บทที่ 47 ปัญหาของวิกเตอร์ Ink Stone_Fantasy
ลูเซียนถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครืออ่อนแรง “ปิ…ปิแอร์ … เจ้ารู้จักผู้หญิงอีกสามคนนั้นไหม?” ลูเซียนรู้สึกถึงความอันตรายในดวงตาสีฟ้าของผู้หญิงคนสุดท้ายคนนั้นได้ดี
“ไม่นะ แต่ข้าพอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น” ปิแอร์ยักไหล่ “ท่านหญิงซิลเวียมีสหายเป็นสตรีชั้นสูงหลายคน บางคนเป็นอัศวินที่ปลุกพรสำเร็จแล้ว แล้ว…เจ้าไปทะลึ่งจ้องขาของนางขนาดนั้น สหายของนางคงใช้พลังสั่งสอนให้บทเรียนกับเจ้า”
“งั้นหรือ… ข้าคิดว่าหญิงสาวคนนั้นน่าจะเป็นเจ้าหญิงนาตาชาใช่ไหม พลังของนางถึงรุนแรงมาก ถ้าไม่ใช่เจ้าหญิงนาตาชา นึกไม่ออกเลยว่าจะมีสตรีอัศวินนางใดในนครอัลโตที่มีพลังขนาดนั้น ผู้หญิงที่แก่กว่าที่อยู่กับนางคงเป็นองครักษ์สินะ….” ลูเซียพูดกับปิแอร์อย่างใช้ความคิด
“ไม่ว่าพวกนางจะเป็นใคร สหาย ผู้หญิงสูงศักดิ์ไม่มองเจ้าหรอก ไม่มีทาง” ปิแอร์ตบบ่าลูเซียน “ผู้หญิงสูงศักดิ์ไม่มาเวลาเสียกับคนสามัญอย่างเราหรอก”
แม้ทุกคนได้รับพรศักดิ์สิทธิ์ แต่ลูกหลานของชนชั้นสูงย่อมมีโอกาสปลุกพรมากกว่าใครๆ ดังนั้น ชนชั้นสูงจะไม่ร่วมหอลงโรงกับสามัญชน แต่จะเลือกเฉพาะชนชั้นสูงด้วยกันเพื่อรักษาเลือดบริสุทธิ์
“ท่านหญิงซิลเวียเป็นนางฟ้าของข้า แต่ก็ไกลเกินเอื้อมถึง ความหวังอย่างเดียวของพวกเราคือดนตรี สหายข้า” ปิแอร์พูดน้ำเสียงจริงจัง ทั้งที่ตัวเองกำลังเขินหน้าแดงก่ำ
อีกหลายชั่วโมงต่อมา ลูเซียนต้องทรมานกับความง่วง เมื่อถึงเที่ยงวัน ลูเซียนบอกปัดคำชวนกินอาหารกลางวันกับปิแอร์ และมุ่งหน้ากลับบ้านเพื่อของีบเอาแรง
ขณะลูเซียนกำลังเดินลงบันได เขาเห็นเอเลน่ากำลังพูดคุยหยอกล้อกับชายหนุ่มร่างสูง ผมทองเป็นประกาย รูปร่างกำยำ หน้าตาดี ด้วยเสื้อผ้าชั้นดีที่เขาใส่ ลูเซียนรู้ว่าเขาเป็นชนชั้นสูง
เมื่อบุรุษผู้นี้ร่ำลาเอเลน่าเสร็จและเดินลงบันไดผ่านหน้าลูเซียน เขาเป็นคนหน้าหล่อเหลาเอาการทีเดียว
ลูเซียนลงบันไดมาแซวเอเลเน่ “เจ้าชอบเขาหรือ?”
“ไม่เอาน่า ลูเซียน…เจ้าเป็นสหายข้า เจ้าดูไม่ออกหรือว่าข้าต้องแกล้งยิ้ม?” เอเลเน่าตอบเสียงแผ่วพลางนวดหน้าเบาๆ “เขาคือเม็กเคนซี กริฟฟิธ ทายาทลำดับที่สองของตระกูลกริฟฟิธ ลูกศิษย์ของผู้อำนวยการโอเทลโล่ แล้วก็เป็นคนเจ้าชู้ตัวพ่อในสมาคมของเรา”
“ตระกูลกริฟฟิธ?” ลูเซียนเคยได้ยินชื่อตระกูลนี้มาก่อน
“ใช่กริฟฟิธ” เอเลน่าพยักหน้า “ถ้าข้าจำไม่ผิด เจ้ารู้จักกับล็อตต์ใช่ไหม? เม็กเคนซีเป็นลูกพี่ลูกน้องของล็อตต์ เขาเล่นฮาร์ปซิคอร์ดกับไวโอลินเก่งมาก”
“งั้นหรือ…แล้วทำไมเจ้าไม่ชอบเขาละ? ทำไมต้องแกล้งทำดีด้วย?” ลูเซียนยิงคำถาม
“คือ…ข้ารู้ว่าไม่ควรพูดถึงพวกชั้นสูงอย่างนี้ แต่เขาเลวเสียไม่มี เม็กเคนซีเป็นตัวเจ้าชู้ตัวพ่อ ใครๆ ก็รู้พฤติกรรมของเขา เขาชอบใช้กำลังบังคับงผู้หญิงที่ไม่สนใจเขา ยิ่งคนที่ทำเย็นชาใส่เขา ว่ากันว่า ครั้งหนึ่งผู้หญิงจากตระกูลสามัญชนปฏิเสธเขาหลายครั้ง สุดท้ายก็โดนเขา เขา…” เอเลน่าแสดงสีหน้าท่าทางรังเกียจ
“ดูแลตัวเองด้วย เอเลน่า” เขาพูดด้วยความเป็นห่วง “แต่อีกไม่กี่ปี เจ้าก็คงแต่งงานแล้ว ข้าว่านะ”
“แต่งงาน…” เอเลน่าถอนหายใจเฮือกใหญ่ นัยน์ตาดูเศร้า “ข้าได้เจอกับนักดนตรีเก่งๆ สุภาพบุรุษในสมาคมมาเยอะแยะ ข้าไม่มีทางกลับไปแต่งงานกับคนสามัญได้หรอก”
เอเลน่าพูดถูก คนที่เคยกินแต่อาหารชั้นดี คงกลืนขนมปังหยาบๆ กับน้ำเปล่าไม่ลง
“แล้วเจ้าวางแผนไว้อย่างไร เอเลน่า?” ในฐานะเพื่อน ลูเซียนเป็นห่วงเอเลน่าจริงๆ
“อืม…บางทีอาจยอมเป็นเมียเก็บให้กับพวกชั้นสูงหรือนักดนตรีดังๆ มั้ง…” เอเลน่าหัวเราะ พอเห็นลูเซียนทำหน้าตกใจ “ข้อล้อเล่น! ข้าเก็บเงินได้ก้อนหนึ่ง คิดว่าจะเริ่มเรียนดนตรีเหมือนเจ้า ลูเซียน!”
“ว้าว เจ๋งมาก เอเลน่า” ลูเซียนประทับใจ หญิงสาวตัวคนเดียวที่ต้องทำงานหนักมักมีเรื่องให้น่าประทับใจเสมอ
“ข้ารู้! ข้าอยากเป็นเหมือนท่านหญิงซิลเวีย สักวันข้าต้องเป็นศิลปินหญิงที่ทั้งสวยทั้งเก่งให้ได้เหมือนนาง ถ้าเก่งเรื่องดนตรีแล้ว ก็ไม่มีใครสนใจว่าอายุขนาดนางแล้วทำไมยังโสดอยู่ เพราะนางไม่ต้องการผู้ชายแล้ว โลกทั้งใบของนางคือดนตรี! ข้ารู้ว่ามีนักดนตรีหลายคนในสมาคมตกหลุมรักนาง…คิดดูสิ ขนาดท่านวิกเตอร์ก็เป็นกับเขาด้วย”
ภรรยาของวิกเตอร์เสียชีวิตไปแล้วเกือบสิบปี ตั้งแต่นั้นมาวิกเตอร์ก็ครองตัวเป็นโสดและทุ่มเทชีวิตให้กับดนตรี ทุกคนในสมาคมรู้ดี ไม่เว้นแม้แต่ลูเซียน
“งั้นเจ้าก็อยากเป็นลูกศิษย์ของท่านหญิงซิลเวีย” ลูเซียนถามต่อ
“ก็จะลองดูนะ แต่ท่านหญิงซิลเวียไม่ค่อยรับลูกศิษย์” เอเลน่าพยักหน้า ตาสีเขียวของเธอเต็มไปด้วยความสุขและความตื่นเต้น “หรือให้ข้าเป็นลูกศิษย์เจ้า ลูเซียน พอเจ้าเป็นนักดนตรีที่เก่งๆ แล้ว” เธอยิ้ม
“ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง” ลูเซียนหัวเราะตามๆ กัน
…
พอมีวัตถุเวทมากมาย ลูเซียนก็ไม่ได้เข้าร่วมประชุมกับกลุ่มนักเวทฝึกหัดในหลายๆ ครั้งต่อมา เขาคัดลอกวารสารอาร์คานาลงในห้องสมุดห้วงจิตก่อนที่จะฝังไว้ที่ฐานกำแพง ให้สไมล์มาเอาคืนไป
จากข้อความที่สไมล์ทิ้งไว้ ลูเซียนรู้ว่าพวกนักเวทฝึกหัดผิดหวังและรอให้เขากลับไปร่วมวงอีกครั้ง แต่ลูเซียนไม่อยากรีบ เขาอยากใช้เวลาอีกสองสามสัปดาห์เพื่อซึมซับความรู้ที่ได้จากวารสารและการประชุมครั้งที่แล้ว
…
เวลาผ่านไป เมื่อลูเซียนสามารถร่ายเวทระดับฝึกหัดได้ติดต่อกันเก้าครั้ง และใกล้จะก้าวสู่ระดับต่อไป ระดับนักเวทฝึกหัดชั้นกลาง แต่ก็มีเวลาอยู่เพียงเดือนเดียวที่ก่อนถึงคอนเสิร์ตของวิกเตอร์ ณ ซาล์มฮอล
เมื่อหมดแรงบันดาลใจ ชีวิตนักดนตรีก็ต้องเครียดวนเวียนอีกครั้ง ในหัวสมองของวิกเตอร์ยังไม่มีทำนองเพลงที่สี่ ซึ่งเป็นซิมโฟนีเพลงสุดท้ายผุดขึ้นมา นานวันเข้าเขาก็เครียดเกินกว่าจะสอนลูกศิษย์ได้ เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยกเลิกการสอนลูกศิษย์วิชาอื่นนอกจากดนตรีออกไปก่อนทั้งเดือน
แต่ลูกศิษย์วิชาดนตรีก็สังเกตเห็นอารมณ์ฉุนเฉียวผิดปกติของเขาอย่างชัดเจน
“เปรี้ยง!”
เสียงเหมือนขวดน้ำหมึกหล่นกระแทกพื้น ลูกศิษย์ที่อยู่ชั้นล่างทุกคนเงยหน้าขึ้นไปมอง ไม่ใช่ครั้งแรกของวันนี้
“อืม…เราต้องทำอะไรสักอย่าง ขว้างปาข้าวของคงไม่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ” ล็อตต์ยักไหล่
……………………………………….