เมื่อได้ยินคำอธิบายของลู่เช่อ ถังหนิงก็เข้าใจว่าคำท้วงติงของผู้ถือหุ้นไม่ได้มีผลกับโม่ถิงแต่อย่างใด กระนั้นเธอก็ยังรู้สึกผิดและปวดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
บางครั้งเมื่อคนเราก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ก็จะไปไกลจนลืมหันกลับไปมองคนข้างหลัง
ดังนั้นการประชุมกรรมการบริหารของไห่รุ่ยจึงนับว่าเป็นเสียงที่ปลุกให้ถังหนิงรู้สึกตัว
โม่ถิงตามใจเธอจึงคืนสัญญาของซิงหลานมาให้ ทว่าเธอไม่อาจปล่อยให้โม่ถิงต้องเดือดร้อนเพราะความรักของเขาที่มีให้เธอได้
ฝ่ายผู้ถือหุ้นในวันนี้ทำไม่สำเร็จ แต่เขาก็ยังคงมีปัญหากับผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ อยู่ดี ใจคนเรายากเกินกว่าจะคุมได้ เธอจึงต้องเข้าใจขอบเขตของตัวเอง
ดังนั้นหลังกลับมาถึงบ้าน ถังหนิงจึงหมกตัวอยู่ในห้องทำงาน ครุ่นคิดอยู่เงียบๆ ราวๆ สองชั่วโมง กระทั่งโม่ถิงกลับมา
“มีอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมคุณมานั่งอยู่ในห้องทำงานแต่หัวค่ำแบบนี้ล่ะ”
ถังหนิงกอดเอวเขาไว้ ในจังหวะถัดมาจึงหยิบสัญญาของซิงหลานและลัวเซิงออกมายื่นตรงหน้าเขา “มีการระบุไว้ในสัญญาชัดเจน เราก็ควรทำตามอย่างเคร่งครัดนะคะ ประธานโม่ ถึงจะเป็นการยุติธรรม”
เมื่อเห็นสัญญาทั้งสองฉบับ โม่ถิงก็เข้าใจทันทีว่าถังหนิงกำลังทำอะไร
“ลู่เช่อบอกคุณว่าเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”
“ไม่ใช่ค่ะ เป็นประธานฟ่านที่โทรมายั่วยุฉัน เขาทำให้ฉันรู้ถึงขอบเขตของตัวเอง” ถังหนิงตอบไปตามตรง หากแต่เมื่อเธอพูดจบ โม่ถิงรั้งเธอเข้ามาอ้อมแขนของเขาอย่างไม่ได้ตั้งตัว
“ผู้ถือหุ้นพวกนั้นก็แค่ตัวตลกน่ะครับ อย่าเอามาใส่ใจเลย”
ถังหนิงถอนหายใจก่อนเบียดกายสู่อ้อมกอดของเขา “ฉันมาคิดดูดีๆ แล้ว ในเมื่อฉันคาดหวังกับคนอื่นไว้สูง ฉันเองก็ควรคาดหวังในตัวเองไว้สูงด้วย มีเพียงคนที่มีวุฒิภาวะเท่านั้นที่คู่ควรกับการนับถือของคนอื่น ฉันไม่ได้ยอมถอยเพราะว่ากลัวหรอกค่ะ แต่เพราะว่ามันทำให้ฉันปวดใจที่ต้องเห็นคุณตกที่นั่งลำบากต่างหากค่ะ
“ฉันไม่อยากให้คุณต้องมากังวลกับการจัดการคนพวกนี้ มันไม่ใช่เรื่องจำเป็นเลยค่ะ…
“อีกอย่าง มันก็จริงที่จู้ซิงมีเดียปกป้องศิลปินของตัวเองไม่ได้ มีเพียงแค่ไห่รุ่ยที่ทำอย่างนั้นได้เท่านั้นแหละค่ะ”
ถังหนิงมองทุกอย่างออกอย่างทะลุปรุโปร่งและคิดใคร่ครวญมาอย่างดี อย่างไรเสียเธอก็ไม่เคยก่อตั้งจู้ซิงมีเดียมาเพื่อชื่อเสียงเงินทองอยู่แล้ว
ในท้ายที่สุดโม่ถิงจึงพยักหน้ารับ “ระหว่างเราไม่มีอะไรต้องอธิบายอยู่แล้วนี่ครับ”
ถังหนิงไม่เคยคิดว่าการที่โม่ถิงออกมาปกป้องเธอเป็นเรื่องที่ผิด ไม่ว่าจะเพราะว่าความจำนนหรือความนับถือ ทุกอย่างที่เธอทำล้วนมาจากความเต็มใจทั้งสิ้น
เธอยินดีที่จะเสียสละและเป็นผู้ให้บ้าง
อย่างไรกตาม ในสายตาประธานฟ่าน การยอมประนีประนอมในครั้งนี้ทำให้เขาเห็นว่าอิทธิพลของน้องเขยของเขาเป็นอาวุธที่ทรงพลัง
ในความเป็นจริงแล้วไม่เคยมีคนภายนอกที่ข่มขู่เธอเช่นนี้มาก่อน จุดอ่อนเพียงหนึ่งเดียวของเธอคือโม่ถิง
โม่ถิงเพียงคนเดียวไม่มีใครอื่นอีกแล้ว
…
ผู้ถือหุ้นต่างพึงพอใจกับการตัดสินใจของถังหนิงที่ส่งต่อสัญญาทั้งสองฉบับและปล่อยให้ลัวเซิงและซิงหลานเข้าสังกัดไห่รุ่ย มันแสดงให้เห็นชัดว่าเธอเข้าใจและไม่ได้มีเจตนาที่จะตั้งตัวเป็นใหญ่ พวกเขาจึงสงบลงแต่โดยดีด้วยการกระทำของถังหนิง แต่แน่นอนว่า ใครบางคนได้ท้วงขึ้นว่าเธอแกล้งทำและแค่คลายสายจูงเพื่อจะได้กลับมากุมบังเ**ยนเหนือพวกเขาได้ทีหลัง
โม่ถิงไม่ได้ปริปากออกมาสักคำหากแต่สายตากลับฉายแววอำมหิต
“ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติ ทำไมเธอถึงนึกจะมาทำตามสัญญาอย่างเคร่งครัดหลังจากที่เราประชุมกันล่ะครับ”
“ตอนนี้ช่างเรื่องนั้นไปก่อนเถอะ ผมว่าคุณเองนั่นแหละที่เป็นประเด็นหลักที่เราควรพูดถึงกันในวันนี้” น้ำเสียงโม่ถิงดังก้องไปทั่วห้อง “คุณพยายามทำอะไรอยู่กันแน่ครับ”
“ประธานโม่ครับ ผมขอพูดตามตรงนะครับ จุดประสงค์ของผมคือการปิดจู้ซิงมีเดียครับ”
ครั้งนี้ โม่ถิงไม่ปล่อยให้เขาพูดต่อไปขณะที่หันไปสั่งลู่เช่อ “ไปรับคุณผู้หญิงมาจากจู้ซิงมีเดีย”
“ตอนนี้เลยเหรอครับ”
“ตอนนี้…” โม่ถิงยืนกราน “จู้ซิงมีเดียเป็นบริษัทที่ตั้งเป็นกิจจะลักษณะ เขาควรมาอยู่ที่นี่ด้วยหากสิ่งที่เรากำลังพูดเกี่ยวข้องกับพวกเขา
“ไม่อย่างนั้นผมคงจะได้ถูกยกเรื่องนี้มาวิพากษ์วิจารณ์ทุกครั้งที่ประชุมกันใช่ไหมครับ”
กลุ่มผู้ถือหุ้นทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบงัน
โม่ถิงกวาดสายตามองไปทั่งห้องและหยุดที่ผู้อำนวยการหลิน “ในฐานะประธานกรรมการบริหารและผู้ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานของไห่รุ่ย ผมถูกท้าทายอำนาจมาตลอด ดังนั้นทั้งหมดจะยุติลงในวันนี้
“ไห่รุ่ยไม่ต้อนรับคนที่มีเจตนาซ่อนเร้น
“หลังจากถังหนิงได้ชี้แจงทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับจู้ซิงมีเดีย คณะกรรมการบริหารจะสามารถตัดสินใจว่าจู้ซิงมีเดียจะอยู่หรือไปครับ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้อำนวยการหลินก็คิดว่าโม่ถิงกำลังยอมจำนน หากแต่เขาคาดไม่ถึงว่าโม่ถิงจะมีบางอย่างที่ยังพูดไม่จบ
“ในขณะเดียวกัน เราจะหารือกันผู้อำนวยการหลินจะถูกปลดออกจากกรรมการบริหารหรือไม่ด้วยครับ”
ทุกคนถึงกับตกตะลึงพลางเหลือบมองไปทางผู้อำนวยการหลิน
“ประธานโม่ ผมเป็นผู้ถือหุ้น คุณไม่มีสิทธิ์ทำอย่างนั้นนะครับ”
“คุณจะกลับบ้านไปตรวจสอบสัญญาเพื่อดูว่าผมมีสิทธิ์หรือเปล่าไหมล่ะครับ หือ” โม่ถิงปิดเอกสารในมือพร้อมโยนคำถามใส่อีกฝ่ายอย่างเฉยชา “ผมมั่นใจว่าพวกคุณทุกคนรู้ว่าผมเป็นคนยังไง ผมไม่เคยออมมือให้กับคนที่เข้ามาล้ำเส้นผม ยิ่งกับคนที่คอยทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับผมแล้ว ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะสงบปากสงบคำและนั่งอยู่เฉยๆ นะครับ”
ท่าทีของผู้อำนวยการหลินเปลี่ยนไปด้วยพูดอะไรไม่ออก
“ประธานโม่ครับ นึกถึงช่วงที่เราร่วมงานกันมาตลอดหลายปี ผมจะปล่อยเรื่องนี้ไปก็ได้ครับ”
“สายไปแล้วล่ะครับ” โม่ถิงตอบ “ตราบใดที่ผมยังเป็นประธานกรรมการบริหารของไห่รุ่ยอยู่ อำนาจของผมจะไม่ถูกสั่นคลอนหรอกครับ
“มารอให้ถังหนิงมาถึงดีกว่า!” โม่ถิงเอ่ยก่อนเอนตัวพิงเก้าอี้
จะมาโทษที่เขาโกรธไม่ได้
โม่ถิงได้ชี้แจงทุกอย่างเกี่ยวกับจู้ซิงมีเดียในการประชุมครั้งล่าสุดเรียบร้อยแล้ว ทั้งถังหนิงยังยอมถอยให้อีกด้วย หากแต่ผู้อำนวยการหลินกลับเห็นมันเป็นโอกาสในการทดสอบความอดทนของเขา
ผู้อำนวยการหลินเหงื่อแตกพลั่ก ทว่าไม่มีหนทางให้ได้กลับตัว คำพูดของโม่ถิงหมายความว่าเขาคงไม่อาจถอนตัวได้แล้ว
แต่เขาไม่เชื่อว่าผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ จะลงมติปลดเขาออกไป
สี่สิบนาทีต่อมาเป็นไปด้วยความเงียบสงัด ไม่มีใครสักคนกล้าลองดีกับโม่ถิงในขณะที่เขากำลังโกรธ
ไม่นานถังหนิงก็มาถึงด้านนอกห้องประชุมที่ไห่รุ่ย ระหว่างทางเธอได้ถามลู่เช่อถึงสถานการณ์ในตอนนี้
ผู้อำนวยการหลินกล้าดียังไงมาท้าทายโม่ถิงต่อหน้าทุกคนอีกครั้งกัน
เขาคิดว่าโม่ถิงจะอ่อนโยนลงหลังจากกลายเป็นพ่อคนและยอมถูกกดขี่ข่มเหงง่ายๆ จริงหรือ
“คุณผู้หญิง ทางนี้ครับ” ลู่เช่อเอ่ย แม้ว่าเขาจะรู้ว่าคนในห้องพร้อมที่จะขย้ำถังหนิงทั้งเป็น แต่ก็รู้ว่าถัง
หนิงไม่ใช่คนธรรมดา ความกดดันเพียงเท่านี้ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเธอแต่อย่างใด
ถังหนิงพยักหน้ารับก่อนผลักประตูเข้าไปในห้องประชุมและก้าวเข้าไปด้านใน
ผู้ถือหุ้นในห้องหันมามองถังหนิงเป็นตาเดียว พวกเขารู้ว่าการปรากฏตัวของเธอหมายถึงการต่อสู้ที่กำลังจะเริ่มขึ้น พวกเขาจึงทั้งรู้สึกระทึกใจและหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน
“มานี่สิครับ…” โม่ถิงว่าขึ้นพลางหันไปมองถังหนิง