ตอนที่204 ขอโทษคุณชาย

จ้าวเฉียนกลับมายั่งพักที่บริเวณเดิม หลังจากนั้นไม่นาน เหลียวเซียวหยุนก็กลับมาพร้อมถุงช็อปปิ้งเต็มสองแขน เห็นดังนั้นเขาจึงรีบวิ่งไปช่วยถือแทนทันที

“เป็นยังไง? หน่ำใจแล้วรึยัง?”

จ้าวเฉียนเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม

เหลียวเซียวหยุนระเบิดหัวเราะอย่างมีความสุข เธอตอบกลับไปว่า

“หน่ำใจสุดๆไปเลยล่ะ! ฉันไม่เคยสนุกขนาดนี้มาก่อนเลย! แล้วนายหาทางจัดการกับของพวกนี้ได้รึยัง? จะขนกลับไปยังไงดีเนี่ย?”

จ้าวเฉียนชี้ไปทางลูกน้องทั้งสองคนของชางเจียกง และกล่าวว่า

“ผมวานให้สองคนนี้ช่วยส่งของทุกชิ้นไปถึงหน้าบ้านคุณ ไม่ต้องกังวลไป”

เหลียวเซียวหยุนที่ได้ยินแบบนั้นก็ดีใจอย่างมาก เธอพุ่งเข้าไปสวมกอดจ้าวเฉียนและจุ๊บแก้มเขาไปทีหนึ่ง จ้าวเฉียนถึงกับสะดุ้งหันซ้ายแลขวาดังพรึ่บพรั่บอย่างรวดเร็ว กลัวว่าหวานเจียงอาจจะแอบเฝ้ามองเขาอยู่สักแห่งหนใด

“นี่คุณ! จู่ๆจูบผมทำไมเนี่ย? ผมเสียหายนะ!”

เหลียวเซียวหยุนพลันนึกคิดได้ว่า เธอแสดงความรู้สึกภายในใจออกไปมากเกินไป ยามนี้ก็อายอย่างมากเช่นกันจนแทบอยากจะมุดดินหนี

จ้าวเฉียนตื่นตระหนกเล็กน้อย ก่อนจะสงบสติได้อย่างรวดเร็วในเวลาต่อมา พลางคิดกับตัวเองในใจ

‘ที่เธอทำแบบนี้หมายความว่ายังไงกัน? คือ…แอบชอบฉันจริงๆใช่ไหม? แล้วนี่จะทำยังไงดีเนี่ย ถ้าหวานเจียงมาเห็นเข้า ชิบหายแน่…’

เหลียวเซียวหยุนในขณะนี้ใบหน้าแดงก่ำเกินจะควบคุมได้แล้ว เธอบ่นกับตัวเองในใจเช่นกันว่า

‘ให้ตายเถอะ! จ้าวเฉียน นายเป็นผู้ชายนะ! ฉันแสดงออกไปขนาดนี้แล้วยังไม่รู้ตัวอีกรึไง! อย่างน้อยก็พูดอะไรที่มันดีกว่านี้หน่อยไม่ได้รึไง? ตาบ้า!’

ทั้งสองก้มๆเงยๆมองหน้ากันไปมาดูงุ่มง่าม ประหม่าอย่างยิ่ง และในท้ายที่สุดจ้าวเฉียนก็ไม่อาจทนต่อบรรยากาศแสนกดดันแบบนี้ได้อีกต่อไป เขากล่าวติดตลกขึ้นว่า

“ถ้าอยากขนาดนั้นก็ควรไปเปิดห้องไหม? จะได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันไปเลย ว่าไง?”

เหลียวเซียวหยุนยกกำปั้นทุบหน้าแกจ้าวเฉียนกระหน่ำชุดใหญ่ ก่อนสบถขึ้นว่า

“เลิกหื่นได้แล้ว! ฉันไม่มีทางไปกับนายแน่นอน! หึ! ฉันไม่ไปไหนกับนายแล้ว!! ….พาฉันไปส่งบ้านด้วย!”

จ้าวเฉียนที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับหัวเราะ โบกมือเรียกลูกน้องทั้งสองคนของชางเจียซงให้มาหา

“ว่าไงครับนายท่าน?”

จ้าวเฉียนยิ้มและตอบว่า

“หัวหน้าพวกนายบอกให้เอาของพวกนี้ไปส่งถึงบ้านใช่ไหม? ตามที่อยู่ที่ให้ไป ฝากขนไปส่งด้วยนะ”

จากนั้นจ้าวเฉียนกับเหลียวเซียวหยุนก็ลงไปจากบานจอดรถทันที

จ้าวเฉียนขับรถไปส่งเหลียวเซียวหยุนกลับบ้าน และรีบเดินทางกลับไปที่บริษัททันที

ทุกคนในออฟฟิศรู้อยู่แล้วจากปากฟางนี่ว่า จ้าวเฉียนกู้คืนความร่วมมือกับบริษัทหัวโหย้วได้สำเร็จ ทันทีที่เขาตรงเข้ามา ทุกคนต่างลุกขึ้นปรบมือให้ทันที

“คุณชายจ้าวของเรา ยังสุดยอดเหมือนเดิม!”

“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะคุณชายจ้าว!”

“ไม่เคยผิดหวังจริงๆคุณชายจ้าวคนนี้!”

ทุกคนต่างปรบมือยินดีต้อนรับเขากลับมาอย่างยิ่งใหญ่

จางหยางที่ได้ยินเสียงปรบมือดังจากข้างน้อก ก็รีบวิ่งออกมาตะโกนด่าโดยไว

“เสียงดังอะไรกัน? ยังเหลือเวลาอีกสิบนาทีถึงจะเลิกงาน!”

ทุกคนสงบปากสงบคำนั่งลงโดยไว

ทันทีที่จางหยางเห็นหน้าจ้าวเฉียน เขาก็หัวเสียในบัดดล เอ่ยถามขึ้นว่า

“กลับมาแล้วเหรอ? คิดจะรบกวนเวลาทำงานคนอื่นรึไง?”

ตอนนี้จางหยางนับเป็นคนสุดท้ายในบริษัทแล้วที่จ้าวเฉียนจะให้ค่า ดังนั้นเขาจึงไม่แยแสต่อคำกล่าวหาเรื่องของอีกฝ่ายใดๆ

“เปล่าหนิครับ ทันทีที่เท้าเหยียบออฟฟิศทุกคนก็ลุกขึ้นปรบมือให้ผมเอง สงสัยบารมีผมมากไปหน่อย”

จ้าวเฉียนกล่าวขึ้นลอยๆ

จางหยางเค้นเสียงหัวเราะแสนเย็นชา กล่าวถามขึ้นว่า

“ใกล้จะเลิกงานแล้ว นายยังมาเสนอหน้าอะไรอยู่ตรงนี้อีก? มาขอความดีความชอบรึไง?”

“ผู้จัดการจางฉลาดมากครับ ผมกลับมาที่นี่เพื่อมาขอความดีความชอบนี่แหละ ถึงผมจะไม่ได้ทำงานที่นี่แล้ว แต่ทุกคนยังคงหวังพึ่งผม ดังนั้นผมที่ทำงานสำเร็จก็ควรได้รับรางวัลจริงไหมครับ?”

จางหยางถึงกับไปไม่เป็น มึนงงอยู่สักพัก เขาแค่อยากจะสร้างความอับอายให้จ้าวเฉียน แต่ใครจะคิดว่าจ้าวเฉียนกลับยอมรับแต่โดยดี แถมยังจะมาขอรางวัลอีก

“เหอะ แล้วนายอยากได้อะไรล่ะ?”

จางหยางปั้นสีหน้ารังเกียจใส่

“ก็ไม่มีอะไรมากครับ โปรเจคนี้ที่ผมดิลมาได้มีมูลค่ามากถึงห้าล้าน ตามกฎแล้วผมควรได้10%จากตรงนี้หรือก็คือ500,000หยวนจริงไหมครับ?”

จางหยางรู้สึกไม่สบายใจอย่างมากพอได้ยิน เงินจำนวน500,000มันไม่ใช่น้อยๆเลย นอกจากนี้ยังเป็นจ้าวเฉียนอีก เขาไม่อยากมอบเงินจำนวนขนาดนี้ให้มัน!

หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง จางหยางก็คลี่ยิ้มชื่นกล่าวชักชวนจ้าวเฉียนให้ไปนั่งคุยกันต่อที่ห้องทำงานเขา แต่จ้าวเฉียนรู้ดีว่า อีกฝ่ายมีแผนอย่างไร จึงยิ้มตอบไปว่า

“ไม่จำเป็นครับ มีอะไรก็คุยตรงนี้เลย ผมยังมีธุระที่ต้องจัดการต่อ รีบๆพูดมาเถอะครับ”

จางหยางตอบกลับไปว่า

“โอเค! โอเค! นายจะได้ค่าคอมมิชชั่นตอนนี้แน่นอน แต่คงต้องรอตัดรอบบิลจ่ายเงินเดือนหน้านะ”

จ้าวเฉียนจงใจแซะจางหยางสวนกลับไปทันทีว่า

“ผู้จัดการจางพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะครับ ผมไม่ใช่พนักงานของบริษัทนี้อีกต่อไปแล้ว ที่ยอมไปคุยกับหัวโหย้วให้ มันในฐานะผู้ถือหุ้นนะครับ ทำไมต้องรอตัดบิลรอบเดือนหน้าแบบพวกพนักงานด้วย? ถ้ามีคนมาบอกว่า เดี๋ยวจ่ายเงินให้เดือนหน้า ทั้งๆที่อีกฝ่ายได้ประโยชน์จากเราไปแล้ว คุณจะรู้สึกยังไงครับ? ถ้าไม่เต็มใจให้ก็พูดออกมาตรงๆ ทุกคนในนี้ก็รู้ดีว่าคุณเกลียดผมแค่ไหน ถ้าจะแกล้งกันก็เอาให้สุดไปเลย!”

ประโยคสุดท้าย จ้าวเฉียนจงใจเน้นคำตะโกนเสียงดังลั่นจนทุกคนในออฟฟิศหันมามองจางหยางจนเป็นตาเดียว ทางด้านจางหยางทำอะไรไม่ไม่นอกจากหัวเราะแก้เขินและตอบไปว่า

“ล้อกันเล่นแล้ว! ฮ่าฮ่า…บริษัทเราพัฒนาขึ้นจากเมื่อก่อนมากและมีเงินทุนสำรองอยู่เยอะพอ นายไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันไปบอกแผนกการเงินให้เลยหลังจากนี้ ค่าคอมทั้งหมดครึ่งล้านพร้อมโอนให้นายเสมอ แต่อย่างไรก็ตาม…คงต้องเป็นวันพรุ่งนี้…”

จ้าวเฉียนเอ่ยขัดจังหวะจางหยางกล่าวขึ้นว่า

“ไม่มีพรุ่งนี้ครับ เซ็นเช็คตอนนี้เลย เชิญ”

แน่นอน ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้จางหยางทำได้เพียงลงบันทึกและเซ็นเช็คให้แต่โดยดี และส่งหลักฐานให้จ้าวเฉียนไป

“ขอบคุณครับ”

จ้าวเฉียนยิ้มตอบ

จางหยางกรนเสียงเบาๆเฮือกหนึ่ง ตะโกนเสียงดังว่า

“ไม่ต้องขอบคุณ! ตราบเท่าที่ทุกคนอุทิศตนตั้งใจทำงานให้บริษัท ทางเราย่อมปฏิบัติตอบอย่างดีที่สุด!”

จ้าวเฉียนยิ้มและไม่สนใจใดๆอีกฝ่ายอีก เขาตรงไปที่แผนกการเงินเพื่อขอตราประทับบริษัทรับรองการขึ้นเงิน

บนเช็คมีลายเว็ฯของจางหยางไว้พร้อม พนักงานแผนกการเงินเองย่อมไม่ค้านใดๆทั้งสิ้น และทุนสำรองในบริษัทไม่สามารถให้อีกฝ่ายถอนเงินจำนวนครึ่งล้านได้ทันที เธอจึงเสนอให้จ้าวเฉียนไปขึ้นที่ธนาคารในวันพรุ่งนี้

จ้าวเฉียนส่ายหัวตอบทันที

“ไม่มีพรุ่งนี้ครับ ถ้ามันยากนัก ก็โอนผ่านแอปธนาคารในมือถือเลย”

หลังจากพูดจบเขาก็เปิดแอปธนาคารในมือถือขึ้นมา และให้เธอโอนเงินต่อหน้าเขาโดยตรง ไม่สำคัญว่าเงินทุนสำรองในบริษัทจะเหลือมากน้อยเท่าไหร่ แต่เขาจะต้องได้เงินจำนวนครึ่งล้านภายในวันนี้

คล้อยหลังที่จ้าวเฉียนเดินทางออกจากบริษัทไป เขาก็เตรียมตัวขับรถกลับบ้าน แต่ทันใดนั้นเอง หมายเลขโทรศัพท์ที่เขาไม่คุ้นก็โทรเข้ามา ดูจากรหัสเขตแล้ว อีกฝ่ายน่าจะมาจากหยานจิ้ง

บางทีอาจจะเป็นคนในครอบครัวหรือใครสักคนที่ทราบตัวตนของเขา ดังนั้นจ้าวเฉียนจึงกดรับสายทันที

“สวัสดีครับ นั่นใคร?”

จ้าวเฉียนเอ่ยถาม

“สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อหวู่เสี่ยวหัว ลูกสาวของหวู่เทียนจือ พอดีคุณพ่อส่งฉันให้มาช่วยคุณจัดการเรื่องเหล่ยอู่ค่ะ คืนนี้พอจะมีเวลาว่างไหมค่ะ? เราจะได้มานั่งปรึกษากัน?”

“อ่อ ลูกสาวของคุณหวู่นี่เอง เจอกันที่โรงแรมตงไห่เลยครับ แจ้งชื่อผมให้กับพนักงานได้โดยตรงเลย เดี๋ยวพวกเขาจะพาคุณขึ้นไปรอที่ห้องอาหารเอง เดี๋ยวผมจะรีบตามไป”

“ตกลงค่ะ แล้วเจอกันนะคะ”

“แล้วเจอกันครับ”

พอจ้าวเฉียนกดสางสายไป เขาพลันขมวดคิ้วขึ้นโดยพลัน เสียงของผู้หญิงคนนี้ฟังดูคุ้นๆอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาจำไม่ได้ว่าเคยได้ยินจากที่ไหน

ในตอนบ่าย เขากับเหลียวเซียวหยุนเดินห้างตลอดทั้งวัน เหงื่อจึงออกไม่น้อยแถมเสื้อยังติดกลิ่นขยะอีก เขารู้สึกอัดอัดกับสภาพดังกล่าวมาก จึงกลับบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดเสื้อผ้าใหม่ ก่อนออกไปหาหวู่เสี่ยวหัว

เมื่อเปิดประตูห้องอาหารเข้ามา จ้าวเฉียนถึงกับผงะ และอวู่เสี่ยวหัวที่นั่งรออยู่ถึงกับผงะเช่นกัน

“ทำไมถึงเป็นคุณ…”

จ้าวเฉียนเอ่ยถามด้วยประหลาดใจทันที ทางด้านหวู่เสี่ยวหัวเองถึงกับหน้าซีดเป็นไก่ต้ม เธอรีบลุกขึ้นและโค้งศัรษะขอโทษจ้าวเฉียนโดยด่วนว่า

“คุณชายจ้าว ดิฉันขอโทษค่ะ ดิฉันต้องขอโทษจริงๆ! ดิฉันผิดไปแล้ว…ดิฉันนี่มันโง่จริงๆ! ทั้งหมดเป็นความผิดของดิฉันเอง ถ้าเกิดพ่อรู้เรื่องนี้เขา มีหวังดิฉันตายแน่ๆเลยค่ะ…”

ปรากฏว่าหวู่เสี่ยวหัวคนนี้เป็นสาวสวยที่จ้าวเฉียนเจอหน้าทางเข้าห้องน้ำห้าง เธอถึงกับสบถด่าเขาด้วยความรังเกียจ แถมยังด่าเขาว่าผีเน่าอีก

โลกใบนี้ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้จริงๆ ปรากฏว่าเธอเป็นลูกสาวของหวู่เทียนจือ

จ้าวเฉียนอยากจะเย้าหยอกเล่นกับเธอสักหน่อย จึงแสร้งปั้นหน้าดุกล่าวขึ้นอย่างเย็นชาว่า

“ผมคิดว่า พวกเราไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีกต่อไปแล้ว ฉันจะโทรบอกพ่อให้ไล่ทั้งคุณและพ่อของคุณออกไปซะ!”

หวู่เสี่ยวหัวตกใจจนหน้าซีดหนัก รีบคุกเข่าอ้อนวอนทั้งน้ำตาทันที

“คุณชายจ้าว ดิฉันขอโทษ ดิฉันขอโทษ….ทั้งหมดเป็นความผิดของดิฉันเอง! ฉันไม่รู้จริงๆว่าคุณเป็นคุณชายจ้าว ไม่อย่างนั้นไม่มีกล้าพูดจาแย่ๆแบบนั้นใส่แน่นอน ได้โปรดให้โอกาสดิฉันเถอะนะคะ”