เหมี่ยวเจินล่าถอยออกไปด้วยความกลัดกลุ้ม ในใจนางอยากด่าว่าคนขึ้นมา ตอนนี้นางยังต้องไปขอรับผิดกับใต้เท้าไป๋หลี่ ใต้เท้าให้นางมาอยู่ข้างกายเซี่ยชูมั่ว ผลลัพธ์คือนางไม่ดูคนให้ดี

 

 

นางเป็นสายลับใต้บัญชาที่ใต้เท้าไป๋หลี่ภูมิใจที่สุด เป็นคนที่ใต้เท้าอบรมสั่งสอนด้วยตัวเอง คิดไม่ถึงเลยว่า นางกลับปล่อยให้เกิดข้อผิดพลาดใหญ่เช่นนี้ ต้องโทษเซี่ยชูมั่วนางนี้แต่เพียงผู้เดียวที่ทำเป็นอวดฉลาด!

 

 

……

 

 

จวนองค์ชายสี่

 

 

ในขณะที่ซือหม่าหรุ่ยกำลังปรุงยา จู่ ๆ เยี่ยเม่ยก็พาคนเข้ามาล้อมห้องซือหม่าหรุ่ยเอาไว้ในเวลานี้

 

 

จากนั้นถีบประตูเปิดออกในครั้งเดียว

 

 

ซือหม่าหรุ่ยชะงักไปเล็กน้อย มองเยี่ยเม่ยที่ประตูคราหนึ่ง ไม่เข้าใจว่าเยี่ยเม่ยจะทำอะไรกันแน่ เห็นองครักษ์ด้านหลังเยี่ยเม่ย จึงถามว่า “เยี่ยเม่ย นี่เจ้า…”

 

 

ใบหน้าของเยี่ยเม่ยกลับเย็นเยียบราวเกล็ดน้ำแข็ง เอ่ยปากว่า “ซือหม่าหรุ่ย เครื่องประดับในห้องข้า เจ้าขโมยไปใช่หรือไม่”

 

 

ซือหม่าหรุ่ยมองเยี่ยเม่ยอย่างไม่เชื่อสายตา “เจ้าพูดว่าอะไรนะ”

 

 

นางกับเยี่ยเม่ยก็ดี หรือว่าจงเจิ้งซีก็ช่างล้วนมีการคบหาด้วยชีวิต ต่อให้ฝันยังไม่นึกเลยว่าเยี่ยเม่ยจะสงสัยว่านางขโมยของ ขโมยอะไรนะ เครื่องประดับ ?!

 

 

นางซือหม่าหรุ่ยใช่คนที่สนใจเครื่องประดับอย่างนั้นหรือ

 

 

ถึงชื่นชอบมาก แต่นางไม่จำเป็นต้องขโมยเลยสักนิดนิ!

 

 

เยี่ยเม่ยยิ้มเย็นชา เอ่ยปากว่า “ดูท่าเจ้าคงไม่ยอมรับสินะ! ห้องข้ามีเจ้าคนเดียวที่เข้าไปได้ คิดไม่ถึงว่าป้องกันดีขนาดไหน ก็ไม่อาจป้องกันโจรในบ้านได้! ทุกคนค้น!”

 

 

ซือหม่าหรุ่ยเห็นท่าทางเยี่ยเม่ยก็รู้สึกจากเบื้องลึกว่านางถูกลบหลู่อย่างร้ายแรง ซือหม่าหรุ่ยใบหน้าเขียวคล้ำเอ่ยปากว่า “ดี! ข้าก็อยากรู้นักว่าถ้าค้นอะไรไม่เจอแล้ว เจ้าจะเผชิญหน้ากับข้าอย่างไร!”

 

 

เยี่ยเม่ยหัวเราะเย็นชาเช่นกัน “หากข้าค้นเจอเล่า””

 

 

“หากหาเจอ จะฆ่าจะแกงก็แล้วแต่เจ้าเลย!” ซือหม่าหรุ่ยตอบกลับไปด้วยโทสะ รู้สึกผิดกับเยี่ยเม่ยอย่างสุดซึ้ง

 

 

“ดี! เจ้าเป็นฝ่ายพูดเองนะ!” เยี่ยเม่ยมององครักษ์ที่อยู่ด้านหลัง

 

 

เหล่าองครักษ์รีบเข้าไปค้นทันที

 

 

ไม่นาน องครักษ์ก็เอาถุงผ้าใบเล็กๆ ออกมา เอ่ยว่า “พระชายาองค์ชายสี่ หาพบแล้ว!”

 

 

ระหว่างเอ่ยไป เขาเปิดถุงผ้าใบเล็กออกมา ข้างในคือเครื่องประดับหยกเขียวชุดหนึ่ง หยกนั่นเงางามเป็นอย่างมาก ดูแล้วไม่เห็นตำหนิร่องรอยเลยสักนิด มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นของล้ำค่าควรเมือง

 

 

สีหน้าซือหม่าหรุ่ยซีดขาวในทันที ริมฝีปากสั่นระริกเอ่ยว่า “เป็นไปได้อย่างไร”

 

 

เรื่องที่นางไม่เคยทำ ตัวนางยังจะไม่รู้ตัวอีกหรือ ของสิ่งนี้มาปรากฏอยู่ในห้องนางได้อย่างไร

 

 

นางมองเยี่ยเม่ยอย่างไม่เชื่อสายตา กล่าวว่า “เยี่ยเม่ย เจ้าเชื่อข้า เรื่องนี้ต้องมีคนให้ร้ายข้า!”

 

 

เยี่ยเม่ยย่อมรู้อยู่แล้วว่ามีคนให้ร้ายอีกฝ่าย

 

 

แต่เยี่ยเม่ยยังรักษาสีหน้าเย็นชา “ให้ร้ายเจ้า ใครจะให้ร้ายเจ้า ในจวนองค์ชายสี่นี้ใครมีความแค้นกับเจ้า เมื่อครู่เจ้าเป็นฝ่ายพูดเองว่า หากค้นพบของในห้องนี้ จะฆ่าจะแกงก็แล้วแต่ข้า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ใครก็ได้ !”

 

 

เมื่อเอ่ยถึงยามนี้ แววตาเยี่ยเม่ยเย็นเยือก “จับนางไปขังคุก พรุ่งนี้ค่อยประหาร!”

 

 

“ขอรับ!” องครักษ์รีบเข้าไปจับตัวซือหม่าหรุ่ย

 

 

หมอเทวดามองเยี่ยเม่ยด้วยความไม่อยากเชื่อ ตวาดเสียงก้องว่า “เยี่ยเม่ย เจ้าไม่ยอมให้โอกาสข้าอธิบายบ้างเชียวหรือ ด้วยการคบหาหลายปีของพวกเรา เจ้าไม่ช่วยข้าสืบหาคนร้ายหรือ เจ้าคาดโทษของข้าเช่นนี้แล้วหรือ! แค่เครื่องประดับชุดเดียวเจ้าถึงกับจะสังหารข้า สายสัมพันธ์ของพวกเรามีราคาเพียงเท่านี้เองหรือ”

 

 

สิ่งที่ทำให้ซือหม่าหรุ่ยเหน็บหนาวใจมากที่สุด ไม่ใช่ถูกให้ร้าย เยี่ยเม่ยไม่เชื่อนางก็ช่างเถิด แต่ยังจะสังหารนางอีก…

 

 

เยี่ยเม่ยเย็นชาราวกับน้ำแข็ง เอ่ยปาก “ข้าไม่อยากฟังเจ้าอธิบาย เอาตัวไป!”

 

 

ซือหม่าหรุ่ยปวดใจอย่างสุดซึ้ง นางย่อมไม่มีทางยินยอม จึงเริ่มขัดขืน ถึงวรยุทธ์นางจะไม่แข็งกล้ามาก แต่เทียบกับเหล่าองครักษ์พวกนี้กลับห่างชั้นกว่ามาก!

 

 

ไม่ช้านางก็สลัดองครักษ์สองคนออกไปได้

 

 

ในจังหวะที่จะทะยานตัวออกไป เยี่ยเม่ยก็ขยับร่างราวกับภูตผีก็ไม่ปาน ความเร็วระดับที่คนทั่วไปไม่อาจมองเห็นชัด เมื่อคนทั้งหมดได้สติกลับมา มือของนางจับอยู่ที่คอซือหม่าหรุ่ยแล้ว เยี่ยเม่ยกล่าวด้วยความเย็นชา “ข้าไม่อยากทำให้เรื่องมันถลำลึกไปมากกว่านี้ เจ้าไม่ใช่คู่มือของข้า ขัดขืนไปมีแต่เจ้าที่จะเสียเปรียบ!”

 

 

เมื่อนางกล่าวซือหม่าหรุ่ยก้มหน้ามองมือเยี่ยเม่ย ทั้งรู้ว่าตัวเองคงหนีไม่รอดแล้ว ชั่วขณะนี้หัวใจนางตายด้านไร้ความรู้สึก

 

 

เยี่ยเม่ยมองเหล่าองครักษ์ สั่งว่า “ยังยืนอึ้งอะไรอยู่อีก รีบคุมตัวนางไป”

 

 

“ขอรับ!” เหล่าองครักษ์รับพุ่งเข้ามามัดตัวซือหม่าหรุ่ยไว้ แล้วคุมตัวออกไป!

 

 

ยามที่ซือหม่าหรุ่ยเดินผ่านเยี่ยเม่ย ก็ได้ยินเยี่ยเม่ยส่งเสียงบอกลับๆ ว่า “ไม่ใช่ว่าอยากพบเซียวชินหรือไง ตั้งใจแสดงละครให้ดี”

 

 

ซือหม่าหรุ่ยพลันเบิกตากว้าง

 

 

ซือหม่าหรุ่ยเข้าใจความคิดของเยี่ยเม่ยทันที ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง นางก็ว่าเยี่ยเม่ยไม่มีเหตุไม่มีผล จู่ๆ จะไปสงสัยว่าตัวนางขโมยของได้อย่างไร ทั้งยังไม่ฟังนางอธิบายด้วย

 

 

ในเมื่อเยี่ยเม่ยทำเช่นนี้แสดงว่านางมีความมั่นใจอย่างแน่นอน

 

 

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ซือหม่าหรุ่ยรีบแสดงละครต่อทันที เอ่ยเสียงดังว่า “เยี่ยเม่ย เจ้าทำอย่างนี้กับข้า เจ้าทำเช่นนี้กับข้ากรรมต้องตามสนองเจ้าแน่ เจ้าจะต้องเสียใจ!”

 

 

นางร่ำร้องเสียงดังเช่นนี้ ถูกคุมตัวออกไป

 

 

หลังจากออกนอกประตูไปแล้ว ชาวบ้านจำนวนไม่น้อยด้านนอกเห็นซือหม่าหรุ่ยถูกคุมตัวออกไป ก็เอ่ยถามด้วยความฉงน “นี่มันเรื่องอะไรกัน แม่นางท่านนี้คือหมอเทวดามิใช่หรือ ได้ยินว่านางมาเมืองหลวงพร้อมกับท่านเหอซั่วอ๋อง ติดตามเข้าไปพำนักในจวนองค์ชายสี่ ได้รับความเคารพเลื่อมใสมาตลอด นางมีความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องกับพระชายาองค์ชายสี่ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่”

 

 

องครักษ์ที่คุมตัวซือหม่าหรุ่ยอยู่หน้าประตู ประกาศกับเหล่าชาวบ้านว่า “สตรีนางนี้ หรือว่าหมอเทวดาความจริงก็คือโจรขโมย นางขโมยเครื่องประดับในจวนองค์ชายสี่ อีกทั้งยังถูกจับได้พร้อมหลักฐานของกลาง! พระชายาเดือดดาลเป็นอย่างมาก จึงตัดสินประหารชีวิตนาง!”

 

 

“หา…” เหล่าชาวบ้านมองซือหม่าหรุ่ยอย่างไม่เชื่อสายตา

 

 

ใครก็คงไม่สงสัยว่าหมอเทวดาที่เคารพอยู่ในใจมากตลอด ถึงกับเป็นนางโจรขโมย นี่มันเป็นเรื่องน่าขันยิ่งนัก!

 

 

ยามนี้ซือหม่าหรุ่ยกล่าวเสียงดังก้อง “ข้าไม่ได้ทำ! ข้าไม่ได้ขโมยของ! มีคนให้ร้ายข้า ข้าไม่ได้ขโมยจริงๆ มีคนให้ร้ายข้า เยี่ยเม่ย เจ้าทำเช่นนี้ ภายหน้าเจ้าต้องเสียใจแน่!”

 

 

เหล่าชาวบ้านเห็นดังนี้ก็ได้แต่ถอนใจระงม

 

 

ทุกคนล้วนเคารพหมอเทวดา แต่ว่าสำหรับเหอซั่วอ๋อง สตรีนางนี้เอาชนะศึกให้ราชสำนักเป่ยเฉิน จนได้รับตำแหน่งอ๋อง ทุกคนก็เคารพมาก ดังนั้นเรื่องนี้สรุปแล้วขโมยหรือไม่ ก็ยังบอกได้ไม่ชัด!

 

 

แต่ทุกคนต่างรู้ว่า หลายวันหลังจากนี้พวกเขามีหัวข้อสนทนาหลังมื้ออาหารแล้ว!