เมื่อเทพธิดาวั่งซูขับราชยานพาดวงจันทร์มาถึงกลางฟ้า เสวียนอี่ก็กลับถึงเขาจงซานอย่างไม่เร็วไปไม่ช้าไป
ณ เขาจงซานที่ความมืดมิดปกคลุม แลดูน่าเกรงขามและเงียบสงบ เสวียนอี่เดินมาตามทางบันไดยาว ปีนก้าวแล้วก้าวเล่า น้ำค้างแข็งกระจายอยู่บนทางบันไดสีเขียวที่มืดมัวภายใต้แสงจันทร์ ต้นไม้ใบหญ้าที่อยู่สองข้างทางถูกแช่แข็งอยู่ในน้ำแข็งที่ใสแวววาว
อาจเป็นเพราะเมื่อเวลาผ่านไปแม้แต่บันไดยาวเหยียดก็ยังถูกแช่แข็ง เสวียนอี่คิด ถ้าอย่างนั้นเวลามาพบเสด็จพ่ออีกครั้ง ก็คงได้แต่เหาะมาแล้ว
ตำหนักฉางเซิงของผู้อาวุโสอยู่สุดทางบันได สมัยก่อนมีแค่มหาเทพแห่งเขาจงซานตระกูลจู๋อินเท่านั้นที่อาศัยอยู่ในวังได้ ตอนนี้ประตูตำหนักขนาดมหึมาเปิดออกเล็กน้อย ลมฤดูหนาวฝ่าเข้ามาผ่านรอยแยกนั้น พัดผมที่เพิ่งเกล้าไว้เรียบร้อยของเสวียนอี่ นางจึงใช้มือจับผมไว้ ตอนนั้นเองประตูตำหนักก็เปิดออกกว้างขึ้น เสียงของมหาเทพจงซานลอยมา “อาอี่ เจ้ามานี่”
เสวียนอี่ก้มศีรษะลงน้อยๆ ก้าวเข้าไปในตำหนักอย่างพินอบพิเทา
ตำหนักฉางเซิงอันโอ่โถงถูกปกคลุมด้วยความมืดมิด มีเพียงตรงกลางบนเก้าอี้น้ำแข็งที่มีแสงเทียนสลัวๆ ขยับไหวน้อยๆ มหาเทพจงซานลอยอย่างสงบอยู่ตรงหน้าเปลวเทียนนั้น ใบหน้าของเขาดูซูบซีดผิดปกติท่ามกลางความมืด
เสวียนอี่โค้งคำนับพลางกล่าวทำความเคารพ “เสวียนอี่คารวะเสด็จพ่อ”
มหาเทพจงซานพยักหน้ารับเงียบๆ สักพักก็เอ่ยเสียงต่ำถาม “วันนี้ได้พบกับเทพฝูชาง เจ้ารู้สึกว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง”
เสวียนอี่ตอบว่า “ลูกรู้สึกว่าเทพฝูชางรูปโฉมโดดเด่น มารยาทเกินธรรมดา สมคำร่ำลือ”
บนใบหน้าซูบเซียวของมหาเทพจงซานปรากฏรอยยิ้มอันหาได้ยาก “อ่อ เจ้าชอบเขา?”
เสวียนอี่ตอบ “ท่านเทพดูไม่ใคร่จะสนใจลูกนักเจ้าค่ะ”
มหาเทพจงซานผิดคาดเล็กน้อย “หรือว่าเขามีใครในใจ จะเป็นไปได้อย่างไร”
เสวียนอี่ก้มศีรษะลงตอบ “ลูกเป็นลูกสาวของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อรู้สึกว่าลูกดีงามก็ถือเป็นเรื่องปกติ คนนอกอาจไม่รู้สึกอย่างนั้นก็ได้เจ้าค่ะ”
มหาเทพจงซานมองลึกลงไปในตานาง นางมีสีหน้าที่ดูสงบมาก อารมณ์ที่แท้จริงแม้สักนิดก็ดูไม่ออก เขาคิดถึงตอนที่อาชุ่ยยังอยู่ ลูกชายพูดไปยิ้มไป วันๆ สร้างแต่ปัญหา ลูกสาวถึงแม้จะเกิดมาเงียบ แต่ใบหน้าเจ้าเนื้อนั้นก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสาอยู่บ่อยๆ
ตอนนี้อะไรก็ไม่มีแล้ว เก้าพันปีผ่านไป เสวียนอี่ก็ไม่เคยยิ้มแย้มกับเขาและก็ไม่เคยร้องไห้ต่อหน้าเขาอีกเลย ยามอยู่ต่อหน้าเขา นางทำอะไรผิดก็ไม่โต้แย้ง สงบเสงี่ยมอย่างที่สุด
มหาเทพจงซานในใจรู้สึกบอกไม่ถูก เขาพูดเรียบๆ ว่า “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ลูกสาวข้ามหาเทพจงซานตระกูลจู๋อิน ยังต้องกลัวว่าจะหาสามีดีๆ ไม่เจอไม่ได้เชียวหรือ”
“เสด็จพ่อพูดถูก” เสวียนอี่ตอบรับ
เปลวไฟไหวระริกเบาๆ ดวงหน้านางใต้แสงไฟที่ไม่คงที่ดูผิดแปลกยิ่ง มหาเทพจงซานคิดถึงใบหน้าอาบเลือดตอนที่อาชุ่ยตายขึ้นมา ร่างกายเริ่มสั่นเทิ้มอย่างควบคุมไม่อยู่ เปลวไฟนี้ก็ยิ่งสั่นไหวอย่างหนัก
ตอนนั้นเทพีชุ่ยเหอผู้เปี่ยมเสน่ห์เย้ายวนใจ พบรักกับเทพหนุ่มแห่งเขาจงซานผู้หลงในความรักอันลึกซึ้ง ทั้งหัวใจต้องการเพียงความซื่อสัตย์รักเดียวใจเดียวชั่วนิรันดร์ จึงทำร้ายทั้งนาง ทั้งยังทำร้ายตัวเอง และยังมีลูกสาวของพวกเขาด้วย แม้ว่าเขาจะนึกเสียใจภายหลังอีกครั้งสักเท่าไหร่ ก็ไม่มีสิ่งใดมาทดแทนได้อยู่ดี
เขาไม่คิดว่าอาอี่จะเป็นเช่นนั้น เหล่าเทพคุ้นเคยกับชีวิตอมตะ รักกับเกลียด ความคลุมเครือกับความไม่จริงจัง ความเสแสร้งกับความวุ่นวาย เหล่าเทพมากมายปล่อยใจไปกับเวลาที่ผ่านพ้นไป ความจริงใจนั้น สำหรับที่นี่แล้วสิ่งที่ได้รับกลับมาคือหัวใจที่แตกสลายเป็นเสี่ยงๆ
เขาเคยทำลายใจดวงหนึ่งมาแล้วด้วยน้ำมือตัวเอง ดังนั้น ครั้งนี้เขาจะต้องปกป้องอาอี่ให้ได้ ลูกสาวตระกูลจู๋อินแห่งเขาจงซานจะให้ใครมาข่มเหงมิได้เป็นอันขาด
“อาอี่ สี่ทะเลแปดแผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาล เทพแบบไหนก็มีทั้งนั้น ต้องมีคนที่ทำให้เจ้าชอบและทำให้เจ้าไม่ชอบได้ เจ้ากำลังค่อยๆ เติบโต ไม่อาจอยู่แต่ที่เขาจงซานตลอดไม่ไปไหน ข้าอยากให้เจ้าได้พบเจอประสบการณ์หลากหลาย จะได้ไม่เหมือนแม่ที่ดื้อรั้นของเจ้า”
เขารู้สึกขมฝาดในคอ เปลวไฟก็ยิ่งสั่นไหวแรงมากขึ้น สุดท้ายมีเสียง “ฟู่” แล้วก็หายไป ตำหนักฉางเซิงตกอยู่ในความมืดโดยสิ้นเชิง
“เจ้าไปเถอะ พักผ่อนเร็วหน่อย” เสียงมหาเทพจงซานฟังแล้วเหมือนเปล่งมาจากที่ไกลแสนไกล “เรื่องหลังจากนี้ ข้ามอบหมายให้ฉีหนานแล้ว”
เรื่องหลังจากนี้? เรื่องอะไร? เสวียนอี่เริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี
หลังออกจากประตูตำหนักก็เห็นอำมาตย์ฉีหนานอยู่ไกลๆ ท่ามกลางอากาศอันหนาวเหน็บ กำลังมองนางอยู่ รอยยิ้มหยอกเย้าของจี้หนานก็ปรากฏ เปิดปากพูด “องค์หญิงวันนี้ได้พบกับเทพฝูชางครั้งแรก ไม่มีอะไรคืบหน้าเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ”
คำถามนี้ถูกถามอยู่สามรอบแล้ว
เสวียนอี่กลอกตาตอบสั้นๆ “ท่านเทพไม่ชอบข้า”
ฉีหนานเพียงแค่ยิ้ม เขาแน่ใจแล้วว่าทำไมมหาเทพจงซานไม่พอใจอย่างนั้น “องค์หญิงยังคงแปลกประหลาดเช่นนี้”
องค์หญิงน้อยเป็นคนแปลกๆ มาตั้งแต่เด็ก แทบจะไม่เคยได้ยินคำประเภทว่า “ไม่เอา” จากปากของนาง มหาเทพจงซานบอกอะไรนางล้วนพยักหน้ายิ้มรับ อยากให้ทำอะไรก็ทำ ไม่อยากให้ทำอะไรก็ไม่ทำตามคำสั่งทุกอย่าง ไม่เคยขัดคำสั่ง
เมื่อรู้ว่าต้องไปพบกับเทพฝูชาง นางก็ตอบตกลงอย่างยินดี ผลของการพบกันเมื่อเช้านี้ ได้ยินว่านางพาคนติดตามไปถึงหนึ่งร้อยยี่สิบคน ก็รู้ว่าท่าจะไม่ดีแล้ว
“ไม่ใช่ว่าท่านมหาเทพอยากให้องค์หญิงแต่งงานออกไปเร็วๆ หรอกนะพ่ะย่ะค่ะ” ฉีหนานยิ้มแห้งกับนาง พูดสัพยอกยิ่งกว่าเดิมว่า “ท่านมหาเทพเพียงแค่กังวลกลัวองค์หญิงจะซุกซนเกินไป ไม่รีบแนะนำกลัวว่าหลังจากนี้จะไม่ได้แต่งงานออกไป”
เสวียนอี่ก้าวมาข้างหน้าพลางดึงแขนเสื้อของเขา เงยหน้ายิ้มตาหยีเป็นรูปพระจันทร์ “ข้ายังอายุไม่ถึงหนึ่งหมื่นปีเลย รอข้าสองหมื่นปีก่อนค่อยคิดเรื่องแต่งงาน”
ฉีหนานเป็นอำมาตย์อาวุโสที่สุดแห่งเขาจงซาน หลังเกิดเรื่องเทพีชุ่ยเหอ พ่อขององค์หญิงก็อารมณ์เปลี่ยนไปมาก นางและชิงเยี่ยนล้วนเติบโตภายใต้การดูแลของเขา เมื่อเทียบกับท่านมหาเทพจงซานพ่อของพวกนางแล้ว ทั้งสองพี่น้องยังใกล้ชิดฉีหนานมากกว่า
“มังกรหญิง สองหมื่นปีถือว่าแก่แล้ว อยากจะแต่งงานน่ากลัวว่าจะยากแล้ว” ฉีหนานยังค้านนาง
เสวียนอี่ทำตาโตไร้เดียงสาตอบ “ถ้าข้าอยากแต่งงาน ห้าหมื่นปีก็แต่งได้”
การอวดดีไม่ฟังใครนี้ไม่รู้ว่าเหมือนใคร ฉีหนานยากที่จะเห็นด้วย
“ฉีหนาน มีข่าวของชิงเยี่ยนหรือไม่” นางถามเหมือนเด็กน้อยที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
“ในช่วงสามร้อยปีมานี้องค์ชายน้อยไม่เคยส่งข่าวคราว แต่องค์หญิงไม่ต้องทรงกังวลไป นิสัยของเทพเสวียนหมิงถึงแม้จะแปลก เป็นลูกศิษย์ของเขานับว่าดีที่สุด องค์ชายน้อยติดตามเขาย่อมไม่เกิดอันตรายร้ายแรงแน่นอน”
ชิงเยี่ยนหลังจากเทพีชุ่ยเหอตายไปก็ไม่ถูกกับมหาเทพจงซานนัก จนกระทั่งสามพันปีก่อน เทพเสวียนหมิงมาเยี่ยมเยียน ชิงเยี่ยนก็ตามติดเขา เห็นความสัมพันธ์พ่อลูกไม่ลงรอย จึงจัดการรับชิงเยี่ยนเป็นศิษย์ติดตามเขาไปทางเหนือ
แต่ว่า องค์ชายน้อยช่างใจแข็งนัก สามร้อยปีไม่มีข่าวคราว ช่างใจแข็งนัก…ฉีหนานอดไม่ได้ที่จะคิดถึง เห็นเสวียนอี่ดูสบายอกสบายใจ เขาก็ขมวดคิ้วทันใดแล้วพูด “องค์หญิง สามพันปีก่อนองค์ชายน้อยติดตามมหาเทพเสวียนหมิง ใช้ชีวิตอิสระอยู่ที่เทียนเป่ย ท่านอยากออกไปเปิดโลกกว้างอย่างเขาบ้างหรือไม่”
ตอนแรกคิดว่าองค์หญิงตัวน้อยนี้จะต้องตอบรับด้วยความดีใจ ใครจะรู้นางกลับยิ้มแล้วพูด “ฉีหนาน เจ้ากับเสด็จพ่อร่วมมือกันจัดการเรื่องยุ่งยากนี้ให้ข้าอีกแล้ว”
ฉีหนานตะลึง “องค์หญิงไม่อยากเห็นโลกภายนอกเขาจงซานเป็นอย่างไรหรือพ่ะย่ะค่ะ ยิ่งกว่านั้นนี่คือหนทางเดียวที่เทพหนุ่มสาวทุกคนต้องทำตาม รอท่านอายุห้าหมื่นปี ก็ไม่อาจใช้เวลาให้หมดไปอย่างไร้ค่า อยู่ในโลกเทพต้องมีงานทำ ถ้าไม่มีก็ต้องถูกเนรเทศออกไป”
เสวียนอี่หาวขึ้นมา ไม่บ่อยนักที่จะได้ออกมา นางง่วงแล้ว
“ข้าต้องไปนอนแล้ว” นางขยี้ตาพลางก้าวลงบันไดไป “ฉีหนาน ถ้ามีข่าวชิงเยี่ยนต้องรีบบอกข้าทันทีนะ”
ฉีหนานคิดว่านางช่างทำตามใจตัวเองไม่มีสิ้นสุดจริงๆ เลยรีบพูดว่า “องค์หญิง! เคารพสามีเป็นเรื่องที่ต้องทำ! ท่านต้องเลือกมาสักคนนะพ่ะย่ะค่ะ! สมุดภาพข้าก็เอามาหมดแล้ว!”
เสวียนอี่เพียงแค่โบกมือตอบเรียบๆ “พวกเจ้าจัดการเลย ข้าอย่างไรก็ได้”
ให้พวกเจ้าจัดการ ข้าอย่างไรก็ได้ ครั้งที่แล้วตอนที่พูดกับนางเรื่องท่านเทพฝูชาง นางก็พูดประโยคนี้
ฉีหนานรู้สึกปวดหัวนัก เขากลัวก็แต่ว่าเขาจะไม่มีวันเข้าใจได้ว่าในหัวขององค์หญิงน้อยผู้นี้บรรจุสิ่งใดเอาไว้บ้างกันแน่