ตอนที่ชุยหังเข้าไป เขาก็นอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนเตียง กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของเขาก็ถูกโยนไว้บนเตียงชั้นบนพร้อมกับผ้าห่มสีสันฉูดฉาด 

 

 

ทุกคนต่างพากันรายงานให้ที่บ้านทราบ ก่อนจะเริ่มสนทนากันขึ้นมา 

 

 

ตั้งแต่พวกเขามาจากที่ไหน จากนั้นก็พูดถึงว่าคะแนนสอบได้กี่คะแนน แล้วก็อยู่สาขาวิชาอะไร 

 

 

คะแนนของชุยหังเมื่อเทียบกับพวกเขาที่อยู่ในนี้นับว่าค่อนข้างสูงเลยทีเดียว บวกกับสำเนียงทางเหนือที่คล่องแคล่วพวกเขาทุกคนต่างก็อยากจะพูดคุยกับเขา ด้านชุยหังก็ค่อยๆ ทำความคุ้นเคยไปกับพวกเขาทั้งอย่างนั้น 

 

 

นอกจากนี้พวกเขาทั้งสามคนต่างก็หอบสัมภาระมาด้วยมีแค่ชุยหังเท่านั้น เพราะอยู่สาขาเกี่ยวกับทางการทหารข้อกำหนดภายในจะมีข้อกำหนดเหมือนกันออกมาภายหลังดังนั้นจึงไม่ได้จัดเตรียมมาด้วยไม่อย่างนั้นวันนี้เขาคงจะลำบากมากยิ่งกว่านี้ 

 

 

พวกเขาดูเหมือนจะสนอกสนใจชุยหังเอามากๆ ยิ่งพอรู้ว่าชุยหังเป็นคนทางเหนือยิ่งเอาแต่ถามไม่ยอมหยุดปากประมาณว่าฤดูหนาวของภาคเหนือหนาวมากถึงขนาดที่เขาเล่าต่อๆ กันมาเลยไหมที่ว่าพอพ่นน้ำลายออกมายังไม่ทันตกถึงพื้นก็แข็งเป็นน้ำแข็งแล้ว 

 

 

ตอนกลางคืนหลังจากที่ขึ้นนอนบนเตียงแล้วชุยหังยังเล่าประสบการณ์ของตัวเองให้พวกเขาฟังด้วย 

 

 

เมื่อได้ยินว่าชุยหังถูกหลอกให้ขึ้นรถโจรมาพวกเขาต่างก็รู้สึกแปลกใหม่แต่ก็ไม่วายพูดปลอบใจเขาสองสามประโยค 

 

 

บรรยากาศแบบนี้ทำให้ชุยหังรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ในเมื่อทุกคนต่างก็มาจากต่างถิ่นต่างแดนหลังจากรายงานตัวอย่างเป็นทางการแล้วยังต้องแยกย้ายไปตามคณะสาขาวิชาที่แตกต่างกัน โอกาสที่จะได้เจอกันก็ยิ่งน้อยลงไปอีก 

 

 

หนึ่งในกลุ่มนั้นมีคนหนึ่งชื่อชย่าอวี่ชิวเป็นคนทางเหนือเหมือนกันกับเขา ยิ้มออกมาแล้วดูเหนียมอาย แต่ว่ารูปร่างดูแข็งแรงมาก เป็นคนที่คุยกับชุยหังมากที่สุด 

 

 

พวกเขาคุยกันไปเรื่อยๆ ชุยหังก็เริ่มจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว 

 

 

ตอนที่พึ่งลงจากรถชุยหังก็ได้โทรรายงานความปลอดภัยของตัวเองกับที่บ้านเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าใครคนหนึ่งจนถึงตอนนี้แล้วยังไม่โทรมาเลยและไม่แม้แต่จะส่งข้อความมาเลยด้วยซ้ำ 

 

 

แม้ว่าก่อนหน้านั้นตนไม่ทันได้ปรึกษาเขาก็สมัครสอบมาเข้ามหา’ ลัยที่ห่างไกลขนาดนี้ แต่ว่าเมื่อดูจากคุณสมบัติครอบครัวของตนเองแล้ว ค่าเทอมของมหา’ ลัยนี้ต่ำที่สุด อีกทั้งยังอนุมัติล่วงหน้าด้วย หลังจากเรียนจบแล้วเงินเดือนก็มากพอดูทีเดียว ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนมันก็เหมือนเป็นเพียงตัวเลือกเดียวของชุยหังแล้ว 

 

 

สุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปรีบเปิดโทรศัพท์ จากนั้นเปิดหาวีแชทในโทรศัพท์มือถือก่อนจะส่งข้อความผ่านวีแชทหาหลิวเฮ่อที่ตนหมายเหตุไว้ว่า ‘สามี’ 

 

 

[ฉันมาถึงที่นี่หนึ่งวันแล้วนะ นายทำอะไรอยู่] 

 

 

รออยู่นานแต่กลับไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ชุยหังเริ่มรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ 

 

 

เพราะตอนนี้ยังไม่ทันได้ทำบัตรโทรศัพท์ใหม่ดังนั้นตอนนี้จึงได้แต่เปิดระบบโรมมิ่งทางไกลจึงไม่ได้โทรไป 

 

 

ชย่าอวี่ชิวพูดปนล้อเล่นขึ้นมาว่า: “ทำอะไรอะ ส่งข้อความหาเมียแล้วเขาไม่ตอบนายหรอ” 

 

 

ชุยหังได้แต่หัวเราะอยากอึดอัดใจ แอบคิดในใจว่าจะเอาเมียมาจากไหนแถมตอนนี้ตนก็เป็นเมียคนอื่นอยู่ด้วย 

 

 

“เปล่าจะเอาเมียมาจากไหนเล่า” เขาพูดตอบ 

 

 

ชย่าอวี่ชิวกลับไม่ค่อยเชื่อเขาเท่าไหร่พลางพูดว่า: “ตอนนี้ยังเป็นเมียของนาย แต่ถ้านายไม่กลับไปนานๆ เข้าก็อาจจะเป็นของใครไปแล้วก็ไม่แน่” 

 

 

หัวใจชุยหังเต้นดังตึกตัก อันที่จริงก่อนหน้านี้เขาก็เคยคิดเกี่ยวกับปัญหานี้มาก่อนแล้ว 

 

 

คนสองคนไม่ได้อยู่ด้วยกัน ถ้าหากไม่ติดต่อกันบ่อยๆ ล่ะก็ความรู้สึกก็คงจะค่อยๆ เปลี่ยนจืดจางลงไปอย่างนั้นใช่ไหมนะ 

 

 

เขายิ้มออกมาอย่างขมขื่นและไม่ได้ตอบอะไร 

 

 

ในที่สุดโทรศัพท์ของเขาก็สั่นขึ้น เขารีบเปิดโทรศัพท์ออกดูปรากฏว่าเป็นข้อความวีแชทตอบกลับจากหลิวเฮ่อจริงๆ 

 

 

แต่พอกดดูก็ทำเขารู้สึกผิดหวังนิดหน่อย 

 

 

[ถึงแล้วก็โอเค ฉันรู้แล้ว] 

 

 

ไม่มีความเป็นห่วงและไม่ได้พูดกำชับอะไรเลยด้วย ชุยหังรู้สึกไม่ค่อยพอใจจึงส่งข้อความไปอีก: [นายทำอะไรอยู่หรอ] 

 

 

ผ่านไปพักหนึ่งหลิวเฮ่อถึงได้ตอบข้อความกลับ: [วันนี้มีนัดประชุมที่บริษัท ไม่คุยแล้วนะ]