ตอนที่ 703 เมฆเปิดเห็นตะวัน! น้ำลดหินผุด (3)
เจียงซื่อเซิ่งไปถึงสถานีตำรวจ ไม่ว่าตำรวจจะถามอะไรเขาไป ก็ไม่ยอมพูดยอมจา พอทนายมาถึงก็มาพูดแทนเจียงซื่อเซิ่ง แม้เขากับอวี๋กานกานและเจียงฉี่จะมีเรื่องขัดแย้งกันขึ้น
แต่ว่าคดีทำร้ายร่างกาย แม้กระทั่งสงสัยว่าฆ่าในคดีของเจียงป๋อซื่อนั้นไม่ได้มีหลักฐานใดๆ ทางตำรวจก็ไม่สามารถดำเนินคดีกับเจียงซื่อเซิ่งได้
พอกลับไปถึงบ้านเจียงฉี่ยังรู้สึกหวาดผวาอยู่ ควบคุมใจที่สั่นน้อยๆ นั้นไม่ได้เลย
“มา ดื่มน้ำอุ่นหน่อย” อวี๋กานกานเทน้ำในมือจนเต็มและยื่นให้เจียงฉี่ จากนั้นก็เอ่ยปลอบใจเบาๆ “ไม่เป็นไรแล้ว มันผ่านไปหมดแล้ว ไม่ต้องกลัว”
เจียงฉี่พยักหน้า เมื่อกี้อันตรายขนาดนั้น เธออกสั่นขวัญหาย จนถึงตอนนี้ขายังอ่อนแรงอยู่ เธออิจฉาและนับถืออวี๋กานกานจริงๆ สมแล้วที่เป็นคนที่พี่ชายชอบ
เธอดื่มน้ำไปนิดหน่อย รู้สึกผ่อนคลายขึ้นหน่อย จากนั้นพูดอย่างปลงตก “พี่สะใภ้คะ จนถึงตอนนี้ฉันยังไม่มีทางที่จะดีขึ้นเลย แต่ก่อนลุงรองเขาดีกับพวกเรามาก ฉันไม่คาดคิดเลยจริงๆ…พี่ว่าคนเราทำไมถึงเปลี่ยนไปได้เร็วขนาดนี้กันนะ?”
“คนเราไม่อาจตัดสินได้จากหน้าตา บางครั้งสิ่งที่เห็นก็อาจจะไม่ใช่เรื่องจริง บางทีลุงรองของเธออาจจะไม่ได้เปลี่ยนไป คนเราต่างก็เห็นแก่ตัวและวางแผนเพื่อตัวเองกันทั้งนั้น ถ้าแค่เปลี่ยนไปจริงๆ ตอนนั้นเขาจะฆ่าพ่อของเธอได้ยังไงกัน”
เจียงฉี่เบิกตาโตด้วยความประหลาดใจ “พี่บอกว่าลุงรองของฉัน…ฆ่าพ่อฉัน?”
อวี๋กานกานพยักหน้า และบอกเจียงฉี่เรื่องการคาดเดาของฟังจือหันรวมถึงแผนการต่างๆ ของเขากับเหอสือกุยทั้งหมด
น้ำตาไหลออกมา เจียงฉี่ร้องไห้พร้อมกับพูด “ที่แท้ซย่าเสี่ยวหร่านเป็นคนของลุงรอง ดังนั้นในวันนั้นที่ฉันบอกกับอาจารย์เหม่ยเหรินว่าซย่าเสี่ยวหร่านอ่อยพี่ชาย เขาก็รู้อยู่ เพียงแต่เขาต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้”
“เกิดอะไรขึ้น”
เรื่องนี้อวี๋กานกานไม่รู้ เจียงฉี่เล่าให้อวี๋กานกานฟังเรื่องงานเลี้ยงกินข้าวของพวกเขาวันนั้น และเรื่องที่เธอไปเจอซย่าเสี่ยวหร่านอ่อยฟังจือหันด้วยความบังเอิญ
อวี๋กานกานขมวดคิ้วน้อยๆ เรื่องนี้ฟังจือหันไม่ได้บอกเธอจริงๆ
เจียงฉี่เช็ดน้ำตาแล้วเอ่ย “แต่ว่าพี่ชายฉันปฏิเสธเธอไปทันทีเลย ว่าแล้วก็พี่ชายฉันนี่มีพลังแฟนหนุ่มระเบิดจริงๆ เลย พี่ไม่รู้ใช่ไหมวันนั้น…”
เห็นเจียงฉี่เริ่มพูดจ้อชมฟังจือหัน อวี๋กานกานก็ยิ้มออกมา “ดูท่าแล้วตอนนี้เธอน่าจะไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ”
เจียงฉี่ก็ยิ้มออกมาอย่างเขินอายครู่หนึ่ง เธอวางแก้วลงแล้วกุมมืออวี๋กานกานเอาไว้ “เราไปเยี่ยมคุณปู่ที่โรงพยาบาลด้วยกันเถอะ จากนั้นก็บอกเรื่องพวกนี้กับเขา”
“ได้ ฉันก็อยากไปหาคุณปู่สักหน่อย”
อวี๋กานกานคิดว่าปู่เจียงเป็นพยานที่สำคัญมากคนหนึ่ง เธออยากไปหาชายแก่เพื่อพูดคุยให้เรียบร้อย
เมื่ออวี๋กานกานกับเจียงฉี่ไปถึง พบว่าฟังจือหันก็อยู่ในห้องพักผู้ป่วยของชายแก่ด้วย เขาเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเจียงซื่อเซิ่งให้ปู่เจียงฟังหมดแล้ว
ปู่เจียงดูแล้วผอมและซูบลง รอยย่นที่หางตาลึกมากขึ้น พิงหัวเตียงไม่พูดไม่จา มองดูแล้วแก่ลงไปค่อนข้างมาก
“คุณปู่” เจียงฉี่นั่งลงที่ข้างเตียงผู้ป่วย กุมมือชายแก่เอาไว้ “ปู่อย่าเป็นแบบนี้สิ ปู่ยังมีหนู ปู่จะเป็นคนที่สำคัญที่สุดในใจหนูตลอดไป”
อวี๋กานกานก็นั่งลงอีกข้างหนึ่ง จากนั้นก็จับชีพจรให้ชายแก่ ร่างกายอ่อนแอ แต่ยังถือว่าทรงตัวได้อยู่
เธอชักมือกลับ แล้วถอนใจออกมาเบาๆ “คุณปู่คะ บางครั้งท่านไม่พูดไม่ได้หมายความว่าจะทำเป็นเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นได้ ความจริงคุณน่าจะหยุดการสูญเสียได้ทันเวลาตั้งนานแล้ว แต่คุณกลับเลือกที่จะไม่พูด นึกว่าไม่พูดแล้วจะปิดบังทุกอย่างได้ ทำเป็นเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเลย แล้วผลล่ะคะ?”
ตอนที่ 704 เมฆเปิดเห็นตะวัน! น้ำลดหินผุด (4)
ปู่เจียงเหลือบตาขึ้นมองอวี๋กานกานอย่างเย็นชาเจือความโกรธเอาไว้เล็กน้อย
อวี๋กานกานสบตาเขาตรงๆ อย่างไม่เกรงกลัว “ท่านจ้องฉันก็ไม่มีประโยชน์ค่ะ เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว เจียงป๋อซื่อตายยังไง ท่านควรรู้แต่แรกแล้ว แต่ท่านไม่พูด คุณคิดว่าไม่พูดก็จะทำให้ครอบครัวสงบได้ ความจริงพิสูจน์แล้วว่าท่านผิด”
ปู่เจียงเอ็ดออกมา “เธอจะเข้าใจอะไร!”
อวี๋กานกานกล่าว “ฉันไม่เข้าใจคุณ ฉันรู้แค่ว่ากฎแห่งสวรรค์ย่อมยุติธรรมเสมอ วันนี้ต่อให้ท่านไม่พูดอะไร คนที่กระทำความผิดจะต้องได้รับโทษที่เขาสมควรได้รับ”
แก้มของปู่เจียงกระตุกเล็กน้อย สีหน้าทั้งเศร้าทั้งเครียด ส่วนลึกในใจเหมือนกับมีไฟสุมอยู่ คล้ายกับภูเขาไฟที่กำลังจะปะทุ
เขาจ้องอวี๋กานกานด้วยสายตาเย็นเฉียบ ข้างในเหมือนกับความโกรธมวลใหญ่ที่สะสมรวมกัน
ฟังจือหันซึ่งยืนอยู่ด้านข้างพลันเดินมาข้างตัวอวี๋กานกาน และดึงตัวเธอไปข้างหลัง ความหมายคือให้ท้ายชัดเจนกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
“แก…”
ปู่เจียงเปล่งเสียงออกมาอย่างยากลำบาก มุมปากกระตุกไม่กี่ที อยากจะพูดอะไรแต่กลับไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี นัยน์ตาเต็มไปด้วยความขมขื่นและหม่นหมอง สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญา
เขาส่ายหน้าดูหดหู่ไปทั้งตัว และพูดอย่างสิ้นหวัง “เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ขอแค่เป็นคนในครอบครัวไม่ว่าจะมีช่องว่างอะไร มีความผิดอะไรก็คุยกันดีๆ ได้ แต่ว่าสุดท้ายแล้วพวกเราก็คือครอบครัวเดียวกัน ความต้องการของฉันมีไม่มาก ฉันแค่อยากให้ครอบครัวสงบเรียบร้อย แต่เพราะอะไรถึงได้ยากเย็นขนาดนี้กันล่ะ อ่า…ยากขนาดนั้นเลยนะ”
เจียงฉี่รู้สึกเสียใจไปหมด กอดปู่เจียงเอาไว้ในทันที “คุณปู่ ปู่ยังมีหนู ไม่ว่าจะตอนไหนก็ยังมีหนู หนูจะอยู่และปกป้องคุณปู่ ปู่จะต้องร่างกายแข็งแรง ปลอดภัย…”
สายตาอ่อนโยนของปู่เจียงจับจ้องไปที่หลานของตน ยกมือตบเบาๆ ลงบนไหล่ของเธอ…
นัยน์ตาของอวี๋กานกานก็อดแดงออกมาเสียไม่ได้
เมื่อเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยกับฟังจือหัน น้ำตาก็ไหลลงมาอย่างไม่อาจควบคุมได้ เธอหันไปมองฟังจือหันแล้วเอ่ย “ขอโทษนะ เมื่อกี้เหมือนฉันจะพูดแรงไปหน่อย ฉันไม่ควรบังคับคุณปู่แบบนี้เลย ในโลกนี้ไม่มีพ่อแม่คนไหนหรอก ต่อให้ลูกทำผิดหรือเป็นฆาตกร แต่สุดท้ายก็ยังเป็นลูกของพ่อแม่อยู่ดี พวกเขาไม่มีทางทอดทิ้งลูกของตัวเองเพราะลูกทำผิด เพราะลูกเก่งไม่พอหรอก”
ฟังจือหันยกแขนกอดอวี๋กานกานเอาแล้วเอ่ยขึ้นมาเบาๆ “ความสัมพันธ์ทางสายเลือดนี่มันแปลกประหลาดมาก การปกปิดความผิดเป็นสิ่งที่ทุกคนต่างก็ยอมรับไปได้โดยปริยาย เพราะว่าทุกคนต่างก็มีข้อบกพร่อง ใครๆ ก็มีจุดอ่อนกับส่วนที่ขาดของญาติหรือเพื่อนที่อยากจะปกป้อง ถ้ามีวันหนึ่งไม่ว่าคุณจะทำอะไร ผมก็จะปกป้องคุณ แม้จะรู้ว่านี่มันไม่มีเหตุผล ดังนั้นผมแค่มาบอกคุณปู่ ไม่เคยคิดจะให้เขาพูดหรือเป็นพยานอะไรเลย”
อวี๋กานกานเหลือบตามองเขา เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงอยู่บ้าง “วุ่นวายจนเป็นแบบนี้แล้วยังจะทำเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีกเหรอ”
แววตาของฟังจือหันล้ำลึกเหมือนท้องฟ้ายามราตรี น้ำเสียงราบเรียบแฝงความหมายลึกลับ “เหมือนที่เมื่อกี้ปู่พูดไว้ทุกอย่าง ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ความสัมพันธ์ทางสายเลือดตัดกันไม่ขาดหรอก”
จนชายแก่อายุถึงขนาดนี้ เขาไม่ขัดสนเงินและมีหน้ามีตา ในใจของเขาคนในครอบครัวสำคัญกว่าทุกสิ่ง บางทีอาจจะมีหนักมีเบา แต่ว่าสำหรับเขาล้วนเป็นคนในครอบครัวที่สำคัญ
คนในครอบครัวไม่ใช่แค่คำเรียบง่ายคำหนึ่ง แต่เป็นความเชื่อมั่นอย่างหนึ่ง เป็นเรี่ยวแรงพละกำลังที่พยุงให้ชายแก่คนหนึ่งมีชีวิตต่อ
เหมือนเช่นที่ชายแก่พูดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ต่อให้ไม่ชอบขี้หน้าแค่ไหนแต่ท้ายที่สุดแล้วก็ยังเป็นครอบครัวเดียวกัน ควรจะทำอะไรหรือต้องทำอะไร?