ตอนที่ 636

Elixir Supplier

636 หนึ่งเข็ม

 

เมื่อเดินออกมาจากโรงพยาบาล ใบหน้าของเหอชื่อหลี่มีรอยยิ้มกว้างไม่ยอมหุบ เขายิ้มจนเห็นฟันเกือบทุกซี่ ถึงแม้ว่าฟันครึ่งหนึ่งจะหลุดออกไปแล้วก็ตามที

 

ฉันต้องกลับไปฉลองแล้วล่ะ ฉันต้องบอกข่าวดีกับเหอหลิงด้วย

 

ในตอนที่เขากำลังคิดจะโทรไปหาลูกสาวอยู่นั้น ลูกสาวของเขาก็โทรมาหาเขาพอดี

 

“ฮัลโหล พ่อเพิ่งจะไปตรวจที่โรงพยาบาลมาล่ะ พ่อไม่เป็นไรแล้วนะ ไม่ต้องห่วง” เหอชื่อหลี่พูด “ได้…ได้”

 

เหอชื่อหลี่และภรรยาพากันกลับบ้านด้วยอารมณ์ชื่นมื่น

 

 

ปักกิ่ง

 

ซูเสี่ยวซวีและชูเหลียนเดินทางกลับไปถึงที่บ้านตระกูลซู

 

“สนุกไหมจ๊ะลูก?” ซงรุ่ยปิงกำลังรอพวกเธออยู่

 

“ค่ะ สนุกมาก” ซูเสี่ยวซวีพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“ลูกคงจะเหนื่อยแล้ว ไปอาบน้ำแล้วพักผ่อนสักหน่อยดีกว่านะจ๊ะ” ซงรุยปิงพูด

 

“ดีค่ะ” ซูเสี่ยวซวีเดินขึ้นบันไดไป

 

“คุณผู้หญิง” ชูเหลียนพูด

 

“กั๋วเจิ้งเหอตามพวกเธอไปอีกแล้วเหรอ?” ซงรุ่ยปิงพูดด้วยท่าทีเคร่งขรึม

 

“ค่ะ” ชูเหลียนพูด

 

“เด็กคนนั้นมันยังไงกันแน่?” ซงรุ่ยปิงพูด “ฉันก็พูดไปชัดเจนแล้วนะ ว่าเราไม่คิดจะให้เสี่ยวซวีของเราแต่งงานกับเขาน่ะ”

 

เธอเคยได้ยินเรื่องบางอย่างที่กั๋วเจิ้งเหอทำในที่ทำงาน และมันก็ทำให้เธอรู้สึกไม่ประทับใจในตัวเขาเลย เธอยังบอกกับเขาไปแล้วหลายครั้ง ว่าลูกสาวของเธอไม่ได้สนใจเขา เธอจึงไม่เข้าใจ ว่าทำไมเขาถึงยังไม่ยอมแพ้อยู่แบบนี้

 

เขาต้องการอะไรกันแน่?

 

“มีอีกเรื่องค่ะ คุณผู้หญิง คุณหนูซูดูจะหลงหมอหวังมาก” ชูเหลียนพูด

 

“ฉันก็กังวลเรื่องนั้นเหมือนกัน” ซงรุ่ยปิงพูด

 

กั๋วเจิ้งเหอไม่ใช่ปัญหาที่แย่ที่สุดในตอนนี้ อย่างน้อยๆ เธอก็พูดอย่างชัดเจนกับเขาไปแล้ว ว่าเธอไม่คิดจะให้ลูกสาวของเธอแต่งงานกับเขา แต่ถ้าเขายังดึงดัน เธอก็จะปฏิเสธเขาอีกครั้งและบังคับให้เขาต้องล้มเลิกความคิดนั้นไปซะ ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดก็คือ ตระกูลของเธอกับตระกูลกั๋วอาจจะไม่ได้เป็นมิตรที่ดีต่อกันอีกต่อไป นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรในหมู่ตระกูลใหญ่ในปักกิ่ง แล้วเธอก็ไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ผิดด้วย แต่เรื่องของหวังเย้านั้นต่างกัน ลูกสาวของเธอรักเขามาก แต่ซงรุ่ยปิงไม่คิดว่า ลูกสาวของเธอจะได้รับความรักกลับคืนมา ซึ่งมันทำให้ลูกสาวของเธอต้องตกอยู่ในสถานะที่ดูกระอักกระอ่วน แล้วถึงเขาจะสามารถมอบความรักกลับคืนให้เธอได้ แต่ด้วยสถานะทางสังคมของเขาแล้ว มันทำให้คนทั้งสองไม่ใช่คู่ที่เหมาะสมกันเลย หวังเย้าเป็นหมอที่มีฝีมือเก่งกาจก็จริง แต่เขาไม่ได้มีภูมิหลังที่ดีหรือมีทรัพยากรมากมาย

 

คู่แต่งงานที่เหมาะสมควรมีพื้นฐานหลายๆอย่างที่คล้ายกัน นี่ถือเป็นกฎที่มีมาแต่โบราณ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญยิ่งสำหรับตระกูลแบบพวกเธอ แต่ถ้าหากลูกสาวของเธอต้องการจะคบกับหวังเย้าจริงๆ เธอก็ไม่คิดจะห้ามอะไรมาก

 

“คุณผู้หญิงคะ หลังจากที่คุณหนูซูไปบอกลาหมอหวังเป็นการส่วนตัวแล้ว เธอก็ดูเหมือนจะมีความสุขมากเลยค่ะ” ซูเหลียนผู้ที่ช่างสังเกตพูดออกมา

 

“ฉันเข้าใจแล้ว” หลังจากที่เงียบๆปพักหนึ่ง ซงรุ่ยปิงก็ตอบกลับไป

 

“บางที หมอหวังอาจจะพูดอะไรบางอย่างกับคุณหนูซูก็ได้ค่ะ” ชูเหลียนพูด

 

“ฉันจะลองถามเสี่ยวซวีดู” ซงรุ่ยปิงพูด

 

เธอรู้จักลูกสาวของเธอดี เธอไม่จำเป็นต้องฟังคำตอบจากปากลูกสาวของเธอเลยด้วยซ้ำ เพราะแค่ดูสีหน้าลูกสาวของเธอ มันก็บอกเธอทุกเรื่องแล้ว

 

 

ในขณะเดียวกัน อาเฟิงและครอบครัวก็เดินทางไปที่หมู่บ้านหวังเจียแต่เช้าตรู่

 

“คราวก่อนเราก็มารอกันตั้งนาน ดูเหมือนว่า คราวนี้เราก็ต้องรอนานอีกเหมือนเคย ผมบอกแล้ว ว่าเราไม่ต้องมาเช้าขนาดนี้ก็ได้” ลูกชายของอาเฟิงบ่นออกมา

 

“เลิกบ่นได้แล้ว” ภรรยาของอาเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม เธอกำลังอารมณ์ดีอย่างมาก

 

พวกเขาเดินทางมาถึงที่คลินิกก่อนเวลา 8.30 น. คลินิกยังไม่เปิด ดังนั้น พวกเขาจึงต้องรออยู่ด้านนอก ในขณะที่พวกเขากำลังรออยู่นั้น ก็มีคนมาถึงที่หน้าคลินิกอีกสองคน

 

พวกเขาเริ่มหันมาพูดคุยกันในระหว่างการรอ

 

หนึ่งในสองของคนไข้ที่มาทีหลังนั้นมาด้วยอาการปวดขา ส่วนอีกคนมาด้วยอาการปวดศีรษะ

 

“อะไรนะ? หมอหวังรักษาอาการเส้นเลือดอุดตันได้ด้วยเหรอ?” คนไข้ที่มีอาการปวดศีรษะถาม

 

“ใช่ สามีของฉันกำลังรักษากับเขาอยู่ ตอนนี้ อาการของเขาก็ดีขึ้นมากแล้วด้วย” ภรรยาของอาเฟิงพูด

 

“หมอหวังเป็นหมอที่เก่งจริงๆ ทั้งที่เขายังอายุน้อยอยู่แท้ๆ” คนไข้ที่ปวดขาพูด

 

“ใช่ค่ะ” ภรรยาของอาเฟิงพูด

 

ในตอนที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่นั้น หนึ่งในนั้นก็เห็นหวังเย้ากำลังเดินลงมาจากเนินเขาหนานชาน

 

“หืม นั่นใช่หมอหวังรึเปล่า?” คนไข้ที่ปวดศีรษะพูดขึ้นมา

 

“ใช่แล้วล่ะค่ะ” ภรรยาของอาเฟิงพูด

 

หวังเย้าเดินลงมาจากเขาเพื่อตรงไปที่คลินิก

 

“เขาชอบเดินมาจากทางนั้นตลอดเลยนะ” คนไข้ที่ปวดศีรษะพูดขึ้นมา

 

“คุณมาที่นี่กี่ครั้งแล้วเหรอ?” คนไข้ที่ปวดขาถาม “เขาอาจจะเพิ่งไปออกกำลังกายมาก็ได้”

 

หวังเย้าปลดล็อคประตูและเชิญทุกคนเข้าไปด้านใน ใครมาก่อนก็ได้ตรวจก่อนตามลำดับ คนไข้ต่างเดินไปเข้าคิวโดยไม่ต้องมีใครบอก

 

อาเฟิงมาถึงคลินิกเร็วที่สุด ดังนั้น เขาจึงเป็นคนแรกที่ได้รับการรักษา

 

“ตอนนี้ หน้าของคุณดูเป็นปกติดีแล้วนะครับ” หวังเย้าพูด

 

“ครับ ตอนนี้ มันปกติดีมากเลย” อาเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม การพูดของเขาก็ยังชัดเจนมากด้วย

 

“ผมขอตรวจดูขาของคุณหน่อยนะครับ” หวังเย้าพูด

 

การเคลื่อนไหวของแขนข้างที่มีปัญหานั้นดีกว่าขาข้างเดียวกันมาก

 

“คุณลองยกขาขึ้นอีกหน่อยได้ไหมครับ?” หวังเย้าขอให้เขายกขาในแบบต่างๆ “นั่งก่อนนะครับ ผมจะฝังเข็มรักษาให้คุณต่อ”

 

คนไข้อีกสองรายเฝ้ามองหวังเย้าที่กำลังฝังเข็มให้กับอาเฟิง ทุกคนต่างเงียบเสียง

 

ไม่นาน หวังเย้าก็ฝังเข็มลงบนศีรษะของอาเฟิงไปแล้ว 10 กว่าเล่ม ในบางครั้ง เขาก็จะหมุนเข็มแต่ละอัน หลังจากนั้นสักพัก เขาก็ดึงเข็มออกจนหมด

 

“ช่วยลุกขึ้นยืน แล้วลองเดินดูนะครับ” หวังเย้าพูด

 

อาเฟิงลุกขึ้นยืนและเดินกลับไปกลับมาอยู่สองครั้ง ขาของเขายังคงเดินไม่ตรงเหมือนเดิม

 

หวังเย้าเริ่มนวดรักษาให้กับเขา การนวดเริ่มต้นจากส่วนศีรษะ ในจุดที่เขาเคยฝังเข็มลงไป แล้วขยับไปที่ลำตัวของเขา สุดท้าย หวังเย้าก็เลื่อนลงไปนวดที่ขาข้างที่มีปัญหา เขาไล่ไปตามเส้นเลือดจากลำตัวลงมาสู่ขาของคนไข้

 

อาเฟิงรู้สึกสบายอย่างมาก เขารู้สึกอุ่นไปทั่วร่างกาย โดยเฉพาะขาข้างที่มีปัญหา ซึ่งมักจะรู้สึกเย็นอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้ เขารู้สึกว่า ขาข้างที่มีปัญหาของเขากำลังแช่อยู่ในน้ำอุ่น มันให้ความรู้สึกที่ดีอย่างมาก

 

หลังจากที่หวังเย้านวดขาข้างที่มีปัญหาเสร็จแล้ว เขาก็ย้ายไปนวดที่แขนต่อ การรักษาจนครบทุกขั้นตอนนั้นใช้เวลาค่อนข้างมาก ตั้งแต่การฝังเข็มไปจนถึงการนวด หวังเย้าใช้เวลาในการรักษาไปถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่ง

“เรียบร้อยครับ ตอนกลับไปที่บ้าน ก็อย่าลืมกินยาด้วยนะครับ แล้วอีกสองวันให้กลับมาอีกครั้งนะครับ” หวังเย้าพูด

 

“ได้ครับ” อาเฟิงพูด

 

หลังจากที่จ่ายค่ารักษาเสร็จเรียบร้อยแล้ว อาเฟิงและครอบครัวก็พากันกลับ

 

“คุณรู้สึกเป็นยังไงบ้าง?” ทันทีที่เดินพ้นประตูคลินิก ภรรยาของอาเฟิงก็เอ่ยปากถามขึ้นมา

 

“อืมมม ฉันรู้สึกว่าขาข้างนี้เบาขึ้นเยอะเลยล่ะ แล้วยังสามารถควบคุมมันได้ดีขึ้นด้วย” อาเฟิงพูด

 

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วนะ” ภรรยาของเขาพูด

 

หวังเย้าเริ่มให้การรักษาคนไข้ที่รออยู่อีกสองราย

 

“หมอหวัง ฉันรู้สึกปวดแปลบข้างในขา จนฉันยืนแทบไม่ไหวเลยล่ะ” หญิงวัย 50 พูด

 

“คุณป้าเจ็บตรงส่วนไหนครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ตรงหน้าแข้งกับส้นเท้า” เธอตอบ

 

“ครับ คุณป้านั่งก่อนนะครับ ผมขอตรวจดูก่อน” หวังเย้าพูด “ช่วยถอดรองเท้าออกด้วยนะครับ”

 

คนไข้ถอดรองเท้าออก ฝ่าเท้าของเธอแบนราบเสมอกัน ส่วนโค้งที่บริเวณเท้าของเธอเกิดความเสียหาย

 

“ช่วงนี้คุณป้ายุ่งไหมครับ? แล้วต้องยืนตลอดเลยรึเปล่า?” หวังเย้าถามขึ้นมาในตอนที่เขากำลังตรวจดูฝ่าเท้าของคนไข้อยู่

 

“ใช่ ฉันยุ่งอยู่กับการเลี้ยงเด็กน่ะ” เธอตอบ

 

“เด็กอายุเท่าไหร่ครับ?” หวังเย้าถาม

 

“เกือบจะได้ขวบหนึ่งแล้วล่ะ” เธอพูด

 

“คุณป้าต้องอุ้มเขาตลอดเลยเหรอครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ใช่ เขาไม่ยอมนั่งอยู่กับที่เลย เอาแต่ร้องจะออกไปข้างนอกตลอด” เธอพูด เธอมีความสุขเมื่อได้พูดถึงหลานชายของเธอให้คนอื่นฟัง

 

“คุณป้ายังมีเส้นเลือดขอดด้วยนะครับ” หวังเย้าสังเกตุเห็นเส้นเลือดนูนขึ้นในบริเวณน่องของคนไข้

 

“ใช่ มันมีมานานแล้วล่ะ ตอนทำงาน ฉันเคยต้องยืนตลอดเวลา แล้วฉันก็ทำแบบนั้นมาเป็น 10 ปีแล้วด้วย” เธอพูด

 

“ตรงนี้เจ็บไหมครับ?” หวังเย้ากดไปที่เข่าของเธอ

 

“ค่ะ โอ๊ย! ตรงนั้นเลยค่ะ” เธอพูด

 

หวังเย้าพยักหน้า เขารู้ปัญหาของเธอแล้ว

 

“คุณป้าเจ็บที่ส้นเท้า เพราะฝ่าเท้าของคุณป้าแบนราบ เกิดจากส่วนโค้งที่ยุบตัวลงครับ” หวังเย้าพูด “เวลายืนนานๆ คุณป้าก็จะรู้สึกปวดขาขึ้นมา คุณป้าต้องหารองเท้าหรือพื้นรองเท้าที่ช่วยรองรับส่วนโค้งของฝ่าเท้า เพื่อลดการเจ็บปวดลง ส่วนขาที่มีอาการปวด ก็มาจากเรื่องเดียวกันครับ”

 

“หมอช่วยให้หายปวดได้ไหม?” เธอถาม “เวลายืนทีไร ฉันก็จะรู้สึกเจ็บเหมือนมีเข็มมาทิ่มตลอดเลย ฉันเกือบจะต้องกินยาแก้ปวดแล้วตอนนี้”

 

“ได้สิครับ” หวังเย้าพูด

 

หวังเย้าหยิบเข็มเล่มยาวออกมาเล่มหนึ่ง แล้วแทงเข็มลงไปที่ขาช่วงบนของเธอ เขาหมุนเข็มเล็กน้อย “ตอนนี้ คุณป้าช่วยลุกขึ้นยืนและลองเดินสักสองสามก้าวนะครับ”

 

คนไข้ลุกขึ้นและก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว

 

“โอ้โห ตอนนี้ ฉันไม่รู้สึกเจ็บแล้ว” เธอพูด “นี่มันยอดไปเลย!”

 

หวังเย้าใช้เข็มเพียงเล่มเดียวเพื่อหยุดอาการปวดของเธอ ทั้งๆที่ทุกอย่างที่เธอเคยลองทำที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นโป๊ะผ้าร้อนและแปะพลาสเตอร์ยาต่างก็ไม่เห็นผลอะไรเลย

 

“ขอบคุณหมอมากนะคะ” เธอพูดอย่างยินดี

 

“คุณป้าต้องเลิกยืนนานๆได้แล้วนะครับ แล้วก่อนนอนทุกคืน คุณป้าก็ควรแช่เท้าในน้ำอุ่นด้วย” หวังเย้าพูด

 

ถ้าคุณป้ารู้สึกเจ็บขึ้นมาอีก ให้คุณป้านวดตรงนี้นะครับ” หวังเย้ากดลงไปบนเข่าของคนไข้อยู่สองสามจุด

 

“เข้าใจแล้วค่ะ” เธอพูด “แล้วค่ารักษาเท่าไหร่คะ?”

 

“ไม่คิดครับ” หวังเย้าส่ายหน้า

 

“ไม่ได้ ยังไงฉันก็ต้องจ่ายให้หมอ!” เธอดึงดัน

 

“ก็ได้ครับ ตอนนี้คุณป้ากลับบ้านได้แล้วนะครับ” หวังเย้าพูด

 

“ขอบคุณมากนะคะ” เธอพูด “ฉันคงต้องรีบกลับไปดูหลานแล้ว!”

 

คนไข้รายที่สาม มาด้วยอาการปวดศีรษะ

 

“ผมรู้สึกปวดตรงนี้ลามมาถึงกระบอกตาเลย” ชายวัย 40 ชี้ไปที่ศีรษะด้านซ้ายของเขา