บทที่ 431

บทที่ 431

โดยไม่รอให้เสี่ยวซินพูดจบ เฉิงจินก็พลันยกขาขึ้นเตะเข้าที่ด้านหลังอย่างแรง ทำให้หัวของเสี่ยวซินถลาลงไปไถลกับพื้นจนมาถึงด้านหน้าของถังหยิน “ถ้านายท่านอยากจะรู้ ท่านจะถามเจ้าเอง ถ้ายังจะพูดอะไรไม่เข้าเรื่อง …ระวังจะตายไวขึ้น !!”

เสี่ยวซินตกใจกลัวจนน้ำหูน้ำตาไหลอีกครา เขากรีดร้องออกมาระหว่างที่จ้องมองไปทางถังหยิน “เมตตาข้าด้วย ! ไว้ชีวิตข้าด้วยเถอะ !”

ถังหยินยิ้มเล็กน้อย และเมื่อเห็นว่าใบหน้าของเสี่ยวซินถูกปกคลุมไปด้วยสิ่งสกปรก ชายหนุ่มจึงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาและส่งมอบให้อีกฝ่าย “เช็ดหน้าก่อน” ก่อนจะหันไปพูดกับเฉิงจินว่า “เนื่องจากเสี่ยวซินบอกแบบนั้น งั้นก็ถือว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของแคว้นเฟิงแล้ว หาใช่พวกเปิง เอาละ เจ้าอย่าได้หยาบคายกับเขานักเลย”

หลังจากที่เฉิงจินได้ยินแบบนั้น เขาพลันหันจ้องไปที่เสี่ยวซินก่อนพูดว่า “ขอรับ !”

เมื่อได้ยินคำนั้น ถังหยินจึงหันกลับมาสบตากับเสี่ยวซิน จากนั้นจึงเผยยิ้มออกมาก่อนจะถามว่า “ดูเหมือนเจ้ามีอะไรที่อยากจะพูดอีก ?”

“…ขอรับ !?” เสี่ยวซินคิดสักพักก่อนที่จะนึกถึงสิ่งที่เขาต้องการจะพูดได้ “เรียนนายท่าน นอกจากนี้แล้วเสี่ยวชางยังมีแม่ทัพที่ทรงพลังสองคนอยู่ภายใต้บัญชาของเขาด้วยขอรับ และ…” เมื่อเขานึกถึงคำเตือนของเฉิงจินขึ้นมา เขาก็พลันหยุดพูดแต่เพียงเท่านี้ และทำการกลืนน้ำลายกับคำพูดที่เหลือลงคอไป

ถังหยินมองภาพตรงหน้าอย่างขบขัน ก่อนจะหัวเราะออกมาและพูดด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ว่า “มีอะไรก็พูดมาสิ หรือว่าเจ้ากลัวอะไร !?”

“ฮึ!” เฉิงจินอดไม่ได้ที่จะตะคอกใส่คนข้าง ๆ และพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “จะมีผู้เชี่ยวชาญประเภทใดในมณฑลเล็ก ๆ เช่นนี้กัน ?”

เสี่ยวซินที่ได้ยินแบบนั้นก็ไม่กล้าพูดอะไรมากความ เพราะเขานั้นกลัวเฉิงจินจากก้นบึ้งของหัวใจ จนได้แต่พยักหน้าเออออและพูดว่า “ใช่แล้วขอรับ ข้าเองก็ไม่ได้รู้เรื่องมากขนาดนั้น !”

แม้ว่าถังหยินจะตั้งใจฟัง แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะชายหนุ่มและเฉิงจินมีความคิดเดียวกัน นั่นคือมณฑลแห่งนี้เล็กเกินไป คงยากที่จะมีแม่ทัพที่มีฝีมือเก่งกาจอยู่ !

เมื่อประเด็นนั้นจบไป ถังหยินก็พลันหันหน้าไปหาหยวนอู่เพื่อส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายหยิบแผนที่เมืองจางหยูส่งให้ตน

เขาหยิบมันมาดูเล็กน้อย จากนั้นก็วางไว้ตรงหน้าเสี่ยวซินและกล่าวว่า “จงบอกรายละเอียดเกี่ยวกับการป้องกันมา ถ้าคำตอบของเจ้าเป็นประโยชน์ เจ้าก็รอดตัวไป แต่ถ้าไม่ก็อย่าหาว่าข้าโหดร้าย… !”

เสี่ยวซินตกใจสุดขีด เขารีบหยิบแผนที่ออกมาทันที จากนั้นหยวนเปียวก็จึงนำพู่กันและหมึกมาให้….

เสี่ยวซินยกพู่กันขึ้นดูแผนที่และคิดสักครู่ จากนั้นเขาจึงมองไปที่ถังหยินด้วยสายตาที่เป็นทุกข์และพูดว่า “ข้าไม่ได้อยู่ในเมืองมากว่าสิบวันแล้ว ดังนั้นจึงไม่รู้ว่ามันจะเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน !”

ถังหยินเงยหน้าขึ้นและพูดว่า “บอกเรื่องเท่าที่รู้มาทั้งหมด…!”

“ขะ.. ข… ขอรับ !”

เสี่ยวซินถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาหยิบพู่กันขึ้นมาขีดและวาดบนแผนที่โดยสรุปข้อมูลสำคัญทั้งหมด ว่าส่วนใดของการป้องกันที่แข็งแกร่ง ส่วนไหนของเมืองที่อ่อนแอ และส่วนใดที่มีทหารจำนวนมาก กับส่วนใดที่ถือเป็นจุดบอดของการป้องกัน

เมื่อเขียนเสร็จ เขาก็หยิบแผนที่ขึ้นมาดูอีกครั้งเพื่อยืนยันว่าไม่มีอะไรผิดปกติ จากนั้นจึงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและกล่าวกับถังหยินด้วยรอยยิ้ม “นี่เป็นทุกอย่างที่ข้ารู้ขอรับ !”

“ดีมาก !” ถังหยินมองแผนที่นั่น ก่อนจะยิ้มอย่างพึงพอใจและกล่าวแซวออกไป “ช่างเป็นคนที่ตรงไปตรงมาซะนี่กระไร”

“แน่นอนขอรับ เพราะสิ่งที่ข้าภักดีมากที่สุดคือแคว้นเฟิงของท่านยังไงล่ะขอรับ !!” เสี่ยวซินแสดงจุดยืนของเขาทันทีพลางเหลือบมองไปที่ชายหนุ่มเพื่อสังเกตปฏิกิริยา

“ความภักดีอย่างนั้นเหรอ ?” ถังหยินหัวเราะ ก่อนจะยื่นมือออกไป …ด้วยการพลิกฝ่ามือเพียงครั้งเดียว พลันปรากฏเปลวไฟสีดำที่พวยพุ่งขึ้นมา ก่อนที่มันจะควบแน่นและลอยอยู่ในอากาศเหนือฝ่ามือของเขา

“ถ้างั้นก็จงนำคำนั้นไปบอกกับท่านอ๋องคนก่อนก็แล้วกัน !” โดยไม่รอให้เสี่ยวซินตอบสนอง เขาก็พลันกดฝ่ามือลงบนหัวของเสี่ยวซิน !!

ซุ่มมม !

เปลวไฟแห่งความมืดเผาทั้งร่างของเสี่ยวซินในฉับพลัน เปลี่ยนร่างของอีกฝ่ายให้กลายเป็นหมอกหนาสีขาวโดยไม่ทันแม้แต่จะได้กรีดร้อง ก่อนที่ชายหนุ่มจะทำการดูดซึมพลังปราณที่ถูกกลั่นพวกนั้นเข้าไป

หลังจากดูดซับเข้าไป ถังหยินก็หายใจออกช้า ๆ หลับตาลงและเงียบสักครู่ จากนั้นจึงพยักหน้ายืนยันว่าสิ่งที่เสี่ยวซินพูดและเขียนบนแผนที่นั้นถูกต้องแล้ว !

นี่คือการยิงกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัวโดยแท้ ! เพราะนอกจากจะได้พลังปราณของอีกฝ่ายแล้ว เขายังได้ความทรงจำของเสี่ยวซินมาด้วย ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าสิ่งที่อีกฝ่ายบอกนั้นจริงเท็จมากแค่ไหน !!!

เมื่อเห็นถังหยินมองแผนที่อย่างจริงจังและไม่สนใจเศษเสื้อผ้าที่ถูกทิ้งไว้จากการเผาไหม้ เฉิงจินจึงเดินไปข้างหน้าและคว้าเสื้อผ้าพวกนั้นโยนออกไปนอกกระโจมเหมือนขยะไร้ค่า

ตามที่ได้จากความทรงจำของเสี่ยวซิน ชายหนุ่มพบว่าการป้องกันของจางหยูในทิศตะวันตกทิศใต้ ทิศตะวันออก และทิศเหนือนั้นอ่อนแอ ด้วยอาวุธป้องกันเมืองรวมทั้งเสบียงส่วนใหญ่ถูกเก็บไว้ที่ฝั่งตะวันตกและฝั่งใต้เท่านั้น และหากทุกอย่างยังคงเป็นเช่นนั้น

งั้นแล้วพวกเขาก็สามารถบรรลุชัยชนะได้อย่างง่ายดายโดยการโจมตีทางด้านตะวันออกและด้านเหนือของจางหยู !!

เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น ถังหยินก็พลันหัวเราะและมอบแผนที่ให้หยวนอู่กับหยวนเปียวที่อยู่ข้างหลังเขาพลางถามว่า “พวกเจ้าคิดว่าเราควรใช้กลยุทธ์แบบไหนดี ?”

หยวนอู่และหยวงเปียวไม่ได้คาดคิดว่าถังหยินจะถามความคิดเห็นของพวกเขา ดังนั้นทั้งคู่จึงเงียบไปอยู่นานก่อนที่หยวนเปียวจะยิ้มกว้างออกมาและกล่าวว่า “นายท่าน การป้องกันของเมืองจางหยูทางตอนเหนือนั้นอ่อนแอมาก กองทัพที่ป้องกันไม่ได้มีมากกว่า 3 พันนาย หากกองกำลังของเราเข้าโจมตี เพียงแค่ศึกเดียวก็คงมากพอแล้วที่จะตีแตก !!”

ถังหยินฟังและยิ้มขณะที่เขาพยักหน้า ทว่าชายหนุ่มไม่ตอบกลับ

หยวนอู่ส่ายหัวและตอบอย่างเป็นกังวล “แม้ว่าสิ่งที่เสี่ยวซินพูดจะเป็นความจริง แต่นั่นมันก็ผ่านมากว่า 10 วันแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าที่จางหยูจะเกิดการเปลี่ยนแปลงมากขนาดไหนในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น นายท่านควรระวังให้ดีเข้าไว้น่าจะดีกว่า !!”

“นั่นก็จริง !” ถังหยินถอนรอยยิ้มและกล่าวอย่างเคร่งเครียด “หยวนอู่พูดถูก อย่างไรก็ตามแม้ว่าข้อมูลที่เสี่ยวซินให้มาอาจไม่ถูกต้องทั้งหมด แต่มันก็ยังคงเป็นความจริงที่ยุ้งฉางและคลังอาวุธของศัตรูตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกและด้านใต้ของเมือง ดังนั้นไม่ว่าศัตรูจะเปลี่ยนรูปแบบการป้องกันอย่างไร มันก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะย้ายยุ้งฉางและคลังอาวุธไป ดังนั้นการป้องกันทางฝั่งตะวันตกและทางใต้ของเมืองจะต้องแข็งแกร่งกว่า ทางตะวันออกและทางเหนืออย่างแน่นอน”

“ขอรับ !” หยวนอู่พยักหน้าอย่างครุ่นคิด

หยวนเปียวหัวเราะ “จริงด้วยขอรับ !”

ถังหยินกลอกตาของเขาขณะที่เขาพึมพำ “ข้าก็บอกแล้ว”

“ฮ่าฮ่า ?” หยวนเปียวยักไหล่และหัวเราะอย่างแห้ง ๆ

ถังหยินมองดูแผนที่อีกครั้ง จากนั้นสั่งทหารยามให้ไปเรียกตัวแม่ทัพนายกอง กุนซืนที่ปรึกษา และผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหมดมาเพื่อร่วมหารือเกี่ยวกับกลยุทธ์ในการโจมตีจางหยู

ไม่นานนักหลังจากที่ทหารจากไป คนอื่น ๆ ก็มาถึงทีละคน

ถังหยินส่งแผนที่ให้ทุกคนและหลังจากที่พวกเขาดูเสร็จแล้ว ชายหนุ่มก็จึงถามว่า “มูฉิง เจ้าคิดว่าต้องใช้เวลาอีกกี่วันก่อนกองทัพปิงหยวนจะข้ามแม่น้ำมาได้หมด ?”

มูฉิงที่ได้ยินแบบนั้นจึงก้าวไปข้างหน้าเพื่อแสดงความเคารพและพูดว่า “อย่างน้อย ๆ ก็ต้อง 2 วันขอรับ”

ถังหยินเห็นด้วย “เอาล่ะ ถ้างั้นในอีก 2 วันเมื่อกองทัพปิงหยวนทั้งหมดข้ามมาได้แล้ว เราจะตรงไปยังเมืองจางหยูทันที !!” หลังจากหยุดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ถามว่า “ตกลงตามนี้หรือไม่ !?”

โดยไม่ต้องรอให้คนอื่นตอบ มูฉิงพลันอธิบายออกมาต่อทันทีว่า “นายท่าน ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเดือนห้าแล้ว อากาศก็ร้อนขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะบนภูเขาที่มีความชื้นสูง ข้าว่าทหารของเราอาจไม่เคยชินกับเรื่องนี้ ดังนั้นการที่นายท่านจะจบการต่อสู้โดยเร็วที่สุดจึงถือเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว !”

สิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นความจริงทั้งหมด !!

ชายหนุ่มหยุดนิ่งไปชั่วขณะหลังจากที่ได้ฟัง จากนั้นจึงกล่าวว่า “ทุกคนดูแผนที่ของเมืองจางหยู่และจดจำให้ดี ในบริเวณที่ทำเครื่องหมายไว้คือสถานการณ์ป้องกันของเมืองเมื่อสิบกว่าวันก่อน ดังนั้นเมื่อเปิดศึกจริงจึงอาจมีอะไรคลาดเคลื่อนไปบ้าง”

ฝ่ายมูฉิงไม่กล้าที่จะประมาท เขาหยิบแผนที่ขึ้นมาดูอย่างระมัดระวัง ก่อนจะกล่าวชมว่า “การวางแผนของท่านช่างไร้ที่ติซะจริง ๆ ข้าน้อยไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ ทั้งสิ้นขอรับ”

จีหยิงถอนหายใจเงียบๆ กับท่าทีของมูฉิง ทว่าเขาก็ไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าการกระทำของอีกฝ่ายเป็นเรื่องที่ผิด

ถังหยินที่เห็นท่าทีเช่นนั้นของจีหยิงจึงหันไปหาพร้อมรอยยิ้มและถามว่า “จีหยิง เจ้ามีความเห็นใดหรือไม่ ?”

จีหยิงยกมือขึ้น “ข้ามองว่าทุกอย่างดีงามแล้วขอรับ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ตามนี้ !” ถังหยินหัวเราะและกล่าวว่า “กองทัพปิงหยวนจะโจมตีทางเหนือเป็นหลัก ส่วนกองทัพอินทรีสวรรค์ติดตามข้าโจมตีทางทิศตะวันออก ตามนี้ เลิกประชุมได้ !”

“รับทราบขอรับ !” ทุกคนรับคำสั่ง