โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.161 – โครงสร้างของเมืองเฟิงหลี

 

ณ สถานชุมชนเฉิงเป่ย

 

ภายในวิลล่าสุดหรู ใบหน้าของหลินเซิงกลายเป็นดำคล้ำ เมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกน้องของเขารายงาน

 

เขาเตะเปรี้ยงใส่โต๊ะเบื้องหน้า ทั้งตัวสั่นสะท้านด้วยความโกรธ แต่ขณะเดียวกันก็แฝงไว้ซึ่งร่องรอยของความหวาดกลัว

 

“ฉินเฟิง เป็นไอ้เจ้าฉินเฟิงอีกแล้ว!”

 

เมื่อฉินเฟิงเดินทางไปถึงโถงทดสอบผู้ใช้พลัง หลินเซิงก็ได้ทราบข่าว

 

อย่างไรก็ตาม ข่าวที่ได้รับมา มันทำให้หลินเซิงรู้สึกขลาดกลัว

 

ข่าวเรื่องอันดับ 1 ในงานสวนล่ามิได้ทำให้หลินเซิงรู้สึกถึงภัยคุกคามใดๆ เพราะยังไงซะ ขอแค่เลเวล G3 หรือมากกว่า ใครๆก็สามารถคว้ามันมาได้ งานสวนล่าน่ะมีไว้ใช้แยกแยะความต่างชั้นระหว่างนักเรียนทั่วไปกับอัจฉริยะเท่านั้น

 

แต่ทว่า ในการทดสอบรับรองผู้ใช้พลังครั้งนี้ของฉินเฟิง เด็กสาวที่อยู่ข้างกายเขา ทำให้หลินเซิงรู้สึกหวาดกลัวอย่างลึกล้ำ

 

“คะแนนทดสอบพลังโจมตีอยู่ในระดับสูง แถมยังไม่ได้ใช้กำลังภายใน! ไม่ต้องพูดถึงความจริงที่ว่ามันยังไม่ได้ทดสอบพลังสมาธิ มีข่าวจากงานสวนล่าว่าผลไม้สมาธิถูกขโมยไป แม้จะไม่มีหลักฐานว่าฉินเฟิงเป็นคนทำ แต่ผลไม้สมาธิทั้งสาม ฉินเฟิงล้วนแบ่งปันให้เพื่อนร่วมทีมที่เหลือ โดยไม่ต้องการสักผลเลย!”

 

“นั่นอาจเป็นเพราะมันครอบครองผลไม้สมาธิอยู่ก่อนแล้ว!”

 

“เรื่องขโมยที่เกิดขึ้น ต้องเป็นฝีมือฉินเฟิงอย่างแน่นอน!”

 

“แล้วเด็กสาวที่อยู่ข้างๆมัน ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะจัดการ”

 

อาจกล่าวได้ว่า บางครั้ง ศัตรูก็มีมากกว่าที่ตนเองคิด มากกว่าที่ตัวเองเข้าใจ!

 

หลินเซิงเห็นฉินเฟิงเป็นศัตรูตั้งนานแล้ว เขาพยายามหาจังหวะสังหารอีกฝ่ายตลอดเวลา แต่หลังจากเกิดสถานชุมชนเฟิงหลีขึ้น และฉินเฟิงเดินทางไปยังเมืองหาน เลยเป็นธรรมดาที่หลินเซิงจะไม่สามารถไล่ตามไปสังหารอีกฝ่ายได้

 

แต่เมื่อโอกาสได้มาถึง ฉินเฟิงเดินทางกลับมา หลินเซิงก็ได้รับข่าวร้ายที่น่าพรั่นพรึง!

 

มันคือข่าวที่ฉินเฟิงสามารถสังหารแม่พันธุ์แมงมุมเลือดขาเหล็กได้โดยลำพัง

 

หลินเซิงทำได้เพียงกัดฟัน และกลืนความแค้นกลับลงท้อง แต่หลังจากที่ได้ทราบข่าววการเสียชีวิตของหลินไค เขาก็มิอาจข่มกลืนความแค้นลงกระเพาะได้อีกต่อไป!

 

“สารเลว!” หลินเซิงสบถเดือดดาล

 

ลูกหลานของผู้ใช้พลังนับว่าขาดแคลนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะคนที่แข็งแกร่ง นับว่ายิ่งขาดแคลน ดังนั้นหลินเซิงจึงปฏิบัติต่อหลินไคราวกับสมบัติ แต่ตอนนี้ดันมาถูกฆ่าตาย

 

แม้ผู้คนทั้งหมดจะกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าหลินไคถูกสังหารโดยเฉินหมิง

 

แต่เฉินหมิงก็ตายไปแล้ว

 

“ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้เด็กฉินเฟิงมันขัดขวางคนขององค์กร Z ทำลายแผนการลักพาตัวผู้ใช้อบิลิตี้ธาตุไม้ตั้งแต่แรก เหตุการณ์แบบนี้มันคงไม่เกิดขึ้นตามมา … ทั้งหมดเป็นความผิดของมัน! ”

 

ในหัวใจของหลินเซิงฟุ้งไปด้วยความเกลียดชังและขมขื่น แต่ในเวลานี้ ไม่มีสิ่งใดที่เขาสามารถทำได้เลย

 

ยิ่งเขาได้ยินว่า ระหว่างที่ฉินเฟิงอยู่ในเมืองเฉิงหยางระยะเวลาหนึ่ง อีกฝ่ายเคยถูกหมายหัวในศูนย์ประลอง เป็นเป้าลอบสังหารอย่างลับๆ ทว่าใครจะไปคาดคิด ผลลัพธ์กลับกลายเป็นฉินเฟิงชนะรวดติดต่อกันกว่า 21 นัด!

 

และที่ทำให้หลินเซิงไม่กล้าลงมือกับฉินเฟิงโดยตรง คงไม่พ้นฉากที่เขาสังหารผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล E ในใบมีดเดียว

 

ณ ตอนนี้ หลินเซิงรู้สึกสิ้นหวังจริงๆ

 

“ไม่สิ ยังไม่สิ้นหวังซะทีเดียว ฉันยังมีตระกูลซินอยู่!”

 

เมื่อคิดได้ถึงเรื่องนี้ หลินเซิงก็เปิดอุปกรณ์สื่อสาร และป้อนข้อมูลลงไปอย่างรวดเร็ว ด้วยใบหน้าที่ฟุ้งไปด้วยความเกลียดชัง!

 

 

อีกด้านหนึ่ง ฉินเฟิงมอบเกราะรูนให้แก่โจวฮ่าว

 

“อย่าบอกนะว่าเกราะนี่ทำมาจากวัตถุดิบของแม่พันธุ์แมงมุมเลือดขาเหล็ก?” โจวฮ่าวเบิกตากว้าง

 

ฉินเฟิงพยักหน้าและกล่าว “ใส่มันซะเพื่อความปลอดภัยของตัวนายเอง ฉันตั้งใจจะเดินทางไปยังเมืองหานในเร็วๆนี้ นายต้องการไปด้วยกันไหม?”

 

“ไป! แน่นอนว่าต้องไปอยู่แล้ว! ระหว่างนี้ฉันเข้าชั้นเรียนจนเบื่อจะแย่!” โจวฮ่าวกล่าว

 

สำหรับโจวฮ่าว การติดตามฉินเฟิงถือว่าเป็นการฝึกฝนเชิงปฏิบัติที่ดีกว่าทฤษฏี เขารู้สึกว่ากระทั่งหลักสูตรที่เรียนอยู่ในปัจจุบัน มันแทบไม่มีประโยชน์ใดๆอีกแล้ว

 

“งั้นนายก็เตรียมไปขอลาได้เลย ไว้เจอกันอีกทีในวันพรุ่งนี้ อย่าลืมเอารถศึกไปด้วยล่ะ!”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า ผายลมอะไรของนาย? ไม่เห็นหรือว่าตอนนี้ในเมืองกำลังประกาศกู้คืนเมืองหาน ทางโรงเรียนเองก็ตอบรับคำร้องเป็นที่เรียบร้อย ผู้ใช้พลังเลเวล G ทั้งหมดจะต้องเข้าร่วม และอาจารย์ใหญ่เติ้งยังเป็นคนออกปากด้วยตัวเอง เรื่องขอลาเรียนน่ะไม่จำเป็นเลย!”

 

จริงสิ! ฉินเฟิงลืมเรื่องประกาศกู้เมืองหานไปซะสนิทเลย!

 

“อ่าฮะ แล้วจะเริ่มเดินทางเมื่อไหร่?” ฉินเฟิงถาม

 

“วันพรุ่งนี้!”

 

ฉินเฟิงผงกหัวว่าเข้าใจ เขาสนทนากับโจวฮ่าวสักพัก หลังจากชี้แนะเรื่องกำลังภายในให้แก่สหาย ถึงค่อยจากไป

 

ภารกิจกู้คืนเมืองหานถูกประกาศเป็นเรื่องราวใหญ่โต ฉะนั้นไม่เพียงโจวฮ่าวที่คิดจะไป แต่เกรงว่าหลิวซู วังเฉิน และคนอื่นๆคนอยากไปเหมือนกัน

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฉินเฟิงก็เลี้ยวรถศึกของเขา ขับออกจากเฉิงเป่ยไปยังสถานชุมชนเฟิงหลี

 

ผ่านมาแค่ไม่กี่วัน แต่กลับเริ่มมีการจัดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกขนาดใหญ่มากมาย เค้าโครงของพื้นที่นี้สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน เนื่องจากมีเงินทุนมากพอ พื้นที่ของเฟิงหลีจึงมีขนาดใหญ่กว่าเมืองหานมาก เทียบเท่าได้กับครึ่งหนึ่งของเฉิงเป่ย แต่ไม่อาจเปรียบกับเมืองเฉิงหยางได้

 

ถัดจากจตุรัสกลาง เป็นอาคารขนาดใหญ่ที่ชวนให้ทุกผู้คนต้องแหงนหน้ามอง นอกจากนี้ยังเป็นจุดสูงสุดของสถานชุมชนเฟิงหลี

 

ภายในห้องที่ถูกตั้งวางไว้ด้วยโต๊ะยาว ฉินเฟิงนั่งอยู่หัวโต๊ะ ข้างๆเขาฝั่งหนึ่งเป็นไป๋หลี อีกฝั่งเป็นซูซิงฝู ถัดลงไปเป็นหลิวซู , วังเฉิน , เซ่าเซี่ยง และเหอหลิง

 

ปัจจุบัน แต่ละคนล้วนได้รับมอบหมายหน้าที่ในตำแหน่งที่ต่างกันออกไป

 

รองผู้ว่าการเขต : ซูซิงฝู

 

รัฐมนตรีทรัพยากร : หลิวซู

 

หน่วยลาดตระเวนภายใน : ผู้บัญชาการกองทัพจู่เฟิง(飓风 ,เฮอริเคน) : วังเฉิน

 

หน่วยรักษาการณ์ภายนอก : ผู้บัญชาการกองทัพหานเฟิง(寒风 , ลมหนาว) : เซ่าเซี่ยง

 

หน่วยรักษาการณ์ภายนอก : รองผู้บัญชาการกองทัพหานเฟิง(寒风 , ลมหนาว) : เหอหลิง

 

แน่นอน พวกเขายังไม่ได้จัดตั้งกองทัพทุ่งล่า เพราะหน้าที่ของมันคือทำการสำรวจพื้นที่ ฉินเฟิงยังไม่ต้องการแก่งแย่งดินแดนกับใครในตอนนี้ ที่สำคัญคือพวกตนยังไม่มีคนหนุนหลัง

 

“เอาล่ะ โดยสรุปแล้ว ฉันจะเดินทางไปกับวังเฉิน ส่วนเหอหลิงรับหน้าที่ดูแลหน่วยลาดตระเวนภายในชั่วคราว ปิดการประชุมได้” ฉินเฟิงกล่าวน้ำเสียงทุ้มลึก

 

ซูซิงฝูและคนอื่นๆผุดลุกขึ้นตามลำดับ ยืนส่งฉินเฟิงเดินจากไป

 

ซูซิงฝูแม้เคยเห็นความร้ายกาจของฉินเฟิงมาก่อนแล้ว แต่เขาไม่คาดคิดเลย ว่าในด้านบริหารจัดการ อีกฝ่ายจะเชี่ยวชาญมันมากถึงขนาดนี้ ตนนึกไม่ออกจริงๆ ว่าเด็กอายุแค่ 16 ปี สามารถเรียนรู้เรื่องราวเหล่านี้ได้อย่างไร? หรือว่านี่คือความแตกต่างระหว่างอัจฉริยะกับคนธรรมดาใช่หรือไม่?

 

แต่ในตอนนั้นเอง สุดท้ายหลิวซูก็อดไม่ได้ ต้องโพล่งขึ้นมา “ผู้ว่าการเขต ฉันต้องการเข้าร่วมภารกิจนี้ด้วย!”

 

ข่าวที่ฉินเฟิงกล่าวก่อนหน้านี้ ไม่มีอะไรมากไปกว่าการนำคนกลุ่มหนึ่งไปพิชิตเมืองหาน แม้ว่าฉินเฟิงจะไม่ได้อยู่ในทีมกับพวกเขา แต่นี่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ที่สามารถฟันกำไรได้มหาศาล และมันไม่สมควรจะพลาด

 

หากจัดกลุ่มผู้ใช้พลังเลเวล G ออกไปบุกตะลุย ยิ่งถือว่าเป็นการออกกำลังที่ดี!

 

อย่างไรก็ตาม ชื่อของหลิวซูกลับไม่อยู่รวมกับกลุ่มคนที่ไป

 

“หลิวซู อย่าคิดนะว่าคนอื่นจะไม่รู้ ถ้าเธอไปที่นั่น ไม่ได้หมายความว่าเธอตั้งใจจะไม่กลับมาหรอกหรือ?” วังเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้มขี้เล่น

 

หลิวซูถลึงตามองอีกฝ่ายทันที

 

เหอหลิงกระแอมไอ กล่าวอย่างมีไหวพริบ “หลิวซู พ่อแม่ของเธอก็อยู่ที่นี่ ถ้าเธอกลับไปเมืองหาน แล้วถูกเทศมนตรีเมืองหานรั้งตัวเอาไว้ มันจะก่อให้เกิดความไม่พอใจระหว่างทั้งสองฝ่ายได้นะ มนุษย์หากผิดใจกันมักยากจะคืนดี ดังนั้นอย่าไปเลย ไหนจะเรื่องตำแหน่งหน้าที่ของเธออีก เมืองของพวกเราตอนนี้ไม่สามารถขาดเธอได้!”

 

หลิวซูทำอะไรไม่ถูก ในเมืองยังมีหลายสิ่งหลายอย่างต้องทำจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเธอซึ่งเป็นฝ่ายจัดการทรัพยากรในขณะนี้ เป็นหัวหอกที่ไม่อาจขาดไปได้จริงๆ

 

ฉินเฟิงยังถือว่ารู้จักวิธีใช้สอยผู้คน แม้ในด้านความสามารถการต่อสู้ของหลิวซูจะไม่เลวร้าย การฝึกฝนเองก็พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว แต่บุคลิกอ่อนแอเกินไป ดังนั้นเขาเลยแต่งตั้งเธอให้เป็นรัฐมนตรีทรัพยากร หากกล่าวอย่างตรงไปตรงมาคือให้คอยดูแลคลังสินค้า

 

แน่นอน ว่าจริงๆแล้วนี่มันก็แค่งานสบายๆ วัสดุและเงินจำนวนมหาศาลอยู่ในมือของหลิวซู เรียกได้ว่าเป็นตัวแทนคลังของสถานชุมชนเฟิงหลี ดังนั้นหลิวซูจึงไม่รู้สึกว่าฉินเฟิงปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมต่อเธอ ตรงกันข้าม เธอกลับรู้สึกว่าฉินเฟิงไว้ใจเธอมาก

 

ในขณะที่วังเฉิน แม้บนใบหน้ามักจะหัวเราะและขี้เล่น หากแต่ในหัวใจยังคงไว้ซึ่งความละโมภเล็กน้อย แต่เขาเป็นเป็นลูกน้องที่ดี ฉลาด ผู้ชายแบบนี้เหมาะสมที่จะเก็บไว้ใช้งาน

 

ทางด้านเซ่าเซี่ยง เจ้าตัวเป็นคนหุนหันพลันแล่น ส่วนเหอหลิงดูจะออกแนวคนแก่ใจดีไปหน่อย ประสบการณ์ทางโลกของทั้งสองคนนี้น้อยมาก ดังนั้นทั้งสองจึงถูกฉินเฟิงส่งไปรับมือกับสัตว์ร้ายภายนอก ไม่เหมือนกับวังเฉินที่ต้องรับมือกับภายใน

 

ฉินเฟิงกวาดสายตามองทั้งสี่คนและกล่าว “ไม่ต้องใช้สมองเล็กๆของเธอพยายามคิดว่าฉันหมายถึงอะไร ขอแค่ทำตามที่บอกก็พอ!”

 

หลิวซูพอได้ยินก็โกรธจนหน้าแดง