“เจ้าต้องการสิ่งใด ?” ผู้นำขุมกำลังกระจกจันทรากล่าวถาม
มู่เฉียนซีหยิบใบรายการสมุนไพรวิญญาณออกมา “สมุนไพรวิญญาณระดับปฐพีตามในใบรายการนี้ ขอเพียงแค่ขุมกำลังกระจกจันทราของพวกท่านมอบให้ข้าเพียงต้นเดียว ข้าจะทำการรักษาท่านผู้อาวุโสใหญ่ในทันที”
ผู้นำขุมกำลังกระจกจันทราได้เชิญนักปรุงยาของหุบเขามาเสาะถามหาสมุนไพรวิญญาณระดับปฐพี
ทว่าไม่มี… ไม่มีแม้แต่ชนิดเดียว
ผู้นำขุมกำลังกระจกจันทรากล่าวถามขึ้น “พวกเรามีสมุนไพรวิญญาณระดับปฐพีชนิดอื่น ไม่ทราบว่าจะทดแทนได้หรือไม่ ?”
“ชนิดอื่น ต่อให้มีแต่ก็ไร้ประโยชน์ สิ่งที่ข้าต้องการคือสมุนไพรเหล่านี้”
ที่ทางตกของเซี่ยโจว แม้กระทั่งหุบเขากระจกจันทราที่ลึกลับเช่นนี้ยังมีสมุนไพรวิญญาณระดับปฐพีเพียงไม่กี่ชนิด ดูท่าว่านางต้องเร่งคิดหาวิธีไปหาทางทิศกลางและทางทิศตะวันออกเสียแล้ว
เวลาไม่เคยคอยใคร…
ผู้นำขุมกำลังกระจกจันทราขมวดคิ้วเป็นปม เขากล่าวออกมา “เจ้าหนุ่ม หากเจ้าสามารถรักษาผู้อาวุโสใหญ่ได้ หุบเขากระจกจันทราจะใช้กองกำลังทั้งหมดช่วยเจ้าหาสมุนไพรวิญญาณ ตอนนี้เจ้าโปรดช่วยรักษาก่อนได้หรือไม่ ?”
ปรมาจารย์นักปรุงยาเวินเหรินกระซิบเพื่อให้มู่เฉียนซีได้ยินผู้เดียว “มู่เฉียนซี ความแข็งแกร่งของขุมกำลังกระจกจันทราไม่ธรรมดาเลย ข้อเสนอนี้ก็ถือว่าไม่เลว หรือว่า…”
“เช่นนั้นก็ได้ เตรียมห้องปรุงยาให้ข้าสักหน่อยเถิด”
“ตกลง”
ผู้นำขุมกำลังกระจกจันทรารู้ว่าไม่มีทางรักษาได้แล้ว แต่ก็ยังคงมีความหวังแม้จะน้อยนิดก็ตามที เขาเห็นว่าท่านปรมาจารย์นักปรุงยาเวินเหรินมีความไว้วางใจในตัวเด็กหนุ่มผู้นี้มาก และเขาก็เชื่อสายตาของปรมาจารย์นักปรุงยาเวินเหรินเช่นกัน
บาดแผลที่ซ่อนอยู่ในร่างของผู้อาวุโสใหญ่นั้นร้ายแรงมาก แม้ว่าปรมาจารย์นักปรุงยาเวินเหรินจะรักษาแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น มู่ซีเด็กหนุ่มผู้นี้ก็มีวิธีรักษาอีกวิธีหนึ่ง
นางใช้เวลาในการปรุงยาครึ่งค่อนวัน ในขณะที่ผู้นำขุมกำลังกระจกจันทราเห็นยาที่นางปรุงออกมา เขาพลันรู้สึกเหลือเชื่ออย่างมากในทันใด
“เจ้าคงจะไม่ใช้ยานี่รักษาหรอกใช่หรือไม่ ? สิ่งนี้มันจะช่วยอะไรได้ ?”
ปรมาจารย์นักปรุงยาเวินเหรินยิ้ม กล่าวขึ้น “ดูเหมือนว่าหุบเขากระจกจันทราจะซ่อนตัวจากโลกภายนอกเสียนานเลยไม่รู้ว่าตอนนี้ทางตกของเซี่ยโจวเรามีหอหมอปีศาจ ในหอหมอปีศาจเปิดขายยาเหย้าจี้หรือแผนปัจจุบัน ยาบางตัวก็มีสรรพคุณดีเลิศกว่ายาลูกกลอนเสียอีก”
มู่เฉียนซีนำเอายาบรรจุไว้ก่อนจะกล่าวว่า “หากเชื่อข้า เช่นนั้นข้าจะลงมือทันที”
ทันใดนั้นเอง ผู้อาวุโสใหญ่จิ้งเยี่ยกล่าวขึ้นมา “หากเกิดอันตรายกับข้า เจ้าอย่าหวังว่าจะออกไปจากหุบเขากระจกจันทราได้ เช่นนี้แล้ว ข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างไรกันเล่า ?”
“อืม”
เข็มยาเจ็ดชนิดถูกฉีดเข้าไปในร่างกายของผู้อาวุโสใหญ่จิ้งเยี่ย จากนั้นผู้อาวุโสใหญ่รู้สึกอ่อนเพลียไปชั่วขณะ ตกอยู่ในอาการสะลึมสะลือ
มู่เฉียนซี “ขั้นตอนต่อไปข้าจะหลอมยา รอให้ผู้ผู้อาวุโสใหญ่ฟื้นขึ้นมาแล้วค่อยกินยา”
ผู้นำขุมกำลังกระจกจันทรายังคงฉงนสงสัยเกี่ยวกับเด็กหนุ่มมู่ซี แต่ถึงอย่างไร ทุกอย่างก็ต้องรอให้ถึงวันพรุ่งเสียก่อน
……
หลังจากที่มู่เฉียนซีออกจากสำนักตานซินไปยังหุบเขากระจกจันทราได้ไม่นาน มียอดฝีมือผู้แข็งแกร่งจำนวนมากมาที่สำนักตานซิน
ภายในชั่วพริบตาเดียว สำนักตานซินก็สูญเสียอย่างหนัก แม้แต่เจ้าสำนักเองก็ไม่ทันได้ตั้งตัวรับมือ
สีหน้าของเจ้าสำนักตานซินซีดเผือดเมื่อเห็นกลุ่มคนเหล่านั้น “พวกเจ้า… พวกเจ้าเป็นใคร ? คนของสำนักอวิ๋นเยียนรึ ?”
ผู้ที่มานั้นเป็นผู้มีพลังแข็งแกร่ง ระดับพลังวิญญาณก็เป็นถึงระดับจักรพรรดิแห่งภูต ทั่วทั้งเซี่ยโจวสำนักที่น่ากลัวเช่นนี้มีเพียงหนึ่งเดียวนั่นก็คือสำนักอวิ๋นเยียนที่สามารถนำกำลังคนที่แข็งแกร่งเช่นนี้มาได้
คนในชุดสีขาวเดินออกมาท่ามกลางฝุ่นละออง สายลมพัดโชย กลิ่นหอมของยาบนร่างคนชุดขาวผู้นั้นพัดกระจายคลุ้งโชยไปทั่วทั้งบริเวณ เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “สำนักอวิ๋นเยียนอะไรกัน ?”
หัวใจของเจ้าสำนักตานซินสั่นคลอน พวกเขาใช้น้ำเสียงเช่นนี้กับสำนักอวิ๋นเยียน คงไม่ใช่สำนักอวิ๋นเยียนแล้วกระมัง!
ตกลงแล้วกลุ่มคนเหล่านี้มาจากแห่งหนใดกันแน่ ?
“ส่งแผนที่ของหม้อเทพนิรันดร์มาให้ข้าประเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นสำนักของเจ้าจะถูกล้างด้วยเลือด!”
“แผนที่หม้อเทพนิรันดร์ สิ่งที่เจ้ากล่าวถึงนั้นข้าไม่มี”
หม้อเทพนิรันดร์ เจ้าแห่งหม้อปรุงยา มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน หากพวกเขามีแผนที่ของหม้อศักดิ์สิทธ์สิ่งนั้น สำนักตานซินของพวกเขาคงจะกลายเป็นสำนักนิกายอันดับหนึ่งไปนานแล้ว
เจ้าสำนักตานซินรู้สึกว่าหากสำนักของเขาถูกทำลายไปเช่นนี้ มันไม่ยุติธรรมกับสำนักของเขาแม้แต่น้อย
“ม้วนไม้ไผ่โบราณอย่างไรเล่า! เจ้าอย่าบอกข้าว่ามันไม่ได้อยู่กับสำนักตานซินของเจ้า”
ม้วนไม้ไผ่โบราณ!
“ข้าได้ม้วนไม้ไผ่โบราณนั้นมาด้วยความบังเอิญเมื่อสิบปีก่อน ข้าพยายามศึกษามาเป็นสิบปีทว่าก็ไม่รู้ว่ามันคือสิ่งใด ข้ามอบให้คนอื่นไปแล้ว”
— ตูม! —
พลังอันแข็งแกร่งที่น่ากลัวอย่างยิ่งพุ่งออกมา เกือบจะฉีกทำลายเจ้าสำนักตานซินไม่เหลือชิ้นดี
— ตุบ! —
เจ้าสำนักตานซินล้มลงไปกับพื้น ร่างกายเต็มไปด้วยเลือด เขากล่าวอย่างอ่อนแรง “สิ่งที่ข้ากล่าวล้วนแต่เป็นความจริงทั้งสิ้น เวลานี้มู่ซี เอ่อ… ผู้ถือครองม้วนไม้ไผ่โบราณอยู่ที่หุบเขากระจกจันทรา หากพวกเจ้าไม่เชื่อก็ตามไปดูที่หุบเขากระจกจันทราได้”
“หวังว่าสิ่งที่เจ้าพูดนั้นจะเป็นความจริง”
“ไป!”
หนึ่งในคนกลุ่มนั้นกล่าวขึ้นว่า “พี่ใหญ่ พวกนั้นไปไล่ตามคนแซ่จวินผู้นั้นแล้ว คนแซ่จวินผู้นั้นครอบครองแผนที่อันสำคัญอยู่ เราไม่ควรล่าช้ากว่าพวกนั้น ถึงอย่างไรเราก็ต้องได้ม้วนไม้ไผ่โบราณส่วนนี้มาก่อน”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
……
อรุณรุ่งในวันต่อมา
ผู้อาวุโสใหญ่จิ้งเยี่ยฟื้นตื่นขึ้น เขารู้สึกว่าร่างกายของตนในตอนนี้ดีขึ้นกว่าเดิมมากนัก ไม่น่าเชื่อว่ายาเจ็ดเข็มนั่นจะช่วยเขาได้ประหนึ่งชุบชีวิตเขาขึ้นมาอีกครั้ง
เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่ออย่างแท้จริง
— ฟิ้ว! —
มู่เฉียนซีโยนขวดยาขวดหนึ่งออกมา
“ต่อไปท่านก็กินยานี้ ปรับสภาพร่างกายอีกครึ่งปีทุกอย่างก็จะฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติดังเดิม ส่วนเรื่องที่รับปากข้าไว้ ท่านก็ช่วยเร่งมือให้ข้าหน่อยล่ะ ข้ารอได้ไม่นานนัก”
สำหรับเรื่องที่มู่เฉียนซีได้รักษาอาการป่วยให้กับผู้อาวุโสใหญ่ของพวกเขาไว้นั้น พวกเขาขุมกำลังกระจกจันทรารู้สึกตื้นตันใจมาก
“ขุมกำลังกระจกจันทราของพวกเรากล่าวคำไหนคำนั้น จะรีบช่วยเจ้าหาสมุนไพรวิญญาณระดับปฐพีเหล่านั้นมาให้เร็วที่สุด”
ในขณะที่มู่เฉียนซีกำลังจะออกจากหุบเขากระจกจันทรา ทันใดนั้นศัตรูก็บุกเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว
ผู้อาวุโสใหญ่จิ้งเยี่ยที่กำลังเอนกายอยู่บนเตียงผงะไปครู่หนึ่ง “พลังวิญญาณระดับสูงสุด จักรพรรดิแห่งภูต… เหตุใดจักรพรรดิแห่งภูตผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ถึงมาหุบเขากระจกจันทราได้ หรือจะเป็นคนของสำนักอวิ๋นเยียน ?”
อีกฝ่ายบุกเข้ามาในขุมกำลังกระจกจันทราอย่างอุกอาจ เห็นได้ชัดว่าคนกลุ่มนี้ไม่ได้มาดี
เหล่าบรรดายอดฝีมือทั้งหมดของขุมกำลังกระจกจันทราออกไปรับหน้า แต่ถึงกระนั้นความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่ายยังห่างไกลกันมาก ขุมกำลังกระจกจันทราไม่มีผู้ใดมีพลังในระดับจักรพรรดิแห่งภูตเลย ดังนั้นคนเหล่านี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา
ผู้นำขุมกำลังกระจกจันทรากล่าวถามว่า “พวกเจ้าเป็นใครกัน มาหุบเขากระจกจันทราด้วยเหตุอันใด ?”
อีกฝ่ายแค่นเสียงเย็นชา “ใครคือมู่ซี ข้าต้องการพบมู่ซีประเดี๋ยวนี้!”
มู่เฉียนซีสะดุ้งเล็กน้อย เหล่าผู้แข็งแกร่งกลุ่มนี้มาตามหาตัวนางรึ ? นางเหลือบไปมองคนเหล่านั้น พวกเขาไม่ใช่คนของสำนักอวิ๋นเยียน เช่นนั้นแล้วมาตามหาตัวนางด้วยเหตุอันใดกัน ?
มู่เฉียนซีกล่าวถาม “พวกเจ้าแน่ใจหรือว่ามาตามหาข้า ?”
เหล่าผู้แข็งแกร่งมองไปที่ชายหนุ่มชุดขาวที่แต่งตัวอย่างสุภาพก่อนจะกล่าวว่า “เจ้า… เจ้าได้ม้วนไม้ไผ่โบราณมาจากสำนักตานซิน ส่งมันมาให้ข้าซะ!”
การแสดงออกของมู่เฉียนซีเปลี่ยนไปเล็กน้อย สำนักตานซินประมาทยิ่งนัก มีของล้ำค่าอยู่ในมือแต่กลับไม่รู้ว่าเป็นสิ่งใด มิหนำซ้ำยังแพร่งพรายให้ผู้อื่นรู้ ถึงได้ดึงดูดศัตรูอันทรงพลังเช่นนี้มา
มู่เฉียนซีกล่าวถามด้วยความฉงนสงสัย “พวกเจ้าหมายถึงสิ่งใดกัน ?”
หม้อเทพนิรันดร์เป็นสิ่งที่นางปรารถนาจะตามหามาให้ได้ กว่าจะได้เบาะแสมานั้นไม่ง่ายเลย นางยังไม่ได้ทำการศึกษาแต่อย่างใด เหตุใดถึงจะต้องไปยอมมอบให้คนกลุ่มนี้โดยง่าย ?
“อย่าเสียเวลาพูดพล่ามไร่สาระกับเจ้าเด็กหนุ่มนี่เลย ไม่จับตัวมันมาก่อน ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะบังคับให้มันพูดออกมาไม่ได้ หากเสียเวลาไปมากกว่านี้ พวกนั้นคงจะจับตัวบุรุษแซ่จวินนั้นได้ก่อนเป็นแน่”
.