บทที่ 1287 – หลี่ซือไถ, สมบัติแห่งอสูรศักดิ์สิทธิ์, จ้าวอสรพิษ

 

ชิงสุ่ยรู้ดีว่าวันเช่นนี้ต้องมาถึง เป็นเพราะเขาได้สังหารชายแซ่หลี่ไปก่อนหน้า ตระกูลหลี่เป็นตระกูลที่ทรงอิทธิพลในนิกายปฐพีซ่อนเร้น ยิ่งไปกว่านั้นผู้นำของนิกายยังเป็นคนจากตระกูลหลี่เช่นกัน

 

ชิงสุ่ยโคจรพลังปราณทั่วทั้งร่างกายเพื่อขจัดการการรับรู้ทางวิญญาณที่เพ่งเล็งมายังเขา ด้วยวิธีนี้เขาคิดว่าคงจะพอยื้อให้จบมื้อเช้าได้

 

ชิงสุ่ยโดนเพ่งเล็งจากการรับรู้ทางจิตวิญญาณ หลังจากใช้ความคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าข้อสรุปเดียวที่ได้คงเกิดจากการสังหารชายแซ่หลี่ผู้นั้น ชายผู้นั้นคงแฝงตราประทับบางอย่างไว้บนตัวของเขา ซึ่งมันคงแลกมาด้วยชีวิตและนิกายปฐพีซ่อนเร้นมีวิธีของมันในการติดตามตราประทับบนตัวชิงสุ่ย

 

หลังจากขจัดการรับรู้ทางจิตวิญญาณที่เพ่งเล็งมายังตัวเขาได้ มันใช้เวลาไม่นานนักเพื่อที่จะเพ่งเล็งมาอีกครั้ง ตราประทับที่แลกมาด้วยชีวิตของบุคคลไม่ใช่สิ่งที่สามารถกำจัดออกได้ง่ายดายนัก อย่างไรก็ตามในตอนนี้เรากำลังถึงกล่าวถึงตัวชิงสุ่ยอยู่ ถ้าเป็นบุคคลทั่วไปก็คงโดนตรานั่นก่อกวน หรืออาจจะเป็นบ้าจากการครอบงำไปแล้ว ซึ่งคงถามหาความสงบสุขในชีวิตไม่ได้เลย แต่ตัวของชิงสุ่ยเองมีพลังวิญญาณที่ทรงพลัง เขาจึงไม่ได้รับผลกระทบจากสิ่งเหล่านี้

 

เป็นเช่นที่คิดไว้ ทั้งสามคนทานอาหารเช้าเสร็จสิ้น หลังจากนั้นพวกเขาเดินออกจากห้องตรงไปทางลานบ้าน ในเวลานั้นเอง พวกเขาสังเกตุเห็นจุดสีดำๆกว่าสิบจุดหมุนวนอยู่ไกลๆ ซึ่งดูเหมือนว่าจุดเหล่านั้นกำลังบินวนรอบๆตัวพวกเขา

 

เมื่อชิงสุ่ยเดินออกมา เขารับรู้ถงการรับรู้ทางจิตวิญญาณที่เพ่งเล็งมาทางเขาอีกครั้ง เขามองไปยังหญิงสาวทั้งสอง “กลับไปที่ห้องของพวกเจ้าหรือไม่ก็รอข้าอยู่ที่นี่”

 

เมื่อกล่าวจบ เขาทะยานขึ้นกลางอากาศมุ่งตรงออกไป เขาพยายามหลีกเลี่ยงการปะทะบริเวณคฤหาสถ์ ในอีกฝั่งหนึ่ง หญิงสาวทั้งสองยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหนและไม่ได้ติดตามชิงสุ่ยออกไป

 

มันเป็นช่วงเวลาเช้าแก่ๆ อากาศยังคงสดชื่นอีกทั้งสภาพอากาศที่แจ่มใส แต่เป็นเพราะสัตว์อสูรกว่าสิบตัวบนท้องฟ้าทำให้มีความรู้สึกอัดอัดเล็กน้อยราวกับมีก้อนเมฆดำปกคลุมทั่วท้องฟ้า

 

ชิงสุ่ยประเมินฝ่ายศัตรูคร่าวๆผ่านสายตา เขายืนยันได้ว่าคนพวกนั้นเป็นบุคคลจากนิกายปฐพีซ่อนเร้นเพราะพวกเขาใส่ชุดในรูปแบบเดียวกัน แต่พวกเขาทุกคนล้วนดูเหมือนบุคคลทั่วไปราวกับว่าไม่ได้สืบสายเลือดมาจากเผ่าอสูรโลหิต

 

ณ เวลานี้ ชายชราสามคนพุ่งออกมาข้างหน้า พวกเขาทุกคนล้วนดูมีบารมีพร้อมท่าทีแปลกประหลาดและท่าทีขมขู่ เมื่อผู้คนได้รับพลังเช่นนี้ต่างล้วนถูกขัดเกลาและมีรูปร่างดังกล่าว น้อยคนนักที่มีท่าทีเช่นคนเลว ซึ่งในความจริงแล้วเป็นเรื่องยากที่จะแบ่งแยกระหว่างคนดีและคนเลว ผู้ชนะเท่านั้นที่ได้ปกครองเสมอ ไม่มีใครสนหรอกว่าราชาของพวกเขาจะมาจากตระกูลใด ราชวงศ์ใด หรือนิกายใด สิ่งที่ผู้คนต้องการจริงๆคือผู้ที่สามารถทำให้พวกเขาดำเนินชีวิตอย่างปกติสุขได้

 

“เจ้าเป็นใคร? เหตุใดจึงต้องสังหารผู้คนของนิกายปฐพีซ่อนเร้น?” ชายชราคนกลางเปี่ยมไปด้วยสายตาที่เย็นชาและร่างกายที่ตรงดั่งด้ามพู่กัน ร่างกายที่สูงผอมทำให้รู้สึกอันตรายเช่นเดียวกับลูกศรที่อาบยาพิษ

 

“ข้าไม่รู้จักนิกายปฐพีซ่อนเร้นและข้าสังหารผู้คนมามากมายนับไม่ถ้วน ข้าไม่สนหรอกว่าคนที่สมควรตายนั่นมันคือผู้ใด” ชิงสุ่ยกล่าวยั่วยุให้ชายชราโมโห

 

“น่าประทับใจจริงๆ เจ้าเด็กเหลือขอ เจ้าช่างยโสโอหังเหลือเกิน เจ้าคิดหรือว่าจะทำอะไรก็ได้เมื่อเป็นศิษย์ของสถาบันสวรรค์เร้นลับ? น่าขำยิ่งนัก แม้นว่าเจ้าจะเป็นผู้นำแห่งสถาบันสวรรค์เร้นลับ ข้าก็ไม่ลังเลเลยที่จะลงมือสังหารเจ้า” ชายชรากล่าวโดยปราศจากความลังเล

 

ตอนนี้ชิงสุ่ยเขาใจทุกอย่างแล้ว นิกายปฐพีซ่อนเร้นกำลังวางแผนทำการใหญ่ นอกจากนี้พวกมันยังวางแผนเล่นงานสถาบันสวรรค์เร้นลับอีกด้วย อย่างไรก็ตามสิ่งที่รบกวนใจเขาในตอนนี้คือนิกายปฐพีซ่อนเร้นทรงพลังเพียงใด?

 

ชิงสุ่ยยิ้มและมองไปยังชายชรา “เช่นนั้นเจ้าต้องการสังหารผู้นำแห่งสถาบันสวรรค์เร้นลับสินะ เจ้าคิดหรือว่าด้วยพลังแปดพันสุริยาของเจ้าจะไร้เทียมทาน”

 

เมื่อได้ยินคำกล่าวของชิงสุ่ย ความประหลาดใจปรากฏขึ้นมาบนดวงตัวของชายชรา เขาเพ่งสายตามองไปยังชิงสุ่ย “ข้าไม่รู้ว่าเจ้ารู้ถึงพลังของข้าได้อย่างไร แม้ว่าพลังแปดพันสุริยาจะไม่ได้เหนือสุดในมหาทวีปอู่เซียตะวันตก แต่มันคงเพียงพอที่จะสังหารเจ้าได้ พลังของสถาบันสวรรค์เร้นลับนั้นด้อยกว่าข้านัก และยังมีผู้คนมากมายในนิกายปฐพีซ่อนเร้นที่แข็งแกร่งกว่าข้า”

 

ชิงสุ่ยไม่คิดว่าผู้คนในนิกายปฐพีซ่อนเร้นจะแข็งแกร่งมากไปกว่านี้ ทั้งหมดคงเป็นเพราะพวกเขาต้องการสร้างความกดดันให้กับสถาบันสวรรค์เร้นลับ ชายชราอีกสองคนที่ยื่นอยู่ข้างๆล้วนมีพลังราวๆเจ็ดพันสุริยา

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยไม่ได้รู้สึกกลัวเลย เขาเพียงคิดว่าจะประมาทไม่ได้ สัตว์อสูรของเขาคงเพียงพอต่อการสู่กับชายชราทั้งสาม ชิงสุ่ยรู้สึกมั่นใจแต่มันคงต้องใช้เวลาสักหน่อย

 

“เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ล้วนเกิดจากการที่นิกายปฐพีซ่อนเร้นต้องการพิชิตทั่วทั้งมหาทวีปอู่เซียตะวันตก และดูเหมือนว่าพวกเจ้าต้องการเริ่มต้นที่สถาบันสวรรค์เร้นลับสินะ ช่างน่าเศร้าจริงๆ…” ชิงสุ่ยส่ายหัวและกล่าวออกมา

 

“ฮึ มีอะไรที่ข้าต้องเศร้า” ชายชราถึงกับต้องตกใจเมื่อชิงสุ่ยทราบถึงเจตนาที่แท้จริงของนิกายปฐพีซ่อนเร้น

 

“โชคร้ายเสียจริง พวกนิกายปฐพีซ่อนเร้นช่างโง่เขลา”

 

“เจ้าเด็กเหลือขอ เช่นนั้นพวกข้าจะเริ่มจากจัดการเจ้า”

 

เมื่อได้ยินคำพูดของชิงสุ่ย ชายชราไม่กล่าวอะไรให้มากความและพุ่งตรงเข้าหาชิงสุ่ย ในมือของเขาถือหอกอสรพิษที่เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายที่น่ากลัว ชายชราใช้มันออกราวกับงูที่ดุร้าย

 

เกราะอสูรสำแดง!

 

ทักษะย่างก้าวเก้าเทวา!

 

ชิงสุ่ยหลบเลี่ยงการโจมตีอย่างใจเย็น ชายชราผู้นั้นทรงพลังยิ่งนัก เขาไม่ต้องการปะทะตรงๆกับชายชรา เมื่อเขาเรียกใช้เกราะอสูรสำแดงแล้วก็เป็นเรื่องง่ายที่จะปัดป้องการโจมตี

 

ชิงสุ่ยคอยปัดป้องการโจมตีไปเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันชายชรารับรู้ถึงอันตรายที่กำลังจะเกิด ชิงสุ่ยเรียกมังกรไอยราเกล็ดทองคำออกมา เมื่อพวกเขาได้เริ่มการต่อสู้ขึ้นแล้ว หลังจากนี้จถือเป็นการต่อสู่ที่แท้จริง

 

ชิงสุ่ยรู้ดีว่าตัวเขาและนิกายปฐพีซ่อนเร้นไม่ถูกกันอยู่แล้ว ดังนั้นเขาควรจะข่มอีกฝ่ายเอาไว้เสียก่อน

 

วชิระสยบอสูร! ปราณจักรพรรดิ!

 

วิหคเพลิง!

 

อสูรแมงมุมมังกรเจ็ดเศียร!

 

อสูรอัสนีคลั่ง!

 

ชิงสุ่ยกวาดมือพร้อมกับเรียกสัตว์อสูรของเขาออกมา หลังจากที่ถูกลดพลังต่อสู้ ชายชราที่อยู่ตรงกลางต้องถอยกลับด้วยพลังที่เหลือไม่ถึงหกพันสุริยา ชายชราสองคนที่เหลือเช่นกันพวกเขาเหลือพลังเพียงห้าพันสุริยา ในเวลานี้พวกเขากำลังตกที่นั่งลำบาก ก่อนที่จะตระหนักได้ถึงความต่างของระดับพลังชิงสุ่ยได้โจมตีออกด้วยสัตว์อสูรเสียแล้ว

 

ตามด้วยการใช้ตราประทับแห่งวิหคศักดิ์สิทธิ์จากชิงสุ่ย

 

แต่โชคไม่ดี เขาไม่ได้รับโอกาสที่จะสร้างความเสียหายเพิ่มขึ้นสองเท่า แต่ถึงอย่างนั้นเขาสามารถผลักชายชราที่อยู่ตรงกลางกลับไปได้ มังกรไอยราเกล็ดทองคำประสานการโจมตีกับชิงสุ่ยและใช้วิชาก้าวพสุธามังกรไอยรา หลังจากนั้นตามด้วยวิชาปราณกระบี่วชิระ

 

ส่วนอสูรแมงมุมมังกรเจ็ดเศียรเรียกเหล่าลูกสมุนออกมาและไล่จัดการพวกที่ล้อมรอบเอาไว้ ความเร็วในการจัดการกับคนพวกนั้นทำให้ชายชราทั้งสามถึงกับต้องกระอักเลือดออกมา เป็นเพราะทั้งหมดถือเป็นยอดฝีมือของพวกเขา

 

และทางอสูรอัสนีคลั่งใช้อัสนีกัมปนาทโจมตีชราชราทั้งสามจากระยะไกล ชิงสุ่ยมอบหน้าที่ให้มันคอยจัดการกับชายชราคนที่อ่อนแอที่สุด วิหคเพลิงและมังกรไอยราเกล็ดทองคำจัดการกับชายอีกคนที่เหลือ ในตอนนี้วิหคเพลิงมีพลังป้องกันที่น่าสะพรึงกลัว แม้แต่ชายชราที่ยืนอยู่ตรงกลางก้ไม่สามารถฆ่ามันได้ในระยะเวลาสั้นๆ

 

แม้เรื่องราวทั้งหมดจะเกิดขึ้นในชั่วเวลาเพียงอึดใจ แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นต่อผู้คนจากนิกายปฐพีซ่อนเร้นจะไม่สามารถถูกลบออกไปอย่างง่ายดาย ในความเป็นจริงแล้วผู้คนกว่าครึ่งหนึ่งของพวกเขาได้ถูกลบหายไปก่อนที่จะรู้สึกอะไรด้วยซ้ำ

 

หลังจากที่การต่อสู้ได้เริ่มขึ้น ชิงสุ่ยตระหนักดีว่า ด้วยสัตว์อสูรทั้งหมดของเขาทำให้เขาไม่ต้องกดดันเมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูจากนิกายปฐพีซ่อนเร้น แม้ว่าพวกเขาทั้งสามคนจะครอบครองพลังกว่าเจ็ดพันถึงแปดพันสุริยา

 

นอกเหนือจากนี้ เขายังไม่ได้ผสานพลังกับมังกรไอยราเกล็ดทองคำเสียด้วยซ่้ำ หากว่าเขาผสานพลังกับมันแล้ว ชิงสุ่ยคงสามารถจัดการกับศัตรูได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆเลย

 

ในเวลาเพียงไม่นาน ผู้คนที่เหลืออยู่มีเพียงชายชราทั้งสามเท่านั้น เป็นเพราะระดับพลังของผู้คนพวกนั้นทำให้อสูรแมงมุมมังกรเจ็ดเศียรสังหารพวกมันทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย โดยทั้งหมดล้วนถูกสังหารด้วยพิษของแมงมุม

 

“ข้าคือหลี่ซือไถ มาทำข้อตกลงกันเถอะ เจ้าเห็นว่าอย่างไร?”

 

ชายชราคนกลางรู้ดีว่าพวกเขาอาจได้รับความตายหากยังดึงดันสู้ต่อไป ในขณะนั้นชิงสุ่ยรู้สึกไม่พอใจ เขาใช้ตราประทับแห่งวิหคศักดิ์สิทธิ์ออกกว่าสิบห้าครั้ง ไม่มีใครใดเลยที่ได้รับพลังโจมตีเพิ่มเป็นสองเท่า และเมื่อเขาได้ยินคำกล่าวจากชายชรา เขาเผยให้เห็นรอยยิ้มอันเย็นชา “พวกเจ้าเพิ่งปริปากต่อรองเมื่อกำลังพบกับความตายสินะ ถ้าเพียงต้องการให้ข้าไว้ชีวิต พวกเจ้าฝันไปเสียเถอะ”.

 

“ข้าไม่เคยร้องขอชีวิตจากผู้ใด เพียงแต่ก่อนที่ข้าจะตาย เจ้าพอจะตอบคำถามข้าสักสองสามข้อได้หรือไม่” ชายชรากล่าวอย่างหนักแน่น

 

“พวกเจ้าต้องการยื้อเวลาเพื่อรอกำลังเสริมสินะ” ชิงสุ่ยขมวดคิ้วและมองไปยังชายชรา

 

“เจ้ากำลังสงสัยว่าว่าพวกเรากำลังเรียกพรรคพวกงั้นหรือ?”

 

“ไร้สาระ เจ้าคิดว่าสถาบันสวรรค์เร้นลับต้องกลัวคนเช่นพวกเจ้างั้นหรือ? สิ่งที่พวกเจ้าทำได้คงมีเพียงรุกรานนิกายอื่นๆเท่านั้น” ชิงสุ่ยมองพวกเขาราวกับว่าพวกเขาเป็นคนโง่

 

“ดูเหมือนว่าพวกเราจะเริ่มต้นกันได้แย่มาก ดูเหมือนว่าแผนการในการยึดครองนิกายในพื้นที่เป็นจุดหลบซ่อนจะไม่ได้ผลเสียแล้ว”หลี่ซือไถถอนหายใจออก เขาสูญเสียจิตวิญญาณในการต่อสู้ไปแล้ว

 

อ๊าาก!

 

ชายชราคนที่อ่อนแอที่สุดถูกอัสนีจู่โจมอย่างต่อเนื่องจนเสียชีวิต ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตเขาทำได้เพียงกรีดร้องออกมาเท่านั้น

 

“เจ้าหนุ่ม เจ้าถือว่าเป็นศัตรูที่น่ากลัว ด้วยพลังของเจ้านั้นไม่ได้ด้อยไปกว่านายน้อยของพวกข้าเลย เพราะฉะนั้น เจ้าต้องตาย”

 

สมบัติแห่งอสูรศักดิ์สิทธิ์!

 

ชายชราเปล่งเสียงร้องดังออกมา

 

ชายชราในร่างผอมมีส่วนสูงที่ยืดขึ้นกว่าหนึ่งเมตร  ร่างกายและหนวดของเขาเปรียบเสมือนกับต้นสน ร่างกายทั้งหมดของเขาถูกย้อมไปด้วยสีดำและถูกโอบล้อมด้วยอสรพิษทมิฬ ด้วยร่างกายที่ใหญ่โตเขาสามารถมองเห็นทุกอย่างข้างล่างได้

 

ในตอนนี้ ชิงสุ่ยได้ขยายขอบเขตพลังออกอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเขากำลังเผชิญกับผู้ที่แข็งแกร่งจากชนป่าเถือน ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนว่าร่างกายของผู้คนจากนิกายปฐพีซ่อนเร้นจะสืบเชื้อสายมาจากเผ่าอสูรโลหิต

 

สมบัติแห่งอสูรศักดิ์สิทธิ์เป็นสมบัติของนิกายปฐพีซ่อนเร้นและชนป่าเถื่อน พวกมันสามารถปลุกความเป็นสัตว์อสูรจากเกราะอสูรสำแดงออกมาได้ มีเพียงผู้คนจากนิกายปฐพีซ่อนเร้นและคนสำคัญจากเผ่าอสูรโลหิตเท่านั้นที่จะได้เรียนรู้วิชานี้ แต่หลังจากใช้พลังนี้แล้วพวกเขาจะอ่อนแอลงเป็นเวลาหนึ่งเดือน “ในวันนี้ข้าจะแสดงให้เห็นถึงความน่ากลัวของสมบัติแห่งอสูรศักดิ์สิทธิ์” ชายชราซึ่งไม่สามารถขยับไปไหนได้กล่าวออกมา ในตอนนี้สิ่งที่เดียวที่เขาตั้งใจจะทำคือการสังหารชิงสุ่ย

 

แม้แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ ชิงสุ่ยยังคงรู้สึกเพียงตกใจเล็กน้อยเท่านั้น ชายชราและอสรพิษทมิฬได้ผสานเข้าด้วยกันเรียบร้อยแล้ว พลังโดยรวมของพวกเขาถูกเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก จากเดิมพลังหกพันสุริยาถูกเพิ่มขึ้นถึงหนึ่งหมื่นหนึ่งพันสุริยาเลยทีเดียว

 

สมบัติแห่งอสูรศักดิ์สิทธิ์ถือเป็นวิชาที่อันตรายอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยรู้ดีว่ามันมีความเกี่ยวของกับเกราะอสูรสำแดง ในตอนนี้ร่างของชายชราทรงพลังอย่างมาก ราวกับว่าทั่วทั้งร่างกายถูกติดอยู่กับงูดำยักษ์ หมอกดำที่แผ่อยู่รอบๆเริ่มกระจายออกทั่วทิศ เมื่อสูบมันเข้าไปจะทำให้วิงเวียนและสับสน

 

จ้าวอสรพิษ!

 

ไม่ต้องสงสัยเลย มันต้องรุนแรงอย่างแน่นอน! อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยมีวิชาสำหรับต่อต้านพิษโดยเฉพาะ เขาเริ่มใช้งานเขตแดนแห่งราชันย์

 

เขตแดนแห่งราชันย์!

 

มีรังสีสีขาวบริสุทธิ์กระจายออกมารอบๆตัวของชิงสุ่ยโดยมีเขาเป็นแกนกลาง เมื่อสัมผัสเขากับหมอกสีดำพวกมันก็จางหายไปในทันที อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้ชิงสุ่ยประหลาดใจก็คือหมอกดำนั่นมีพลังพิษที่รุนแรงอย่างน่าเหลือเชื่อมันถึงกับสามารถหักล้างกับเขตแดนแห่งราชันย์ได้ แม้ว่าเขตแดนแห่งราชันย์ของชิงสุ่ยจะไม่ได้อยู่ในระดับที่สูงมากแต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์ทำนองนี้ขึ้น ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าพิษของฝ่ายศัตรูมีความรุนแรงมากเกินไป

 

พิษทั้งหมดได้หยุดลงอยู่ประมาณสองเมตรรอบๆตัวเขา ชิงสุ่ยไม่สามารถขยับไปข้างหน้าได้ แสดงให้เห็นว่าพลังธรรมชาติรอบๆตัวชิงสุ่ยไม่ใช้สิ่งที่จะถูกทำลายลงได้อย่างง่ายดาย

 

“เจ้าเด็กเหลือขอ เจ้านี่ช่างมีพลังที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ แต่ในวันนี้เจ้าจะต้องตายอย่างแน่นอน ”

 

ลมกรดสังหาร!

 

จ้าวอสรพิษห้อมล้อมชิงสุ่ยไว้ราวกับมันเป็นพายุ ชั้นของพิษที่ปรากฏให้เห็นได้ทั่วทั้งร่างกายของชายชรา มันหมุนวนเขาผสานกับจ้าวอสรพิษเพือเพิ่มพลังทำลายล้าง แม้กระทั่งตัวชิงสุ่ยเองก็ต้องรู้สึกมึนงงเมื่อเจอมันเข้าไป

 

พิษ พวกมันเป็นพิษ ชิงสุ่ยไม่กล้าตอบโต้เพราะการรับรู้ทางจิตวิญญาณโดนจำกัดเอาไว้ ย้อนกลับไปก่อนหน้าคงเป็นเจ้าสิ่งนี้แหละที่เพ่งเล็งการรับรู้จิตวิญญาณมายังตัวเขา