ตอนที่ 362 หลิวหลีมีโชค

แม่ครัวยอดเซียน

สวีโจวบรรลุขอบเขตเทพสวรรค์ถือเป็นเรื่องที่ทำให้ทุกคนตกตะลึง ถึงแม้พวกเขาจะเข้าใจว่า หากตั้งใจบำเพ็ญฝึกฝนย่อมต้องก้าวหน้า เพียงแต่พวกเขาไม่เข้าใจ ในบรรดามนุษย์เทพระดับสูง สวีโจวไม่ได้เป็นคนที่โดดเด่นอะไร เพราะเหตุใดจึงบรรลุขอบเขตเทพสวรรค์ก่อนคนอื่น

“ตอนนี้ศิษย์พี่สวีเป็นเทพสวรรค์แล้ว จะได้รับอภิสิทธิ์ระดับสูงน่าอิจฉาจริงๆ”

“เดิมพลังบำเพ็ญเพียรของข้ากับเขาไม่ต่างกันมาก ทำไมสวีโจวถึงบรรลุเป็นเทพสวรรค์ก่อนได้นะ”

“ใช่ ถึงจะรู้สึกไม่ยุติธรรมนัก แต่ก็รู้สึกอิจฉามากกว่า พวกเจ้าว่าจะเป็นเพราะศิษย์พี่หลงหรือไม่”

“เจ้าบอกว่าศิษย์พี่ให้ความช่วยเหลือหรือ ก็เป็นไปได้ เพราะอย่างไรสถานะเทพนักปรุงยาของศิษย์พี่ถูกเปิดเผยแล้ว ใครจะไปรู้ว่าก่อนนี้นางให้อะไรเขาบ้าง”

“คำพูดนี้ไม่ถูกเท่าไหร่นัก ดูอย่างไรศิษย์พี่หลงก็ไม่เหมือนคนที่จะยอมให้อะไรใครง่ายๆเช่นนั้น ก่อนหน้านี้เป็นเพราะมีคนทำร้ายหลานของนาง นางโมโหมาก จึงได้ประกาศจะมอบรางวัลให้ หลังจากนั้นได้ยินว่ามีคนไปขอยาเทพศักดิ์สิทธิ์จากศิษย์พี่หลง ผลคือถูกศิษย์พี่หลงปฏิเสธไป”

“หากพูดเช่นนี้ ศิษย์พี่หลง ไม่ได้ใจกว้างขนาดนั้นอย่างนั้นหรือ?”

“ไม่ใช่ ศิษย์พี่หลงเป็นคนดี ตอนที่อยู่กลุ่มเดียวกับศิษย์พี่หลง ศิษย์พี่หลงไม่เคยดูพวกเราจากระดับในสำนัก หากว่ามีศิษย์ระดับล่างได้รับบาดเจ็บ นางก็ยินดีรักษาอาการบาดเจ็บให้ เป็นมิตรอย่างยิ่ง คนพวกนั้นล้ำเส้นนาง อีกอย่าง พลังบำเพ็ญเพียรของนางก็ไม่ธรรมดา ไม่จำเป็นต้องอาศัยยาเทพศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพยากร ย่อมไม่เห็นการปรุงยาเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง”

“ก็จริง ศิษย์พี่หลงมีพลังการต่อสู้ที่น่าเกรงขามขนาดนั้น ไม่จำเป็นต้องอาศัยการปรุงยาเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพยากรอื่นจริงๆ”

“พูดไปแล้ว พวกเรากำลังคุยกันเรื่องทำไมศิษย์พี่สวีจึงบรรลุเป็นเทพสวรรค์ก่อนพวกเราไม่ใช่หรือ”

ทุกคนเงียบกริบเมื่อหัวข้อการสนทนาออกนอกลู่นอกทางไปไกล

“แค่กๆ เรื่องนี้ก็เกี่ยวเนื่องกันอยู่ ได้ยินมาว่าศิษย์พี่หลงนั้นปฏิบัติตนต่อศิษย์พี่สวีต่างจากคนอื่น ก็แม้แต่การจับกลุ่มทำภารกิจก็ตามก็จะนึกถึงศิษย์พี่สวีตลอด”

“หรือว่าศิษย์พี่หลงต้องการจะเปลี่ยนสามีหรือ? เป็นไปไม่ได้ ศิษย์พี่สวีไม่ได้สง่างามเท่ากับสามีนาง อย่านึกว่าศิษย์พี่สวีของพวกเราอยู่ในขอบเขตเทพสวรรค์แล้วจะมีสูงส่งนักหนา พลังบำเพ็ญเพียรของสามีศิษย์พี่หลงอยู่ในขอบเขตแม่ทัพเทพแล้ว ตอนนี้เขากับศิษย์พี่หลงกำลังพยายามบรรลุขอบเขตราชาเทพพร้อมกัน ไม่ว่ามองอย่างไร ก็ไม่เห็นว่าศิษย์พี่สวีจะมีความเป็นไปได้”

“เรื่องนี้ก็ไม่แน่ ใครจะไปรู้ว่าศิษย์พี่หลงอาจจะเบื่อกินอาหารดีๆแล้ว อยากจะลองกินอาหารธรรมดาบ้าง ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”

“ศิษย์พี่หลงเป็นคนใจง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ ไม่แน่ว่าอาจจะมีความลับอะไรที่เราไม่รู้ก็ได้”

“พี่สวี ได้ยินว่าตัวเองอาจได้เลื่อนตำแหน่งคิดเห็นอย่างไร?”

“ข้าควรจะชื่นชมสมองอันแสนใหญ่โตของพวกเขาที่ไหม ถ้าว่างขนาดนั้นทำไมไม่ไปศึกษาลัทธิขงจื้อล่ะ” สวีโจวพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มเสแสร้ง ไม่ว่าใครหากบำเพ็ญฝึกฝนมาด้วยความยากลำบาก แต่กลับกลายเป็นว่าพลังที่ได้มานี้เป็นเพราะคนอื่น คงจะรู้สึกไม่ดีนักหรอก แต่คำพูดของศิษย์พี่หลง นางกับสามีมีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้น อีกทั้งสายตาที่ศิษย์พี่หลงมองตนเองนั้นเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อกับความสนุกสนาน ดูเหมือนนางจะสามารถมองเห็นเมล็ดพันธุ์ที่อยู่ภายในร่างกายตนเอง อีกทั้งเมล็ดพันธุ์นี้มีความพิเศษมาก เมล็ดพันธุ์นี้คืออะไรกันแน่ ทำไมศิษย์พี่หลงจึงไม่ยอมบอก แล้วก็ยังเก็บซ่อนมันไว้

“อย่าเลย หากว่าเจ้าไปศึกษาลัทธิขงจื้อ บนโลกนี้ก็คงจะไม่มีคนที่ไม่สามารถศึกษาลัทธิขงจื้อได้อีกแล้ว”

“ช่างมันเถอะ ปล่อยพวกเขาพูดไปเถอะ ข้าก็ไม่ทำอะไรหายไปเสียหน่อย” สวีโจวพูดอย่างไม่สนใจ หากตัวเองไม่เชื่อในตัวศิษย์พี่หลงเพราะเรื่องนี้ ก็ดูเหมือนจะตกหลุมพรางคนอื่น ศิษย์พี่ปฏิบัติต่อเขาอย่างไร เขารู้แก่ใจดี

“ถ้าเป็นเช่นนี้ เจ้าก็ใกล้จะจบการศึกษาแล้ว น่าอิจฉาเจ้าจริงๆ”

“มีอะไรน่าอิจฉากัน ข้าออกไปก่อน จะได้ออกไปสำรวจให้พวกเราก่อนว่าที่ไหนมีสาวงามบ้าง เพราะอย่างไรโลกเทพก็กว้างขวางใหญ่โตไม่น้อย” สวีโจวกล่าว ในที่สุดเขาก็จะได้ออกไปหาศิษย์พี่ที่อยู่ข้างนอกแล้ว เพียงแต่เขารู้สึกว่าตัวเองน่าจะสำเร็จการศึกษาได้ยาก แต่สาเหตุอะไรนั้นเขาก็พูดไม่ถูกเหมือนกัน

“มันก็จริง ถ้าเช่นนั้น ชีวิตแสนสุขหลังจากจบของข้า คงต้องรบกวนเจ้าแล้ว”

“แน่นอน” เรื่องในอนาคตใครจะไปรู้ ค่อยว่ากันก็แล้วกัน

“ประกาศ พลังบำเพ็ญเพียรของลู่หรงอยู่ในขอบเขตมนุษย์เทพระดับสูงแล้ว”

“เป็นแค่มนุษย์เทพระดับสูงไม่ใช่หรือ มีอะไรน่าตื่นเต้นกัน”

“พวกเจ้าอาจจะยังไม่รู้ ลู่หรงก็คือผู้กล้าทีเสนอเรื่องการจับกลุ่มต่อศิษย์พี่หลงในตอนนั้น ตอนนี้พลังบำเพ็ญเพียรของศิษย์พี่หลงอยู่ขอบเขตเทพสวรรค์ ลู่หรงก็กลายเป็นมนุษย์เทพระดับสูง นี่หมายความว่าอะไร ทุกคนสังเกตเห็นอะไรกันหรือไม่” คนที่มาพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น

“ทั้งสองคนนี้ต่างก็เป็นคนที่มีความเกี่ยวข้องกับศิษย์พี่หลง หรือว่า ศิษย์พี่หลงจะเป็นผู้นำโชค”

“ใช่ บอกว่าศิษย์พี่หลงเป็นผู้มีบุญญาธิการน่าจะดีกว่า คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนางแค่เพียงเล็กน้อย ก็จะโชคดี”

“พอพูดเช่นนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ”

“ข้าว่าไม่ใช่ พวกเจ้าก็เห็นแล้ว หลานของศิษย์พี่หลงตอนนั้นอาการบาดเจ็บสาหัสขนาดไหน หากว่าเป็นผู้นำโชคจริงๆ จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้อย่างไร” มีคนแย้งขึ้นทันที ตอนนั้นหลานของนางเกือบเอาชีวิตไม่รอด โชคดีที่ศิษย์พี่หลงปรุงยาสำเร็จ หลานนางสองคนถึงรอดพ้นจากประตูแห่งความตาย

“พอพูดแบบนี้ ก็ดูเหมือนจะใช่”

ผู้นำโชคจะต้องมีแต่โชคดี ไม่พบโชคร้าย คนรอบข้างก็อาศัยบุญบารมีของนางเจอแต่โชคดีด้วย จะไม่เจอกับภัยใดๆ พอมองมุมนี้แล้วก็เหมือนจะไม่ใช่นัก

“แต่ย้อนกลับกัน พวกเรามานินทาเรื่องการบรรลุขอบเขตพลังของคนอื่นจะดีหรือ พวกเราก็ไม่ได้บรรลุเองสักหน่อย ที่สุดแล้วพวกเราก็แค่อิจฉาพวกเขาเท่านั้น พวกเราไม่ได้กินองุ่นกลับบอกว่าองุ่นเปรี้ยว พวกเราใครที่ควรรีบทำภารกิจก็ไปทำเสีย คนที่ควรจะเข้าฌานก็เข้าฌานเถอะ พูดกันไปเช่นนี้ พวกเราไม่มีทางก้าวหน้าขึ้นได้หรอก” คนที่มีสติกล่าวเตือนเพื่อนๆ

“ใช่ พวกเราก็แค่มาพูดคุยกัน เอาจริงๆแล้ว ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับพวกเราแม้แต่น้อย”

“เฮ้อ พูดเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลยจริงๆ”

“เด็กกลุ่มนี้ก็ถือว่าไม่เลว ถึงแม้จะปากพล่อยไปหน่อย แต่ว่าไม่ได้มีจิตใจที่ชั่วร้าย” หมิงเยี่ยหลบอยู่ในมุมหนึ่งมองสำรวจ เมื่อเห็นว่าศิษย์กลุ่มนี้รู้แจ้ง เจ้าสำนักอย่างเขา ก็รู้สึกพึงพอใจไม่น้อย

“ใช่ แต่สมองเด็กพวกนี้ใหญ่โตไปหน่อย ผู้นำโชคในโลกเทพมีตั้งหลายแบบ เรื่องเล่าที่ว่าจะมีความโชคดี ยังมีคนเชื่ออีกหรือ” เทพแห่งดวงดาวพูดพลางส่ายหัว ตอนนี้ร่างกายของเขาฟื้นฟูกลับมามาก อีกไม่นานก็จะได้กลับไปที่ภูเขาเทวา คนที่รอเขามีความทุกข์ทรมานยิ่งกว่า

“ตาแก่ เจ้าจะกลับไปแล้วใช่ไหม ดูออกเลยว่า เจ้าเริ่มไม่ค่อยชอบที่นี่แล้ว” หมิงเยี่ยมองดูสหายของตัวเองที่เริ่มมีความมั่นใจกลับมา ก็เข้าอกเข้าใจอีกฝ่ายอย่างมาก

“ใช่ ยังทนไปได้อีกสักพัก” เทพแห่งดวงดาวพยักหน้า

“พี่หมิงเยี่ย จงจำเอาไว้ ถึงแม้เด็กพวกนั้นจะพูดไร้สาระ แต่มีประโยคหนึ่งที่เป็นเรื่องจริง หลงหลิวหลีเป็นผู้ที่มีบุญญาธิการจริงๆ หากได้รับการยอมรับจากนาง ก็จะได้รับโชคจากนาง จนแทบจะไม่เจอโชคร้าย ถึงแม้จะตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย ก็สามารถเปลี่ยนจากร้ายให้กลายเป็นดีได้” เทพแห่งดวงดาวพูดกับหมิงเยี่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ข้าเข้าใจ” เขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไร เพราะอย่างไรคนที่เป็นเทพได้ก็มีไม่มาก แต่ผู้ที่มีบุญญาธิการ และยังแข็งแกร่งแบบหลิวหลีนั้น แทบไม่มี ความสำเร็จในอนาคตของนางจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าใครก็มิอาจประมาณได้ คนที่มีสายสัมพันธ์อันดีกับหลิวหลี ก็จะมีวาสนาที่ดีตามไปด้วย แต่เขาพบว่าคนกลุ่มนี้จะมีลักษณะที่เหมือนกันอย่างหนึ่ง ก็คือพวกเขาต่างก็เป็นคนที่มีคุณธรรม