ตอนที่ 33 เสียดาย

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 33

เสียดาย

 

“เกิดอะไรขึ้น…”รองเจ้าสำนักพูดพลางมองภาพตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ แม้แต่ตัวมันยังมองเห็นแค่เพียงฮั่วเจียนที่กำลังวาดดาบอยู่ๆก็ลอยออกมาเท่านั้น ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นที่อยู่ในลานประลอง ท่วงท่าฝ่ามือประกายอัสนี ว่องไวเสียจนคนในสำนักธารโลหิตต่างมองไม่ทัน หากไม่ใช่มีรอยมือบนหน้าของฮั่วเจียนคงไม่มีใครทราบว่าเกิดอะไรขึ้น

“เจ้า…”ฮั่วเจียนคำรามพลางลุกขึ้นมายืนอีกครัง เพราะเป็นการประลองไป๋จูเหวินจึงใช้วิธี ตบ เท่านั้น ไม่ได้ซัดฝ่ามือตรงๆทำให้ฮั่วเจียนไม่ได้รับความเสียหายเท่าไหร่

ฮั่วเจียนกัดฟันพลางเดินกลับเข้ามาในลานประลองอีกครั้ง การประลองของสำนักธารโลหิตไม่เหมือนการประลองที่อื่นๆ พวกเขาสามารถสู้ต่อไปได้เรื่อยๆจนกว่าจะหมดสติหรือขอยอมแพ้ไปเองเท่านั้น ต่อให้โดนซัดออกนอกสนามแบบฮั่วเจียนก็ไม่ได้หมายความว่าฮั่วเจียนแพ้

“ข้ายังไม่แพ้”ฮั่วเจียนว่าพลางตรงเข้าหาไป๋จูเหวินอีกครั้ง เมื่อครู่อาจจะเป็นวิชาลับก้นหีบของตระกูลมันก็เป็นได้ แต่ครั้งที่สองนี้ไม่เหมือนเดิมแน่ๆ….

เพี๊ย! ฮั่วเจียนตรงเข้าไปหวังจะโจมตี แต่ทันทีที่เข้าระยะของไป๋จูเหวินฝ่ามือของไป๋จูเหวินก็ฟาดใส่หน้าฮั่วเจียนจนลอยออกไปอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่เหมือนเดิมตามที่ฮั่วเจียนว่าเพราะคราวนี้มันตั้งตัวแล้วตัวมันเลยไม่กระเด็นไปไกลนัก แต่ไม่ว่าจะตั้งตัวดีแค่ไหน ดวงตาของมันก็ไม่เห็นเลยว่ามันโดนอะไรเข้าไป

ทางด้านไป๋จูเหวิน ดวงตาของมันก้มลงมองฝ่ามือของตนเอง หลังจากคืนนั้นที่เมืองกล้วยไม้หยกตัวมันสามารถใช้ฝ่ามือประกายอัสนีได้ 2 ฝ่ามือ นั่นคือในพริบตาหนึ่งมันสามารถโจมตีได้ 2 ครั้ง แต่เพราะกลัวว่าจะทำร้ายฮั่วเจียนมากเกินไปตัวมันเลยโจมตีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่ตัวฮั่วเจียนกลับถึกทนกว่าเฟิงชิวไม่น้อย

เพี๊ย! ไม่จำเป็นต้องเข้าไปบุกเอง ทุกครั้งที่ตบออกไปฮั่วเจียนจะกัดฟันแล้ววิ่งเข้าใส่ทุกครั้ง แม้ร่างกายของฮั่วเจียนจะทนทานไม่น้อย แต่ในทางกลับกันเฟิงชิวกลับไม่ได้เข้ามาโดนตบง่ายๆแบบฮั่วเจียน หลังจากมันโดนไป 3 – 4 ฝ่ามือ เฟิงชิวก็จะใช้เวลาในการบุกมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้เพราะเฟิงชิวพยายามอ่านกระบวนท่าของไป๋จูเหวินและหาทางตามให้ทัน แต่กว่าเฟิงชิวจะหาได้ก็กินเวลาร่วม 3 วันเข้าไปแล้ว

เพี๊ย! ใบหน้าของฮั่วเจียนแดงจนเหมือนแก้มของมันกำลังช้ำในไม่มีผิด ทำเอาเฟิงชิวที่อยู่ขอบสนามหลุดหัวเราะออกมา ไม่นานศิษย์คนอื่นๆก็พากันหัวเราะฮั่วเจียนมากขึ้นเพราะใบหน้าของมันยามนี้ช่างเหมือนก้นลิงแดงๆเลย

“ฮั่วเจียน เจ้าออกมาได้แล้ว”อาจารย์หยานพูดพลางบอกให้ศิษย์ของตนลงจากลานประลอง ไม่ว่าจะมองอย่างไรยามนี้ฮั่วเจียนไม่สามารถทำอะไรไป๋จูเหวินได้เลยแม้แต่น้อย ตัวนางเอกพยายามเพ่งมองอยู่เป็นนานก็ยังมองไม่ทันว่าไป๋จูเหวินซัดฝ่ามือมาตอนไหน คิดว่าแม้แต่นางเองก็ยังหลบฝ่ามือของไป๋จูเหวินไม่ได้ นับว่าคราวนี้หอตะวันออกได้ศิษย์ฝีมือเยี่ยมมาแล้วจริงๆ

เพี๊ย! แต่ถึงจะได้ยินอาจารย์ของมันพูด ฮั่วเจียนก็ก็ยังพยายามบุกเข้าใส่ไป๋จูเหวินอีก จนสุดท้ายก็โดนตบใส่อีกครั้ง

“มีเรื่องอะไรกัน”ขณะเหล่าศิษย์ต่างพากันหัวเราะกับท่าทีของฮั่วเจียน เสียงของชายชราคนหนึ่งก็ดังขึ้นพร้อมร่างกายในชุดสีดำเข้มที่เดินเข้ามาในลานประลองด้วยท่าทีสง่าผ่าเผย

“ท่านเจ้าสำนัก”เหล่าอาจารย์รวมทั้งรองเจ้าสำนักต่างก็ลุกจากเก้าอี้ก่อนจะคารวะเจ้าสำนักอย่างเคารพ ไม่นานท่านเจ้าสำนักก็เดินมานั่งที่ข้างๆรองเจ้าสำนัก พลางสอบถามเหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะการประลองไม่ควรเริ่มก่อนที่ตัวมันจะมา

“พวกเราเพียงจัดประลองเปิดงานเท่านั้นขอรับ การประลองจริงๆยังไม่ได้เริ่ม”รองเจ้าสำนักว่าพลางมองไปบนลานประลอง ก็ใครจะไปคิดล่ะว่าศิษย์ใหม่อย่างไป๋จูเหวินจะสามารถล้มฮั่วเจียนได้ง่ายๆเช่นนี้ มันคิดว่าอย่างมากฝีมือของไป๋จูเหวินคงพอรับมือฮั่วเจียนได้ในระดับหนึ่ง พอพวกมันประลองจนเห็นฝีมือกันแล้วค่อยหยุดการประลองแต่พอดี มันควรจะเป็นเช่นนั้นจนไป๋จูเหวินซัดฮั่วเจียนลอยออกนอกลานประลองนั่นล่ะ

“เช่นนี้นี่เอง ในเมื่อข้ามาแล้วก็ไม่ต้องประลองเปิดงานอีก ให้คู่นี้เป็นการประลองจริงๆเลยแล้วกัน”เจ้าสำนักว่าพลางมองบนลานประลอง แต่แรกมันเห็นเหล่าศิษย์ส่งเสียงหัวเราะกันก็คิดว่าคู่ประลองบนลานประลองคงจะเล่นกันเสียจนเกิดเสียงหัวเราะเช่นนี้ แต่พอมองดีๆตัวมันกลับพบว่าบนลานประลองปรากฏร่างของ ฮั่วเจียน ศิษย์เอกของหอตะวันตกที่ใบหน้าแดงก่ำจนมันแทบจำไม่ได้

“ไป๋จูเหวิน การประลองครั้งนึ้ท่านเจ้าสำนักยกให้เป็นการประลองจริงๆแล้ว เอาชนะเขาซะ”อาจารย์ลี่พูดพลางกำหมัดแน่น ตัวมันอดตื่นเต้นไม่ได้จริงๆ นี่หากส่งไป๋จูเหวินลงประลองในการประลองสามสำนัก มันต้องออกมาน่ายินดีแน่ๆ

“ขอรับ”ไป๋จูเหวินตอบพลางเดินเข้าไปหาฮั่วเจียนตรงๆ ตัวมันยังไม่มีวิชาท่าก้าวทำให้การบุกโจมตียังอ่อนด้อยกว่าวิชาฝ่ามือนัก บางทีคงต้องฝึกวิชาของท่านน้าไก่ฟ้าบ้างแล้ว

“…..”ฮั่วเจียนที่พึ่งตั้งสติได้มองไป๋จูเหวินที่เดินมาตรงหน้า มันไม่คิดเลยว่าตนเองที่พึ่งก้าวผ่านระดับผลึกวิญญาณจะเจอเรื่องเช่นนี้

ตุบๆ! เกิดเสียงกระทบกันดังออกมา 2 ครั้ง นี่เป็นฝ่ามือประกายอัสนีที่ไป๋จูเหวินใช้ได้ในตอนนี้ แต่เมื่อเปลี่ยนจาก ตบ มาเป็นซัดฝ่ามือ ความรุนแรงของกระบวนท่าก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก

“อัก…”บนอกของฮั่วเจียนปรากฏรอยยุบบนเสื้อผ้า 2 รอย ก่อนที่ร่างกายของมันจะรู้สึกราวกับกำลังจะแยกออกจากกัน กระบวนท่าที่อสูรระดับพวกท่านน้าของไป๋จูเหวินคิดขึ้น สมควรรุนแรงจนน่าสยดสยอง ที่กระดูกของฮั่วเจียนยังไม่แหลกเละเป็นเพราะไป๋จูเหวินไม่ได้ใช้พลังอสูรและตัวมันก็เบามือให้ส่วนหนึ่งแล้ว

ตุบ! เสียงหัวเราะของเหล่าศิษย์เงียบไปทันที แม้ไป๋จูเหวินจะลงมือหนักไปบ้าง แต่การประลองของสำนักธารโลหิตก็เป็นเช่นนี้ หากอีกฝ่ายไม่ยอมแพ้ก็มีแต่ต้องซัดจนสลบเท่านั้น แต่ที่ทำให้ทุกคนเงียบคือพวกมันได้รู้แล้วว่าที่ฮั่วเจียนยังสามารถโจมตีไป๋จูเหวินได้หลายต่อหลายครั้งเป็นเพราะศิษย์น้องคนนี้ออมมือให้มากแล้วจริงๆ

“นายน้อย ท่านช่างยอดเยี่ยมจริงๆ”ต้าชิงพูดพลางมองแผ่นหลังของไป๋จูเหวิน มันพึ่งเคยเห็นไป๋จูเหวินต่อสู้เป็นครั้งแรก แม้จะทราบว่าไป๋จูเหวินมีพลังอสูรมันจึงแข็งแกร่งกว่าพลังวิญญาณที่แสดงออกมา แต่มันก็ไม่คิดว่าไป๋จูเหวินถึงกับไล่ต้อนผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณระดับผลึกวิญญาณได้ราวกับเล่นกับเด็กเช่นนี้

“ไป๋จูเหวินเป็นผู้ชนะ”รองเจ้าสำนักประกาศผลการต่อสู้พลางมองอาจารย์จากหอตะวันตกลงไปพาฮั่วเจียนไปห้องพยาบาล

“คราวก่อนฮั่วเจียนเป็นอันดับ 2 ของการประลอง ไป๋จูเหวินที่ชนะฮั่วเจียนจะได้เลื่อนขึ้นเป็นอันดับ 2 แทน”ร้องเจ้าสำนักประกาศ ในเมื่อเจ้าสำนักบอกให้การประลองครั้งนี้เป็นการประลองจริงๆไม่ใช่เพียงการประลองเปิดงาน อันดับของไป๋จูเหวินสมควรเปลี่ยนแปลง และทุกคนในที่นี้ก็ไม่มีใครคิดจะเถียงแม้แต่น้อย

“ท่านรองเจ้าสำนัก”ได้ยินผลการประลอง เฟิงชิวที่อยู่ฝั่งตะวันออกก็ลุกขึ้นพลางเดินขึ้นมาบนลานประลอง

“เฟิงชิว เจ้าจะขอประลองกับไป๋จูเหวินต่องั้นหรือ”รองเจ้าสำนักถามพลางมองเฟิงชิวที่เดินขึ้นมา

“เปล่าขอรับ ตัวข้าได้ประลองกับศิษย์น้องไป๋ไปแล้วเมื่อวันก่อน ข้าเพียงจะบอกว่าตำแหน่งของน้องไป๋ควรเป็นอันดับ 1 เพราะตัวข้าเองก็ไม่สามารถสู้ศิษย์น้องไป๋ได้เช่นกัน”ได้ยินเช่นนั้นรองเจ้าสำนักก็เบิกตากว้างทันที ตัวมันเข้าใจว่าระดับฝีมือของเฟิงชิวไม่ได้ต่างจากฮั่วเจียนมากนัก คงสู้ไป๋จูเหวินไม่ได้ แต่ที่มันตกใจเพราะไม่คิดว่าเฟิงชิวจะออกมายอมรับด้วยตนเอง แต่พอรองเจ้าสำนักมองใบหน้าของเฟิงชิวดีๆแล้วมันก็เข้าใจในทันที เพราะบนหน้าของมันยังมีรอบฝ่ามืออยู่ไม่จางหายไปทั้งๆที่ตัวมันเป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณแท้ๆ

“เช่นนั้น อันดับของไป๋จูเหวินเลื่อนขึ้นมาเป็นอันดับ 1 เฟิงชิวและฮั่วเจียนลดลงเป็นอันดับ 2 และ 3 ตามลำดับ”รองเจ้าสำนักสรุปพลางหยิบม้วนตำราเล่มหนึ่งออกมาจดบันทึก

“น้องไป๋ เจ้าช่างยอดเยี่ยมจริงๆ หวังว่างานประลองสามสำนักพวกเราจะได้เห็นเจ้าแสดงฝีมืออีก”เฟิงชิวว่าพลางยิ้มกว้าง ความจริงคราวนี้เฟิงชิวแอบตกใจไม่น้อยที่ฮั่วเจียนนำตัวมันไปก่อน การที่มันไม่ต้องสู้กับฮั่วเจียนจนอันดับลดไปอีกนับว่าได้กำไรไม่น้อย

“ไม่ใช่ว่าคนที่จะได้ลงมีแต่ศิษย์เก่างั้นหรือ”ไป๋จูเหวินถามพลางมองไปทางเฟิงชิว

“เจ้าพูดอะไรกัน เจ้าเป็นถึงสิษย์อันดับ 1 ของสำนักธารโลหิตแล้ว เจ้าไม่ลงแล้วใครจะลง”เฟงิชิวหัวเราะพลางตบบ่าไป๋จูเหวินเบาๆ

“ขอรับ”ไป๋จูเหวินตอบพลางถอนหายใจออกมา แม้ผู้คนจะชื่นชมความสามารถที่มันแสดงออกมา แต่ตัวไป๋จูเหวินกลับรู้สึกเสียดายอยู่ไม่น้อย ความจริงในงานประลองวันนี้ไป๋จูเหวินคาดหวังว่าจะได้พบผู้มีฝีมือสูงส่ง ทำให้มันรู้สึกกดดันจนมันสามารถแสดงฝีมือออกมาเช่นวันนั้นได้อีก แต่ผู้เก่งกาจที่สุดในสำนักกลับไม่สามารถแม้แต่จะแตะตัวมันได้เสียอย่างนั้น ช่างน่าเสียดายจริงๆ