ตอนที่ 709 เมฆเปิดเห็นตะวัน! น้ำลดหินผุด (9) / ตอนที่ 710 เมฆเปิดเห็นตะวัน! น้ำลดหินผุด (10)

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ตอนที่ 709 เมฆเปิดเห็นตะวัน! น้ำลดหินผุด (9)

แต่คนคนนี้ไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นอาจารย์เหม่ยเหรินของเธอ นั่นไม่อาจทำเหมือนผ่านๆ ไปได้อย่างเด็ดขาด อาจารย์เหม่ยเหรินเป็นคนในครอบครัวเพียงคนเดียวก่อนที่เธอจะรู้ว่ากู้เชินเป็นพ่อของเธอ

ระหว่างคนในครอบครัวมีอะไรต้องพูดออกมาจะดีกว่า

แต่ว่าจะถามยังไงกันล่ะ

อวี๋กานกานลูบท้ายทอยด้วยความว้าวุ่น ลังเลอยู่นานสุดท้ายก็ตัดสินใจถามหยั่งเชิงไปหน่อยแบบทีเล่นทีจริง

เธอยิ้มออกมาแล้วพูดเหมือนหยอกเล่น “อาจารย์เหม่ยเหรินคะ ถ้าฉันกลายเป็นคนอ้วน ฟังจือหันไม่ชอบฉันแล้ว คุณจะเลี้ยงฉันไปตลอดชีวิตไหม”

“เขาไม่ชอบเธอ?” เขากล้าเหรอ!!

อวี๋กานกานตอบด้วยรอยยิ้มกว้าง “ฉันแค่สมมติ”

เหอสือกุยตอบ “ไม่มีทาง”

อวี๋กานกานถามต่อด้วยความสงสัย “ทำไมล่ะคะ คุณเป็นอาจารย์เหม่ยเหรินของฉันเชียวนะ”

เหอสือกุยกินอาหารแล้วพูดด้วยท่าทีสบายๆ “ไม่ใช่ว่าเธอพูดเองเหรอว่าต่อไปเธอจะเลี้ยงฉันจนแก่? ตอนนี้เธอจะไม่เลี้ยงฉันจนแก่ แต่จะเกาะกิน นั่นมันไม่ได้อย่างแน่นอน”

อวี๋กานกานรู้สึกว่าตนเองสบายใจไปครึ่งหนึ่ง “อาจารย์เหม่ยเหรินคะ ไม่จำเป็นต้องเกาะกินก็ได้นี่ เหตุผลคุณกับฟังจือหันทะเลาะกันไม่ใช่ว่าเพราะฉันเหรอ ฉันยังนึกว่าอาจารย์เหม่ยเหรินจะอยากให้ฉันเป็นเจ้าสาวอายุน้อยของคุณนี่?”

หลังจากที่เธอพูดประโยคนี้จบ ดวงตาก็กระพริบไปหลายทีอย่างรวดเร็ว ภายในใจตื่นเต้นและกังวลอยู่ลึกๆ เป็นอย่างมาก มองเหอสือกุยด้วยความคาดหวัง หวังว่าเขาจะให้คำตอบแบบที่ใจเธอหวังเอาไว้

เหอสือกุยมองไปทางอวี๋กานกาน เห็นเธอจู่ๆ มีสีหน้าจริงจังก็สำลึกอาหารในปากทันที

อวี๋กานกานรีบหยิบกระดาษทิชชูส่งให้เขา เหอสือกุยรับทิชชูไปเช็ดปากอย่างสบายอารมณ์ จากนั้นก็ออกแรงเขกหัวอวี๋กานกานไปทีหนึ่ง “เธอคิดอะไรอยู่น่ะ อย่างมากที่สุดชาติก่อนเธอเป็นคนรักของฉัน ชาตินี้อย่าได้คิดไปเลย”

ลูกสาวคือคนรักของพ่อในชาติก่อนต่างหาก อวี๋กานกานยิ้มยิงฟันออกมา

ในที่สุดหัวใจทั้งดวงก็สบายใจได้เต็มที่ เธอรีบยกแขนกอดเหอสือกุยเอาไว้ “อาจารย์เหม่ยเหรินคะ ฉันรู้อยู่แล้วว่าตอนนั้นพวกคุณทะเลาะ ตอนที่ฟังจือหันหึง ฉันกลัวจริงๆ…แต่ว่าฉันก็มั่นใจมาก ความชอบที่อาจารย์เหม่ยเหรินมีต่อฉันจะเป็นไปได้ยังไงที่เป็นความรักแบบหนุ่มสาว ระหว่างพวกเราเป็นความรักแบบครอบครัว ครอบครัวที่ไม่อาจสนิทไปได้มากกว่านี้แล้ว”

เหอสือกุยสูดลมหายใจลึกเข้าหลายครั้งแล้วค่อยเปิดปากพูด “เธอโง่ขนาดไหนกันแน่เนี่ยถึงได้นึกว่าระหว่างพวกเราเป็นความรักแบบหนุ่มสาว?”

อวี๋กานกานมุมปากยกขึ้นเล็กน้อย “ฉันไม่ได้โง่ขนาดนั้น เมื่อกี้ฉันล้อคุณเล่น คุณสบายใจเถอะ ฉันจะเลี้ยงคุณจนแก่แน่ คุณต้องรู้ไว้เลยว่าตอนนี้ฉันมีพ่อเป็นเศรษฐีเชียว และเขายังบอกแล้วว่าหุ้นบริษัทของเขาให้ฉันเป็นคนรับช่วงต่อทั้งหมด นี่มันเหมือนกับสวรรค์ทำพายชิ้นหนึ่งหล่นลงมาอีกทั้งตกลงมาใส่ปากฉันโดยตรง มือไม่ทันได้ขยับเลยสักนิด”

เหอสือกุยพูดอย่างมีความสุข “นี่เป็นเรื่องที่ดี ต่อไปค่าเลี้ยงดูเธออย่าลืมเตรียมให้เยอะหน่อยล่ะ”

อวี๋กานกานพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว แล้วทำมือ OK “ไม่มีปัญหาแน่นอน”

หลังจากที่เหอสือกุยกินข้าวเสร็จ อวี๋กานกานก็อยู่คุยเป็นเพื่อนเขาในห้องพักผู้ป่วยครู่หนึ่งแล้วถึงได้ถือกล่องข้าวกลับไป

มองประตูห้องที่ปิดลง รอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าของเหอสือกุยค่อยๆ จางลง เขาหันไปมองนอกหน้าต่าง ดวงตาหม่นดูแดงขึ้นเล็กน้อย กระจายความเสียใจหนักหน่วงและหมดเรี่ยวแรง

แต่ว่าหลังจากผ่านไปพักหนึ่งเขาก็ยิ้มออกมาอีก

ในเมื่อเธอหาผู้ชายคนนั้นที่สามารถทำให้เธอมีความสุขและร่วมเดินทางกับเธอไปตลอดชีวิตได้แล้ว งั้นเรื่องนี้ก็ไม่จำเป็นต้องให้เธอรู้แล้วรบกวนจิตใจเธอ

เขาหวังว่าเธอจะมีความสุข แม้ว่าความสุขส่วนนั้นจะไม่ได้มาจากเขา

ตอนที่ 710 เมฆเปิดเห็นตะวัน! น้ำลดหินผุด (10)

หลังจากที่เจียงฉี่รู้ว่าตนเองเข้าใจเหอสือกุยผิดก็เอาแต่คิดจะหาโอกาสขอโทษเหอสือกุยอยู่ตลอด ถึงอย่างไรวันนั้นเธอก็เข้าใจเขาผิดไป

แต่ว่าด้านหนึ่งเธอค่อนข้างที่จะรู้สึกผิดที่ไปปรากฏตัว ส่วนอีกด้านหนึ่งก็เป็นเพราะคุณปู่อยู่โรงพยาบาลและเธอก็ไม่ว่าง

เอาแต่ยืดเวลามาจนวันนั้นที่เหอสือกุยออกจากโรงพยาบาลเธอถึงได้ปรากฏตัว

เหอสือกุยกำลังเก็บข้าวของอยู่พอดี เห็นเจียงฉี่ซึ่งปรากฏตัวอยู่ที่ห้องพักผู้ป่วยก็ค่อนข้างแปลกใจเล็กน้อย “ไม่ใช่ว่าเธอกลับไปที่มหาวิทยาลัยแล้วเหรอ ทำไมกลับมาอีกล่ะ”

“ที่บ้านเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นขนาดนั้น และคุณปู่ก็เข้าโรงพยาบาลอีก ฉันจะไม่กลับมาได้ยังไงกัน” เจียงฉี่วางตะกร้าผลไม้ในมือบนตรงตู้ด้านข้าง “อาจารย์เหม่ยเหรินคะ วันนี้คุณออกจากโรงพยาบาลเหรอ”

เธอถามพี่สะใภ้ พี่สะใภ้บอกอยู่ชัดๆ ว่าวันพรุ่งนี้ออกจากโรงพยาบาล

เหอสือกุยพยักหน้า เอ่ยถามไปเรื่อยเปื่อย “ปู่เธอสุขภาพเป็นอย่างไรบ้าง”

เจียงฉี่ตอบ “ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ เมื่อวานก็ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ไม่งั้นฉันก็คงไม่มีเวลามาเยี่ยมคุณได้ ฉันได้ยินพี่สะใภ้บอกว่าพรุ่งนี้คุณถึงจะออกจากโรงพยาบาล ทำไมวันนี้ถึงได้…”

“ฉันหายแล้ว อยู่โรงพยาบาลก็อึดอัด กลับไปพักที่บ้านดีกว่า” เหอสือกุยเก็บเสื้อผ้าหมดแล้วพร้อมกับรูดซิปกระเป๋าสัมภาระตาม

เจียงฉี่รีบเดินเข้าไป ยกกระเป๋าก่อนเหอสือกุยไปก้าวหนึ่ง “มาให้ฉันเถอะค่ะ แผลของคุณน่าจะยังไม่สมานหมด ไม่เหมาะกับการยกของหนัก ไม่งั้นบาดแผลได้รับน้ำหนัก พอไม่ระวังก็จะเปิดออกแล้วจะทำยังไง”

ไม่ต้อง ฉันไม่เป็นไรแล้ว” เหอสือกุยยื่นมือออกไป ต้องการจะแย่งกระเป๋ากลับ

“ไม่เป็นไรแล้วก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีค่ะ จะออกแรงไม่ได้ อันนี้ฉันถือให้คุณก็ได้แล้ว” หลังจากเจียงฉี่แย่งกระเป๋าไป ยังไงก็ไม่ยอมคืนให้เหอสือกุย มือหนึ่งของเธอถือกระเป๋าแบบนั้น อีกมือหนึ่งถือตะกร้าผลไม้แล้วเดินออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว

เหอสือกุยไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงปล่อยตามเธอ เดินตามไปด้วยมือเปล่า

จอดรถที่โรงพยาบาลไม่สะดวก เจียงฉี่นั่งรถมาจึงยืนเรียกรถอยู่ด้านนอกโรงพยาบาลกับเหอสือกุย เจียงฉี่ถามออกมาเสียงเบา “พี่สะใภ้ไม่มีรับออกจากโรงพยาบาลเหรอคะ”

เหอสือกุยส่งเสียงอืมราบเรียบ “ฉันออกโรงพยาบาลล่วงหน้าหนึ่งวัน แต่ไม่ได้บอกเขา”

ช่วงนี้อวี๋กานกานเทียวมาที่โรงพยาบาลทุกวัน และต้องไปทำงานอีก ทุกวันวิ่งสองที่เหนื่อยมาก ตอนนี้เขาไม่เป็นอะไรแล้ว ออกจากโรงพยาบาลก็ไม่จำเป็นต้องแจ้งให้เธอมารับอีก เดี๋ยวส่งข้อความให้เธอ บอกเธอสักหน่อยก็พอแล้ว

พอเหอสือกุยส่งข้อความไป อวี๋กานกานก็โทรศัพท์มาหา ถามว่าเขาออกจากโรงพยาบาลวันนี้ได้ยังไง

และยังบอกอีกเดี๋ยวเธอจะรีบไปหาเขาที่คอนโดของเขา แต่ว่าได้ยินว่าเจียงฉี่ก็อยู่ด้วย อวี๋กานกานจึงไม่พูดอะไรอีก แค่ให้เจียงฉี่ช่วยดูแลเหอสือกุยแทนเธอให้ดีๆ

ภายในห้องโดยสารแคบๆ เจียงฉี่วางสายอวี๋กานกานด้วยเสียงหวาน จากนั้นก็คืนโทรศัพท์ให้เหอสือกุย

ตอนที่รับโทรศัพท์คืนไป นิ้วมือของทั้งสองสัมผัสกัน เจียงฉี่รู้สึกมีกระแสไฟฟ้าพุ่งจากฝ่ามือและแล่นเข้าสู่หัวใจอย่างรวดเร็ว กระตุ้นความรู้สึกชาหนึบเป็นระลอก

เจียงฉี่ออกแรงที่มือจิกไปตรงด้านข้างกางเกงสักหน่อย ได้ยินสถานการณ์หัวใจเต้นของตนเองอย่างไม่คาดคิด ใจเต้นแรงอย่างคุมไม่อยู่

พักหนึ่งเธอส่งเสียงพูดเบาๆ “อาจารย์เหม่ยเหรินคะ พี่สะใภ้บอกให้ฉันช่วยดูแลคุณแทนเธอ อีกเดี๋ยวฉันจะขึ้นไปกับคุณด้วย

เหอสือกุยยิ้มออกมาอย่างไม่มีทางเลือก เสียงอ่อนโยนดังขึ้น “ไม่ต้องหรอก”

“ไม่ได้ค่ะ ฉันรับปากพี่สะใภ้ไปแล้ว”

“ฉันจะไม่บอกเขาหรอก” ว่าแล้วเหอสือกุยก็ทำท่าทางไปที่ตะกร้าผลไม้ที่วางอยู่ท้ายรถ “อันนั้นอีกเดี๋ยวเธอเอากลับไปด้วย”