ตอนที่ 239: จุดเริ่มต้นของชื่อเสียง

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอน 239: จุดเริ่มต้นของชื่อเสียง

 

 

หลังจากได้ยินความจริงจากหยุนหลี ใบหน้าของทุกคนก็เคร่งเครียดจนอยากจะตายจริง ๆ แต่ก็ไม่มีใครโวยวายอะไร เพราะแต่ละคนก็คาดเดาได้ว่าทำไมสัตว์อสูรที่มาในรอบนี้จึงแตกต่างจากแต่ก่อน

 

 

ด้วยคลื่นสัตว์อสูรที่เกิดขึ้นในเมืองเวคทุก ๆ 20 ปีที่ผ่านมาก็มีผู้คนมากมายเข้าร่วม ดังนั้นสำหรับคนที่อยู่ในเมืองเวคมาหลายปีแล้วต่างก็เข้าใจโดยธรรมชาติเมื่อมันมาถึง สัตว์อสูรต่างก็ไม่มีปัญหา แต่รอบนี้พวกมันต่างก็เดินเข้ามาอย่างเป็นระเบียบราวกับกองทัพ นี่เป็นเรื่องที่แน่นอนว่าต้องมีสัตว์อสูรระดับ 5

 

 

มันยากแค่ไหน สัตว์อสูรระดับ 5 นั้นแข็งแกร่งมากและแม้กระทั่งเซียนปฐพีก็ยังยากที่จะเอาชนะมันได้หากว่าพวกเขาสู้กันแบบ 1-1 แล้วเมืองเวคที่ไม่มีผู้เชี่ยวชาญแบบนั้นมาช่วยป้องกันสัตว์อสูรระดับ 5 ตัวนี้ เราจำเป็นต้องพึ่งกลยุทธ์ในการเอาชนะมันด้วยจำนวนที่เหนือกว่า ผู้เฒ่าที่สวมเสื้อราคาแพงพูดอย่างหนักแน่น ในฐานะที่เป็นหัวหน้าสายข่าวกรองแล้ว สัตว์อสูรระดับ 5 ตัวนี้ก็ถูกยืนยันโดยเขา

 

 

การต่อสู้กับสัตว์อสูรระดับ 5 เราจะต้องใช้จำนวนคนที่อยู่ในขอบเขตเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษเพื่อสร้างความหวังในการเอาชนะมัน คนที่อยู่ต่ำกว่าระดับเซียนผู้เชี่ยวชาญนั้นไม่อาจทะลวงการป้องกันของมันได้แม้แต่น้อย ชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อคลุมสีแดงก็พูดอย่างแข็งขันและแผ่จิตสังหารออกมาอย่างรุนแรงเมื่อเขามองไปที่สัตว์อสูร

 

ถูกต้อง สัตว์อสูรระดับ 5 มีเพียงแค่คนที่เป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษขึ้นไปเท่านั้นที่จะสร้างบาดแผลให้กับมันได้ แต่ถ้าสัตว์อสูรระดับ 5 นั้นมีการป้องกันที่แข็งแกร่ง แม้แต่เซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษนั้นก็ไม่อาจทะลวงการป้องกันของมันได้แม้ว่ามันจะอยู่เฉย ๆ ก็ตาม ข้าหวังว่ามันจะเป็นสัตว์อสูรระดับ 5 ที่ไม่ยากเกินรับมือเท่าไรนัก ไม่อย่างนั้นเมืองเวคก็ไม่อาจป้องกันได้อีกต่อไป ชายผมสั้นพูดเสริมให้คนอื่นฟัง

 

 

มันง่ายที่จะพูด แต่ถ้าสัตว์อสูรระดับ 5 ปรากฏขึ้นจริง ๆ เซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษของเราก็ไม่ควรจะจดจ่ออยู่ที่มันเพียงตัวเดียว นอกเหนือจากสัตว์อสูรระดับ 5 แล้ว มันก็ยังมีสัตว์อสูรตัวอื่นอีกมากมายที่เป็นระดับ 4 หากเราให้เซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษทั้งหมดไปล้อมปราบสัตว์ระดับ 5 แล้ว ใครจะเป็นคนจัดการตัวอื่น ๆ ?

 

 

เจ้ากลัวเรื่องนี้งั้นรึ ? เมืองเวคของเรามีทหารรับจ้างอย่างน้อย ๆ ก็แสนกว่าคนและมีทหารที่มากกว่าถึงสองเท่า แม้ว่าเราจะไม่อาจจัดการกับสัตว์อสูรเหล่านั้นเพียงลำพังได้ มันก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ได้รับชัยชนะ ! ข้าไม่เชื่อว่าคนที่มารวมกันเหล่านี้จะปกป้องตัวเองจากสัตว์อสูรได้และพวกมันก็ไม่อาจต่อต้านปืนใหญ่ผลึกแกนอสูรที่เรามีอยู่ที่กำแพงด้วย !

 

  ….

 

 

เมื่อได้ยินผู้คนเริ่มทะเลาะกัน หยุนหลีก็กระแอมในลำคอก่อนที่จะพูด ทุกคนอย่าตกใจ ตอนนี้สัตว์อสูรระดับ 5 นั้นทำให้เรากดดันกันมาก แต่นั้นก็ทำให้เราต้องจัดการ…ศัตรูของเราในตอนนี้คือสัตว์อสูรระดับ 4 และต่ำกว่า อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ยังมีสัตว์อสูรที่เราทุกคนต้องจัดการพวกมัน ดังนั้นพวกท่านจึงไม่ต้องคำนึงถึงทหารยามไปได้เลย หากเราไม่อาจสู้กับพวกมันด้วยจำนวนได้ เราก็ต้องสู้กับพวกมันด้วยประสบการณ์ !

 

 

คำพูดของเจ้าเมืองหยุนหลีทำให้ทุกคนตะลึงไปกับคำพูดของเขา เจ้าเมือง ท่านกำลังพูดว่าอะไร? สัตว์อสูรระดับ 5 จะได้รับการจัดการ เป็นไปได้ไหมว่ามีเซียนปฐพีในเมืองเวคตอนนี้ ?

 

 

หยุนหลีพยักหน้าอย่างจริงจังพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ บนใบหน้าของเขา ถูกต้องแล้ว ทุกคนก็ไม่ต้องไปสนใจกับสัตว์อสูรระดับ 5 และมุ่งไปที่สัตว์ระดับต่ำ ๆ ดีกว่า

 

 

เจ้าเมือง ท่านรู้หรือไม่ว่าผู้อาวุโสเหล่านี้อยู่ที่ไหน? เราต้องการคารวะพวกเขา มีคนร้องตะโกนออกมาทันที

 

 

หยุนหลีส่ายหัวพร้อมกับแสดงสีหน้าขอโทษ ข้าขอโทษด้วย ทูตทั้งสองได้บอกชัดเจนว่าไม่ต้องการเผยตัว หากพวกเขาไม่พอใจ เมืองเวคของเราอาจจะลำบากได้

 

 

เมื่อได้ยินอย่างนั้นทุกคนก็ทำได้เพียงถอนหายใจด้วยความเสียดาย เซียนปฐพีนั้นหายากอย่างไม่น่าเชื่อในเมืองเวคและแม้แต่ในระดับทวีปพวกเขาก็เป็นผู้เชี่ยวชาญในระดับสูง สำหรับคนเหล่านี้แล้วพวกเขาต้องการเข้าไปคารวะอย่างแท้จริงเพื่อทำความรู้จักกับพวกเขา และหวังว่าพวกเขาอาจจะได้รับการช่วยเหลือในบางเรื่อง

 

 

หลังจากหยุนหลีพูดแล้วพวกเขาก็เลิกคิดที่จะเข้าไปทำความรู้จักพวกเขา อย่างไรก็ตามคำที่ว่า ทูต ก็ได้ทำให้พวกเขาจดจำสิ่งเล็ก ๆ พวกนี้ได้

 

 

เจี้ยนเฉินที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ นั้นก็ไม่ได้กระโตกกระตาก แต่เขาก็หันไปมองคนที่อยู่ห่างจากเขาไปร้อยกว่าเมตรไปยังทูตเสื้อคลุมดำทั้งสอง เขาไม่อาจทำใจได้เมื่อคิดว่าทั้งสองนั้นได้อยู่ในสภาพที่น่าสังเวชและมีเพียงรอยยิ้มที่ส่งกลับมา ใครจะรู้ว่าเซียนปฐพีทั้งสองจากเมืองจักรพรรดิที่ได้รับการว่าจ้างจากเมืองเวคจะต้องอยู่ในสภาพย่ำแย่เพราะเขา ?

 

 

เมื่อตาของเจี้ยนเฉินมองไปยังทูตทั้งสอง คาตาต้าก็รู้สึกได้ว่ามีคนจ้องมองอยู่ เขาก็หันมามองหน้าเขาและยิ้มอย่างอ่อนโยนตามปกติ น้องเจี้ยนเฉิน จะมาคุยกับเราหรือไม่ ? แม้ว่าจะห่างกันร้อยกว่าเมตรและมีฝูงชนมากมาย เสียงที่ออกมาจากตัวเขาก็ได้ยินอย่างจัดเจน แม้ว่าจะมีคนอื่นได้ยินแต่เสียงของมันก็ดังราวกับว่าเขานั้นนั่งคุยอยู่ข้าง ๆ กัน

 

เสียงของคาตาต้าก็ดึงดูดความสนใจของคนอื่น หยุนหลีก็หันไปมองทูตเสื้อคลุมดำทั้งสองทันที อย่างไรก็ตามด้วยด้วยการที่พวกเขาไม่ได้แสดงความแข็งแกร่งออกมา พวกเขาก็ไม่อาจรับรู้ได้ถึงความจริงของทูตทั้งสอง ไม่นานหลังจากที่พวกเขาตรวจสอบพวกเขาก็หมดความสนใจและไปสนใจเรื่องอื่นอีกครั้ง

 

 

เจี้ยนเฉินไม่กล้าปฏิเสธตามคำเชิญของเซียนปฐพีอย่างคาตาต้า เขาขอตัวกับหยุนหลีและเขาก็มุ่งหน้าไปยังทูตทั้งสอง

 

 

เจี้ยนเฉิน ? หืม…. เมื่อเห็นเจี้ยนเฉินเดินผ่านไป คิ้วของผู้เฒ่าผมขาวก็ขมวดเข้าด้วยขณะที่เขาพูดชื่อเจี้ยนเฉิน จู่ ๆ ดวงตาของเขาก็เผยให้เห็นถึงความประหลาดใจพร้อมกับจ้องมองเขา

 

 

เมื่อเห็นผู้เฒ่ายืนมึนงงอยู่ ผู้เฒ่าเสื้อคลุมสีฟ้าที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็กระซิบถามว่า ผู้อาวุโสเหอหยู่ มีอะไรงั้นรึ ?

 

 

ผู้เฒ่าผมขาวยังคงจ้องมองเจี้ยนเฉินและกระซิบกลับไปเมื่อเห็นว่าเจี้ยนเฉินคงจะไม่ได้ยินเขา เขาก็พูดว่า ข้าเคยได้ยินชื่อเจี้ยนเฉินมาก่อน มันไม่ใช่ชื่อเดียวกับที่ทำลายกลุ่มทหารรับจ้างโจวและตระกูลเทียนซ่ง ?

 

 

ผู้เฒ่าเสื้อคลุมฟ้าก็เริ่มออกอาการเมื่อเขาได้ยินอย่างนั้น ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขณะที่จ้องมองด้านหลังของเจี้ยนเฉินและสูดลมหายใจอย่างแรง ผู้อาวุโสเหอหยู่ ข้าลืมเรื่องนี้ไปเลยจนกระทั่งท่านพูดออกมา ตามที่ทหารที่หนีรอดออกมาจากตระกูลเทียนซ่งเล่าให้ฟัง คนที่จัดการตระกูลเทียนซ่งและเอาชนะเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษถึง 9 คน เป็นเด็กอายุประมาณ 20 ปีที่ดูหล่อเหลา และเด็กหนุ่มที่เดินผ่านเราไปเมื่อครู่ก็ดูดีอย่างมาก นี่ต้องเป็นเจี้ยนเฉินคนเดียวกับที่ทำลายล้างทั้งสองตระกูลแน่นอน!