่างเจ้ากับพวกข้าหรือ” ปิงเซียวไม่พอใจ ออกมาทำภารกิจแล้วยังไม่ตั้งใจ เขาไม่น่าเลือกคนมาตามใจชอบเลย

“ต่อให้เจ้าเป็นคนไปรับท่านน้าแล้วอย่างไร พวกข้ากำลังทำภารกิจ ประมาทเพียงเล็กน้อยก็สามารถเจออันตรายได้” เหลยรุ่ยไม่พอใจขึ้นไปอีก การไปต้อนรับท่านน้าเป็นสิ่งที่เขาควรต้องทำอยู่แล้ว แต่น้ำเสียงโอ้อวดเช่นนี้คืออะไรกัน

“เดี๋ยวก่อน บนตัวเขามีกลิ่นแปลกๆ” อยู่ๆปิงเซียวก็ได้กลิ่นบางอย่างจากตัวหูชิง

“แย่แล้ว นี่เป็นกลิ่นที่อสูรร้ายชอบมากที่สุด แค่มีกลิ่นติดเพียงนิดเดียวก็จะถูกอสูรร้ายไล่ตามอย่างเอาเป็นเอาตาย ใครต้องการทำร้ายพวกเรากัน” สีหน้าของเหลยรุ่ยไม่ดีนัก เรื่องคนผู้นี้ไม่ได้แก้กันง่ายๆแล้ว

“น่าจะแค่ต้องการเล่นงานพวกเรา” ปิงเซียวมองคนอื่นๆที่อยู่ห่างจากพวกเขาออกไปอย่างไม่รู้ตัว เหลือก็แต่เจ้าโง่หูชิงที่ถูกคนอื่นหลอกใช้แล้วยังไม่รู้ตัว

“สมควรตาย นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ข้ารู้สึกเหมือนกับว่าพลังเทพของข้าถูกควบคุมไปไม่น้อย” เหลยรุ่ยฉุนขึ้นมา

“แย่แล้ว ไม่ทันแล้ว” ปิงเซียวสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหลของอสูรร้าย มันใกล้เข้ามาแล้ว

“พวกเราถอยก่อน ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร อย่าให้ทำร้ายคนบริสุทธิ์มั่วๆก็พอ หลังจบเรื่องพวกเราค่อยคิดบัญชี” วางแผนคิดจะทำร้ายพวกเขา คิดว่าพวกเขาเป็นพวกไก่อ่อนจริงๆหรือ เหลยรุ่ยพูดด้วยแววตาโหดเหี้ยม

“พวกเจ้าถอยออกไปก่อน พวกข้ากับหูชิงมีเรื่องอื่นต้องจัดการนิดหน่อย” ปิงเซียวพูด ทำสิ่งของมาขวางทางพวกเขาขนาดนี้ ตั้งใจจะทำให้พวกเขาตายจริงๆเลยหรือ พวกเขาไปมีความแค้นกับใครต่อไหนกัน

ทั้งสามคนเดินไปไกลมากแล้ว ปิงเซียวถึงได้พบสิ่งของบางอย่างบนป้ายชื่อของหูชิง ตลอดทางที่ผ่านมาหูชิงเป็นคนโง่มาตลอด

“มีคนคิดจะลอบฆ่าพวกเราจริงๆ” ปิงเซียวทำลายของพวกนั้นจนพังเสียหาย แต่ก็สายเกินไปแล้ว อสูรร้ายในขั้นประมุขเทพมาแล้ว และพาพวกมันมาด้วย

“หูชิง ทางที่ดีเจ้าควรหวังให้พวกข้ามีชีวิตรอดกลับไปนะ ไม่อย่างนั้นจุดจบของเจ้าจะมีเพียงสองทาง อย่างแรกคือพวกเราตายกันหมด ต่อให้เป็นวิญญาณก็จะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ อย่างที่สองคือรอพวกข้ากลับไป ข้าต้องทำให้คนชั่วนี้ตายอย่างเจ็บปวดทรมานที่สุด” เหลยรุ่ยพูดพลางแสร้งยิ้มออกมา

“ท่านทั้งสอง พวกท่านเป็นแกนหลักของภารกิจนี้ จะต้องพาข้ากลับไปได้อย่างปลอดภัยแน่” หูชิงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของฝูงอสูรร้ายแล้วรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา

“หึ ไม่ว่าเจ้าจะคิดยังไง พวกข้าก็จะมีชีวิตรอดกลับไปแน่นอน” ปิงเซียวมองทิศทางหนึ่งด้วยท่าทีเคร่งเครียด

…………………………….