ตอนที่ 634

Elixir Supplier

634 ผมชอบเธอ

 

เจิ้งเหว่ยจวินหลับตาและกลิ้งลูกตาเพื่อให้ตัวยากระจายไปทุกส่วนของดวงตา นัยน์ตาของเขารู้สึกเย็นสบาย ราวกับมีบางอย่างกำลังซ่อมแซมความเสียหายในดวงตาของเขาอยู่

 

หลังจากนั้นสักพัก เขาก็ลืมตาขึ้นและสามารถมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น “มันเป็นยาที่วิเศษมาก!”

 

“เราควรไปบอกหมอหวังดีไหม ว่าเหว่ยจวินมองเห็นแล้ว?” เจิ้งชื่อฉงถาม

 

“อืม ไปบอกหมอหวังเถอะ” คุณหวูพูด

 

แต่อยู่ๆเจิ้งชื่อฉงก็หยุดชะงัก เพราะเขาเห็นใครบางคนยืนอยู่ที่ด้านนอกนั้น

 

“นั่นคือ?” เขามองเห็นคนคนนั้นได้จากที่ไกลๆเท่านั้น “ดูเหมือนว่าฉันจะเคยเห็นเขาที่ไหนมาก่อนนะ”

 

“เสี่ยวซวี วันนี้เธออยากจะไปที่ไหนดีล่ะ?” กั๋วเจิ้งเหอถาม “ฉันจะไปเป็นเพื่อนเธอเอง”

 

“วันนี้ ฉันไม่มีแผนจะไปที่ไหนหรอก แล้วพรุ่งนี้ ฉันก็จะกลับบ้านแล้ว” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

“พรุ่งนี้เหรอ?” กั๋วเจิ้งเหอถาม

 

“ใช่ คุณแม่โทรมาหาเมื่อคืน บอกว่าคิดถึงฉันน่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

“ฮาฮา เธอไม่ได้ออกมานานขนาดนั้นสักหน่อยนะ” กั๋วเจิ้งเหอพูดด้วยรอยยิ้ม “แต่กลับบ้านก็ดีแล้ว เดี๋ยวแม่ของเธอจะเป็นห่วงเอา”

 

“อืม” ซูเสี่ยวซวีตอบในขณะที่เธอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ไม่รู้ว่าใจในของเธอกำลังคิดอะไรอยู่

 

หลังจากคนไข้คนสุดท้ายกลับไป เจิ้งชื่อฉงก็มาถึงที่คลินิก “สวัสดีครับ หมอหวัง”

 

“สวัสดีครับ มีอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ผมมาที่นี่เพื่อขอบคุณคุณหมอน่ะครับ” เจิ้งชื่อฉงพูด

 

“ขอบคุณผม? เจิ้งเหว่ยจวินมองเห็นแล้วเหรอครับ?” แล้วหวังเย้าก็นึกเรื่องของเจิ้งเหว่ยจวินขึ้นมาได้

 

“ครับ เหว่ยจวินมองเห็นแล้ว” เจิ้งชื่อฉงพูด

 

“ดีครับ งั้นผมจะไปดูเขาหน่อย” หวังเย้าพูด

 

“โอเคครับ ขอบคุณมาก” เจิ้งชื่อฉงพูด

 

พวกเขาพากันเดินไปที่บ้านของซุนหยุนเชิง เมื่อไปถึงที่นั่น หวังเย้าก็สังเกตเห็นว่า ดวงตาของเจิ้งเหว่ยจวินเป็นประกายมากขึ้น

 

“สวัสดีครับ หมอหวัง ขอบคุณมากนะครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด

 

เขาได้ยินเจิ้งชื่อฉงและคุณหวูพูดถึงเรื่องของหมอหวังตลอดเวลา ตอนนี้ ในที่สุดเขาก็ได้เห็นหมอหนุ่มที่เป็นผู้รักษาดวงตาของเขาให้กลับมามองเห็นได้สักที

 

เขาหนุ่มมาก เจิ้งเหว่ยจวินคิด

 

“คุณรู้สึกเป็นยังไงบ้างครับ? คุณมองเห็นได้ชัดเจนแค่ไหนแล้ว?” หวังเย้าถาม

 

“ผมเห็นได้ชัดเจนมากเลยครับ ไม่คิดเลยว่า หมอจะหนุ่มขนาดนี้” เจิ้งเหว่ยจวินพูด

 

“คุณมองเห็นลายเส้นบนฝ่ามือของผมไหมครับ?” หวังเย้ายื่นฝ่ามือให้เจิ้งเหว่ยจวินดู โดยที่เขายังยืนอยู่

 

“มันดูเบลอหน่อยๆครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด

 

“ใช่ยาหยอดตาต่อไปอีกสามวันนะครับ แล้วคอยทดสอบการมองเห็นของเขาดู ถ้าการมองเห็นของเขากลับมาเป็นปกติ ก็ให้เขาดื่มยาหยอดตาที่เหลืออยู่ได้เลย” หวังเย้าพูด

 

“ยาหยอดตากินได้ด้วยเหรอ?” คุณหวูถามด้วยความประหลาดใจ

 

“ได้สิครับ ยาตัวนี้สามารถใช้รักษาได้ทั้งภายในและภายนอกเลยล่ะครับ” หวังเย้าพูด

 

“ฉันขอถามหน่อยได้ไหมว่า การรักษาภายในคือยังไงเหรอ?” คุณหวูถาม

 

“มันจะเข้าไปซ่อมแซมส่วนที่เสียหายภายในร่างกายครับ” หวังเย้าพูด

 

“ซ่อมแซมอย่างนั้นเหรอ?” คุณหวูอึ้งไปครู่หนึ่ง

 

“คุณต้องพักผ่อนให้มากๆ แล้วก็อย่าตื่นเต้นมากเกินไปด้วย คุณจะค่อยๆดีขึ้นเองนะครับ” หวังเย้าพูดกับเจิ้งเหว่ยจวิน

 

“ครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด

 

เจิ้งชื่อฉงเดินออกมาส่งหวังเย้าที่ประตูบ้าน พร้อมทั้งเชิญเขาร่วมทานอาหารเย็นด้วยกัน แต่หวังเย้าก็ปฏิเสธคำเชิญของเขาไป

 

“ไว้รอตอนที่เจิ้งเหว่ยจวินหายดีแล้ว เราค่อยมาฉลองด้วยกันก็ได้ครับ” หวังเย้าพูด “เอาแบบนั้นดีไหมครับ?”

 

“โอเคครับ ฟังดูเข้าท่าดี” เจิ้งชื่อฉงพูด

 

เมื่อเดินกลับเข้าไปในตัวบ้าน เจิ้งชื่อฉงก็เห็นคุณหวูกำลังจับจ้องอยู่แต่กับยาของหวังเย้า

 

“มีอะไรรึเปล่าครับ ลุงหวู?” เจิ้งชื่อฉงถาม

 

“ซ่อมแซมร่างกายที่ได้รับความเสียหาย” คุณหวูพึมพำกับตัวเอง

 

“หา? แล้วมันสำคัญไหมครับ?” เจิ้งชื่อฉงถาม

 

“แน่นอนสิ เธอเข้าใจความสำคัญของมันรึเปล่า?” คุณหวูถาม

 

เจิ้งชื่อฉงส่ายหน้า

 

“ฉันจะยกตัวอย่างให้ฟัง นิ้วหักหรือโรคหัวใจที่มีมาแต่กำเนิด ล้วนนับว่าเป็นความเสียหายภายในร่างกาย” คุณหวูพูด “แล้วยาตัวนี้ก็สามารถซ่อมแซมอาการทั้งสองอย่างนี้ได้”

 

“ลุงหมายความว่า มันสามารถทำให้กระดูกนิ้วที่แตกคืนกลับมาเป็นเหมือนเดิม และรักษาโรคหัวใจที่มีมาแต่กำเนิดได้ด้วยเหรอครับ?” เจิ้งชื่อฉงถามด้วยความประหลาดใจ

 

“ใช่แล้วล่ะ แต่ฉันก็ยังไม่มั่นใจว่า ยาตัวนี้จะมีความมหัศจรรย์มากแค่ไหน” คุณหวูพูด “แต่ถ้าดูจากความสามารถของหมอหวังและสิ่งที่เกิดขึ้นกับเหว่ยจวินแล้วละก็ เป็นไปได้ว่า ยาตัวนี้จะสามารถซ่อมแซมทุกส่วนที่เสียหายในร่างกายมนุษย์ได้”

 

“จริงเหรอครับ?” เจิ้งชื่อฉงถาม

 

“นี่เป็นยาที่ล้ำค่ามาก เรามาดูว่ามันจะทำอะไรได้อีกบ้างกันเถอะ” คุณหวูพูด

 

“ครับ” เจิ้งชื่อฉงพูด เขารู้สึกอัศจรรรย์ใจมาก แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกสงสัยด้วยว่า บนโลกใบนี้ จะตัวยาที่สามารถรักษาทุกส่วนของร่างกายได้จริงหรือ

 

 

“เขากลับไปแล้วเหรอคะ?” ชูเหลียนถาม

 

“ค่ะ ขอบคุณพระเจ้า” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

ตอนเช้า กั๋วเจิ้งเหอออกจากบ้านเช่าของเฉินหยิงเพื่อเข้าไปซื้อของในเมือง แต่เขาจะกลับมาอีกครั้งในตอนบ่าย

 

“กลางวันนี้ หนูจะไปบอกลาหมอหวังนะคะ” ซูเสี่ยวซวีพูด “เราจะกลับปักกิ่งกันพรุ่งนี้”

 

“ได้ค่ะ” ชูเหลียนพูด

 

“เฮ้อ!” ซูเสี่ยวซวีถอนหายใจ เธอไม่ได้อยากจะกลับไปเลยสักนิด แต่เธอก็ต้องไป เธอรู้ว่า กั๋วเจิ้งเหอจะไม่ยอมกลับไปไหนจนกว่าเธอจะกลับ เธอไม่ต้องการนำปัญหาใดๆมาให้หวังเย้า โดยเฉพาะถ้าปัญหานั้นเกิดขึ้นเพราะเธอ

 

“กั๋วเจิ้งเหอเป็นพวกน่ารำคาญจริงๆเลย!” ชูเหลียนสามรถบอกได้ว่า ซูเสี่ยวซวีกำลังคิดอะไรอยู่ เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังไม่พอใจ ดังนั้น เธอจึงพานไปถึงกั๋วเจิ้งเหอด้วย

 

ตอนกลางวันไม่มีคนไข้มารักษาที่คลินิก

 

ก๊อก! ก๊อก! มีใครบางคนมาเคาะประตูคลินิก

 

“เชิญเข้ามาครับ” หวังเย้าพูด

 

“สวัสดีค่ะ หมอหวัง” ซูเสี่ยวซวีเดินเข้ามา

 

“นั่งก่อนสิ” หวังเย้าลุกขึ้นไปชงชาให้กับเธอ “ดื่มชาสักหน่อยนะ”

 

“ขอบคุณค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

เธอนั่งข้างๆหวังเย้าและมองไปที่เขา

 

“มีอะไรให้ผมช่วยเหรอ?” หวังเย้าถาม

 

หลังจากที่เงียบอยู่นาน ซูเสี่ยวซวีก็เอ่ยถามออกมาว่า “หมอหวังคะ ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ?”

 

“ได้สิ” หวังเย้าพูด

 

“คุณชอบฉันไหมคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม

 

ถึงเธอจะพูดคำว่าชอบ แต่ความจริงแล้ว เธอหมายความว่ารัก

 

หวังเย้าอึ้งไป เขาไม่คิดว่า ซูเสี่ยวซววีจะถามเขาตรงๆแบบนี้ มันจึงทำให้เขาไม่ทันได้ตั้งตัว

 

“ผม…” เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่างออกไป แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อได้เห็นสายตาคาดหวังของซูเสี่ยวซวีที่กำลังมองมา

 

เขาชอบซูเสี่ยวซวี ที่ทั้งงดงาม, นิสัยดี, และเข้มแข็ง แต่เขาจะพูดอะไรได้ล่ะ? เขาควรบอกเธอไปว่า เราอยู่กันคนละโลกเหรอ? เป็นเพราะเขากลัวหรือกำลังพยายามจะหนีอยู่กันแน่?

 

ชีวิตของเขานั้นผ่อนคลาย เหมือนกับเวลาที่เขากำลังเด็ดดอกไม้ริมรั้วและมองไปที่เนินเขาหนานชาน นั่นเป็นชีวิตของหวังเย้า แต่ต่อไปเขาก็จะมีใครบางคนมาอยู่ข้างๆ เขาไม่คิดจะใช้ชีวิตเพียงลำพังตลอดไปอยู่แล้ว

 

ถงเวยได้จากไปแล้ว ไม่มีทางที่พวกเขาจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก ซูเสี่ยวซวีมาหาเขาถึงสองครั้ง เธอมาเพื่อขอบคุณที่เขาช่วยชีวิตของเธอ และเพื่อแสดงความรักของเธอต่อเขา

 

ทำไมเขาลองดูสักครั้งล่ะ? ทำไมเขาจะต้องสนใจเรื่องสถานะที่แตกต่างกันด้วย? มันสำคัญด้วยเหรอ ที่เขามาจากหมู่บ้านเล็กๆกลางเขา ส่วนเธอมาจากปักกิ่ง? พวกเขามาจากสองโลกที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่แล้วยังไงล่ะ? ถ้าเขาและซูเสี่ยวซวีต่างก็ชอบกัน เขาก็น่าจะลองดูสักตั้ง

 

ซูเสี่ยวซวีรอคอยคำตอบของเขา หวังเย้ายังคงเงียบสนิท ซูเสี่ยวซวีดูเหมือนจะสงบ แต่เธอไม่แตะชาที่วางอยู่บนโต๊ะเลยสักนิด

 

“ผมยอมรับว่าผมชอบเธอ” หวังเย้าพูดนิ่งๆ เขาได้บอกออกไปแล้วว่าเขารู้สึกยังไงกับเธอ

 

“จริงเหรอคะ?” ซูเสี่ยวซวีรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา

 

รอยยิ้มของเธองดงามราวกับดอกไม้บาน ความจริง เขาคิดว่ามันสวยกว่าดอกไม้ด้วยซ้ำ

 

หวังเย้าดูเหมือนจะลังเลในตอนแรก แต่สุดท้าย เขาก็ตัดสินใจได้

 

“หมอหวัง ฉันคงต้องกลับปักกิ่งแล้วล่ะค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด ตอนนี้ เธอยิ่งไม่อยากจะกลับเข้าไปใหญ่

 

“แม่ของเธออยากให้กลับเหรอ?” หวังเย้าถาม

 

“เปล่าหรอกค่ะ แต่มันเป็นเพราะกั๋วเจิ้งเหอต่างหาก ฉันกลัวว่า ถ้าฉันไม่กลับเขาก็จะไม่ยอมไปไหนสักที ฉันจะบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่ของฉันด้วย” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

“โอเค ถ้ามีเวลา เธอค่อยกลับมาที่นี่อีกก็ได้” หวังเย้าพูด

 

“เธอมีเวลาตลอดเลยล่ะค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

หวังเย้าเดินออกไปส่งเธอที่ด้านนอกคลินิก ซูเสี่ยวซวีกลับไปที่บ้านเช่าของเฉินหยิงพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง

 

“หืม?” ทั้งชูเหลียนและเฉินหยิงต่างก็สังเกตเห็นอารมณ์ที่ดีผิดปกติของเธอได้ ทั้งหันไปสบตากัน

 

“คุณหนูได้คุยกับหมอหวังแล้วเหรอคะ?” ชูเหลียนถาม

 

“ค่ะ ฉันบอกกับเขาแล้วว่า ฉันจะกลับพรุ่งนี้ แต่ฉันจะกลับมาที่นี่อีก” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

คุณหนูจะต้องพูดอย่างอื่นอีกแน่ ชูเหลียนคิดในใจ

 

หลังจากที่ซูเสี่ยวซวีกลับมาได้ไม่นาน กั๋วเจิ้งเหอก็กลับมาพร้อมกับอาหารท้องถิ่น

 

“ผมคิดว่า เธอคงจะไม่มีเวลาได้ซื้อของพวกนี้ ผมก็เลยซื้อมาให้เธอเอากลับไปฝากพ่อกับแม่” เขาพูดด้วยรอยยิ้ม เขามักจะเป็นคนที่รอบคอบอยู่เสมอ

 

“ไม่เป็นไร ขอบคุณนะ” ซูเสี่ยวซวีตอบกลับไปโดยไม่มีการลังเล

 

“แต่ผมซื้อของพวกนี้มาแล้วนะ” กั๋วเจิ้งเหอพูด

 

“ขอบคุณนะ แต่ฉันไม่ต้องการมันหรอก” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

“ขอบคุณคุณชายกั๋วมากนะคะ เราจะเอาอาหารพวกนี้กลับไปด้วยบางส่วน” ชูเหลียนพูด เธอหยิบอาหารขึ้นมาสองห่อ

 

“โอเค ผมจะขับรถไปส่งพวกเธอตอนกลางวันเองนะ” กั๋วเจิ้งเหอพูด

 

“ไม่ต้องหรอก เราจะไปห่ายชิวกันบ่ายนี้เลย แล้วก็จะบินกลับปักกิ่ง” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

“โอเค” กั๋วเจิ้งเหอพูด

 

บ่ายนั้น กั๋วเจิ้งเหอยังไปบอกลาหวังเย้าด้วย เขาคิดจะพูดบางอย่างออกไป แต่แล้วเขาก็ยั้งเอาไว้

 

“แล้วเจอกันใหม่นะครับ หมอหวัง” กั๋วเจิ้งเหอพูด

 

“เดินทางปลอดภัย แล้วเจอกัน” หวังเย้าพูด

 

หวังเย้าไปเจอซูเสี่ยวซวีที่สนามบิน ก่อนที่เธอจะขึ้นเครื่อง

 

“แล้วเจอกันใหม่นะคะ หมอหวัง” ซูเสี่ยวซวีโบกมือให้เขา เธออยากจะอยู่ให้นานกว่านี้ ขอแค่ได้คุยกับเขาหรือแค่นั่งข้างๆเขาโดยไม่ทำอะไรเลยก็ยังดี

 

“แล้วเจอกัน ว่างเมื่อไหร่ก็กลับมานะ” หวังเย้าพูด

 

“แน่นอนค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด นี่ถือเป็นคำสัญญาจากเธอ