“ฮ่อหยุนเฉิงอยู่ห้องไหน รีบพาฉันไปที” ซูฉิงพูดอย่างทนไม่ไหว
เธออยากเจอฮ่อหยุนเฉิงจนแทบรอไม่ไหว เธออยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฮ่อหยุนเฉิง
ซูฉิงรีบลุกจากเตียง แต่ทันทีที่ฝ่าเท้าของเธอแตะพื้นก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก
เธอขาอ่อนจนแทบล้มไปกองกับพื้น ดีที่ยวี๋น่าอยู่ข้างๆ และประคองไว้ได้ทัน “ซูฉิง อย่ารีบร้อนไป ฉันจะพาเธอไปเองนะ”
ซูฉิงพยักหน้า ขณะนี้เธอไม่สามารถดูแลตัวเองได้
ยวี๋น่าประคองซูฉิง ก่อนจะหันมองและพูดต่อ “ตอนที่เธอถูกเจอตัว เท้าของเธอก็น่าสยดสยองแล้ว แถมหนามต้นสนก็ฝังลึกลงไปที่ฝ่าเท้าเธอเยอะมาด เป็นคุณอาฉีที่เอาออกให้หมดทั้งยังเย็บแผลที่ติดเชื้อ ไม่อย่างนั้นเท้าเธอใช้ไม่ได้แน่”
“คุณอาฉีก็มาด้วยเหรอ?” ซูฉิงตกใจเล็กน้อย
ยวี๋น่ายิ้มเบาๆ “ใช่สิ เธอกับฮ่อหยุนเฉิงได้รับบาดเจ็บสาหัสนะ คุณอาเขาเป็นห่วงเธอ ถ้าไม่ได้เขา เธอคงไม่ฟื้นขึ้นมาเร็วขนาดนี้หรอก”
ซูฉิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในเมื่อคุณอาฉีอยู่ที่นี่ ฮ่อหยุนเฉิงคงไม่เป็นอะไรมาก
เพราะยังไง ชื่อของคุณอาฉีในฐานะแพทย์อัจฉริยะก็ไม่ได้ได้มาง่ายๆ
“นั่งนี่นะ ฉันจะพาเธอไปเอง”
ยวี๋น่าเข็นรถเข็นมาข้างซูฉิงบ่งบอกให้เธอขึ้นมานั่ง
ซูฉิงขมวดคิ้ว ตอนนั้นเธอไม่คิดว่าตัวเองจะได้รับบาดเจ็บสาหัสแถมยังยืนหยัดเดินมาตั้งไกล
เธอขึ้นไปนั้งก่อนจะยวี๋น่าจะเข็นเธอออกไปนอกห้อง เพียงเลี้ยวเดียวก็ถึงประตูห้องของฮ่อหยุนเฉิง
เขาอยู่เพียงห้องข้างๆ เธอ
ซูฉิงรู้สึกใจมันดำดิ่งเมื่อนึกถึงขาที่น่าสยดสยองของฮ่อหยุนเฉิง
คงไม่เกิดปัญหาอะไรกับเขาใช่ไหม?
แต่ว่ามีคุณอาฉีอยู่ คงน่าจะรักษาได้
“ฉันมาส่งถึงแค่นี้นะ เขาคงไม่อยากเจอใครนอกจากเธอ ฉันไม่เข้าไปดีกว่า”
ยวี๋น่าถอนหายใจ นัยน์ตาฉายแววเห็นใจ ก่อนจะเปิดประตูห้องให้ซูฉิง
ซูฉิงกดปุ่มรถเข็นด้วยมือเข้าไปในห้อง จากนั้นก็ได้ยินเสียงประตูห้องปิดลง
เมื่อไปตามทางเดิน ซูฉิงถึงเห็นผ้าม่านทั้งหมดในห้องพยาบาลถูกดึงจนเป็นสีดำสนิท และมีเพียงแสงจางๆ ที่มาจากหัวเตียงเท่านั้น
เมื่อหรี่ตา ซูฉิงเห็นเพียงร่างที่อยู่บนรถเข็นและนั่งหันหลังให้เธอ
“ฮ่อหยุนเฉิง” ขณะที่อ้าปากเพื่อเรียกชื่อของเขา เสียงของซูฉิงก็สั่นเทา
หัวใจซูฉิงเกิดความกังวลและความประหม่าก็เข้ามาปะปน
ฮ่อหยุนเฉิงเหมือนกับเธอ ทั้นั่งบนรถเข็น…
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ขาของเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส
ซูฉิงเห็นหลังของเขาขยับ ทั้งยังตัวสั่นเล็กน้อย
ทันทีหลังจากนั้น เสียงเย็นชาของเขาก็ดังขึ้น แต่น้ำเสียงของเขากลับกลับไม่โกรธเหมือนก่อน แต่กลายเป็นสิ้นหวัง “อย่าเข้ามานะ!”
เมื่อเห็นฮ่อหยุนเฉิงเป็นอย่างนั้น หัวใจของซูฉิงก็ตึงเครียด ก่อนจะเข็นรถเข็นไปทางเขา
ฮ่อหยุนเฉิงยกมือขึ้นห้ามการเคลื่อนไหวของเธอทันที “อย่าเข้ามา ฉันไม่อยากให้เธอเห็นฉันเป็นแบบนี้”
แต่ซูฉิงไม่สนใจและเข็นรถไปตรงหน้าเขา
ผ่านแสงสีเหลืองสลัว ซูฉิงเห็นใบหน้าที่มืดมนของฮ่อหยุนเฉิง
“ฮ่อหยุนเฉิง นายเป็นอะไร? เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?” ดวงตาของซูฉิงจับจ้องไปที่เขา
เห็นเพียงว่าขาของเขามีผ้าห่มบางๆ คลุมอยู่ ซูฉิงที่รู้สึกกังวลจึงเอื้อมมือไปยกผ้าห่มขึ้น “ขอฉันดูหน่อย ขานายเป็นยังไงบ้าง?”
ฮ่อหยุนเฉิงจับมือซูฉิงไว้แน่น ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความมืดมน “ขาฉัน…ใช้การไม่ได้แล้ว”
อะไรระ?
ใช้การไม่ได้?
ขาของฮ่อหยุนเฉิงใช้การไม่ได้?
นึกย้อนไปตอนอยู่ก้นผาก่อนหน้านี้ เธอเห็นขาของฮ่อหยุนเฉิงมีแต่เลือด ใจเธอก็ดิ่งลงทันที
จริงๆ แล้ว ตอนเธอเห็นรถเข็น เธอก็รู้สึกไม่สบายใจมาก แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะพิการจริงๆ ทั้งหมดเป็นเพราะเธอเอง
“ฉันขอดูหน่อยนะ” ดวงตาของซูฉิงเต็มไปด้วยความกังวล
ฮ่อหยุนเฉิงส่ายหัว นัยน์ตาเต็มไปด้วยความมืดมน “ไม่จำเป็นหรอก อาจารย์ฉีดูแล้ว เขารักษาไม่ได้…”
เมื่อเห็นฮ่อหยุนเฉิงเป็นแบบนั้น ซูฉิงก็ไม่ดื้อดึง
เธอจะไปตอกย้ำบนแผลของเขาได้ยังไง?
เขาเป็นถึงฮ่อหยุนเฉิง มีชื่อเสียงที่เมือง A มาก วางกลยุทธ์ในห้างสรรพสินค้า ทุกคนที่เห็นต่างเรียกฮ่อหยุนเฉิงว่าประธานฮ่อเชียวนะ!
แต่ตอนนี้เขากลายเป็นคนทุพพลภาพ พิการทั้งสองขา และจิตวิญญาณอันสูงส่งของเขาก็ได้หายไปแล้ว
เมื่อนึกอย่างนั้น หัวใจของซูฉิงก็บีบรัดแน่น และรู้สึกเสียใจแทนเขา
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ฮ่อหยุนเฉิงจะกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง?
เหตุการณ์ในอดีตวกวนอยู่ในหัว
หัวใจซูฉิงราวถูกมีดแทง หัวใจมีแต่ความเสียใจ
ทำไมเธอต้องยกเลิกการหมั้นกับเขานะ?
ทำไมเธอถึงไม่ตอบตกลงให้เร็วกว่านี้?
ผู้ชายคนนี้รักเธอด้วยชีวิตของเขา และเธอรักเขาอย่างสุดหัวใจ
ซูฉิงจับมือของเขาเบา ๆ มองฮ่อหยุนเฉิงตรงหน้าด้วยแววตาที่ชัดเจนและสวยงาม “ฉันจะให้โอกาสนายตอนนี้ แต่งงานกับฉันนะ”
ในที่สุดคำพูดของเธอก็ทำให้ฮ่อหยุนเฉิงซึ่งมีใบหน้าซีดเผือด และโกรธ แต่แล้วม่านตาดำขลับของเขาก็จางลง
ฮ่อหยุนเฉิงผละมือออกด้วยท่าทางเศร้า น้ำเสียงเยือกเย็นไร้ความผันผวน “ไม่จำเป็นหรอก ฉันไม่อยากเป็นตัวถ่วงเธอ ตอนนี้ฉันไร้ประโยชน์แล้ว”
คำพูดที่ไม่คิดทำอะไรของเขาทำให้ซูฉิงปวดใจอยู่พักหนึ่ง
“ใครกล้าพูดว่าผู้ชายของซูฉิงคนนี้คนพิการ ฉันจะทำให้คนพวกนั้นพิการเอง!”
ซูฉิงเลิกคิ้วและพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ในเมื่อฉันจะแต่งกับนายแล้ว ภรรยาที่ถูกกฎหมายในทะเบียนสมรสของฮ่อหยุนเฉิงก็ต้องเป็นชื่อซูฉิงของฉันเท่านั้น!”
“เธอจริงจังเหรอ?”
ฮ่อหยุนเฉิงมองเธอด้วยสายตาว่างเปล่า “ตอนนี้ฉันเป็นคนรขาพิการนะ บ้านตระกูลฮ่ออาจไม่มีที่ให้ฉัน ฉันอาจไม่มีอะไรเลย หรือแม้กระทั่งไม่อาจทำให้เธอเป็นแม่คนได้ไปตลอดชีวิต…”
“นายยังเป็นคนคิดกลยุทธ์ในห้างสรรพสินค้าและทุกคนต่างก็เรียกประธานฮ่อใช่ไหม? เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ทำอะไรนายได้?”
ซูฉิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงของเธอสูงขึ้นอย่างโต้แย้ง “ตราบเท่าที่นายยินยอม ตอนนี้เราไปสำนักงานกิจการพลเรือนได้เลยนะ!”
ดวงตาของฮ่อหยุนเฉิงสั่น เขาไม่เคยคิดว่าซูฉิงจะยินหยัดเลิกเขาแบบนี้
“ก็…”
เขาอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ซูฉิงก็อดทนกับความเจ็บปวดที่เท้า และลุกขึ้นมาโน้มตัวจูบริมฝีปากของเขา
การกระทำของเธอครอบงำเหมือนที่ฮ่อหยุนเฉิงเคยเป็น
น้อยครั้งที่เธอจะเริ่มที่จูบเขา แม้ว่าตอนนี้เริ่มก่อน แต่ก็ยังอ่อนหัด ฮ่อหยุนเฉิงรู้สึกได้ชัดเจนว่าริมฝีปากของเธอสั่นเล็กน้อย
เธอกำลังประหม่า
ซูฉิงรู้สึกว่ายังไม่พอ ดังนั้นเธอจึงเลียนแบบฮ่อหยุนเฉิง เปิดริมฝีปากของเขาให้ก่อนจะสอดเข้าไปในริมฝีปากเขา
ลมหายใจของฮ่อหยุนเฉิงสะดุดเมื่อได้รสคุ้นเคยและน่าตื่นเต้นของผู้หญิงตรงหน้า
เธอกำลังเล่นกับไฟ!