ตอนที่ 92 หลอกลวง

“ท่านพี่! ท่านอย่ามองข้าเช่นนั้น ข้าสำนึกและรู้สึกเสียใจจริง ๆ ท่านกับคุณชายฉีเกิดมาเพื่อคู่กัน ข้าจะแยกพวกท่านทั้งสองคนออกจากกันได้อย่างไร? ข้าต้องขอโทษท่านด้วย!”

หลังจากพูดจบ ซูเสี่ยวเหยี่ยนก็แอบคิดในใจว่าซูหวานหว่านคงจะเชื่อนางจนสนิทใจ

ดวงตากลมโตของซูหวานหว่านกลอกไปมาพร้อมมองสบเข้าไปในดวงตาของซูเสี่ยวเหยี่ยนด้วยแววตาดุดัน นางคิดว่าซูเสี่ยวเหยี่ยนมีบางอย่างแปลกไป ทว่านางก็ได้แต่จำใจตอบน้องสาวตนเองว่า “ในเมื่อเจ้าพูดเช่นนี้แล้ว ข้าที่เป็นพี่สาวจะไม่โกรธเจ้าและให้อภัยสำหรับทุกอย่างที่เจ้าทำไม่ดีต่อข้า”

“ท่านพี่ช่างเป็นคนดียิ่งนัก!” ซูเสี่ยวเหยี่ยนเอ่ยจบก็วิ่งออกไป ทว่าก่อนออกไปนางได้ขอเงินจากซูหวานหว่านไป 2-3 เหรียญ

ดูเหมือนว่าตัวเองจะเข้าไปพัวพันกับเรื่องไม่เป็นเรื่องอีกแล้ว ไม่รู้ว่านางคิดมากไปเองหรือทักษะการแสดงของซูเสี่ยวเหยี่ยนค่อนข้างสูง?

หลังจากขบคิดเรื่องนี้อยู่ครู่ใหญ่ แม่เจิ้นก็เดินกลับมาบ้าน นางจึงลงมือช่วยแม่เจิ้นทำอาหารเย็น หลังจากที่ครอบครัวของนางรับประทานมื้อเย็นกันเสร็จเรียบร้อย พระอาทิตย์ก็หายลับไปจากท้องฟ้าเหลือเพียงดวงจันทร์ที่ส่องแสงอยู่ ทุกคนจึงแยกย้ายไปพักที่ห้องของตัวเอง

ซูหวานหว่านที่กำลังจะเข้านอนก็เจอกับซูเสี่ยวเหยี่ยนเดินจับหน้าท้องตนเองและบอกว่า “ท่านพี่! ข้ารู้สึกปวดท้องมาก ท่านช่วยไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนข้าหน่อยได้หรือไม่?”

เมื่อก่อนนางก็ไปห้องน้ำด้วยตัวเองได้ เหตุใดวันนี้ถึงอยากให้นางไปเป็นเพื่อน? ซูหวานหว่านขมวดคิ้วและมองซูเสี่ยวเหยี่ยนเงียบ ๆ

“ท่านพี่!” ซูเสี่ยวเหยี่ยนทำท่าทางร้อนรนและดึงตัวซูหวานหว่านออกมาด้วยกัน “ท่านพี่ เมื่อวานข้าได้ยินเสียงสุนัขป่าร้องดังมาจากหลังเขา ข้ารู้สึกกลัวมาก!”

“ก็ได้ ข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้า” ซูหวานหว่านพยักหน้า “เจ้ารอเดี๋ยวนะ เดี๋ยวข้าจะไปเอาตะเกียงน้ำมันก่อน”

“ไม่จำเป็น! ข้ามองเห็น” ซูเสี่ยวเหยี่ยนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงร้อนรนแปลก ๆ นางไม่รู้ว่าซูเสี่ยวเหยี่ยนต้องการไปห้องน้ำหรือกำลังพูดโกหกกันแน่ ซูหวานหว่านคิดอยู่ครู่หนึ่งแต่แล้วก็เดินตามออกไป

ซูเสี่ยวเหยี่ยนเดินไปเข้าห้องน้ำ ส่วนซูหวานหว่านยืนรออยู่ข้างนอก

ซูเสี่ยวเหยี่ยนคำนวณเวลารอให้แน่ใจว่าคนที่นางร่วมมือด้วยได้เข้าไปในบ้านเพื่อรอซูหวานหว่านแล้ว จากนั้นสักพักนางก็ได้พูดขึ้นมา “ท่านพี่ ข้าลืมเอาใบไม้มาด้วย เมื่อวานนี้ข้าได้เก็บใบไม้มาแล้ว ท่านพี่ช่วยไปเอาที่ห้องนอนของเราหน่อยได้หรือไม่ ข้าเก็บใบไม้เอาไว้ที่นั่น”

“ได้” ซูหวานหว่านตอบตกลงและเดินกลับไปยังห้องนอน นางรู้สึกตงิดใจเล็กน้อย แต่แล้วฉ่ายโกวก็วิ่งออกมาจากหน้าประตูบ้าน มันส่งเสียงพูดว่า “เจ้านาย มีคนแปลกหน้ากำลังปีนกำแพงบุกรุกเข้ามาในบ้าน!”

คนแปลกหน้า? คนนั้นจะต้องเกี่ยวข้องกับซูเสี่ยวเหยี่ยนอีกแน่ ๆ ซูหวานหว่านครุ่นคิด นางเปิดประตูห้องนอนพร้อมกับอุ้มฉ่ายโกวเข้าไปในห้อง ของในห้องนอนยังคงวางอยู่เช่นเหมือนเดิม ทว่าเกิดเสียงการเคลื่อนไหวเล็กน้อยมาจากด้านหลังหลังเสา

ทันใดนั้นก็มีผ้าคลุมพุ่งเข้ามาหาซูหวานหว่าน นางกระตุกยิ้มก่อนกลิ้งตัวหลบหนีออกไป

“ซูหวานหว่าน เจ้าจะต้องผ่านข้าก่อน!”

เสียงนี้…คือเหมี่ยวอี้เซิง!

ซูหวานหว่านยิ้มเยาะเย้ยและโยนฉ่ายโกวเข้าไป จากนั้นนางก็ได้ยินเสียงร้องของเหมี่ยวอี้เซิงพูดว่า “อ้า! หวานหว่าน!”

“เหมี่ยวอี้เซิงลงมือแล้วหรือ?” ซูเสี่ยวเหยี่ยนผู้เสแสร้งแกล้งทำเป็นมาเข้าห้องน้ำ รีบวิ่งออกจากห้องน้ำและวิ่งไปที่ห้องของแม่เจิ้นและซูต้าเฉียงทันที “ท่านพ่อ! ท่านแม่ พวกท่านตื่นเถิด! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว! ท่านพี่อยู่ในห้องนอนกับผู้ชาย…”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น แม่เจิ้นและซูต้าเฉียงรีบลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าและใส่รองเท้าจุดเทียนในตะเกียงน้ำมันทันที “หวานหว่าน!”

“ข้าจะรอดูว่าเจ้าจะแต่งงานกับฉีเฉิงเฟิงได้อย่างไรกัน!” ซูเสี่ยวเหยี่ยนรู้สึกมีความสุขมาก เมื่อคิดว่าเหมี่ยวอี้เซิงทำให้ซูหวานหว่านมีมลทิน จึงรีบวิ่งไปดูละครที่นางสร้างขึ้นอย่างตื่นเต้น

ในตอนนี้เอง ฉ่ายโกวกัดไปที่ต้นขาของเหมี่ยวอี้เซิง ทำให้กางเกงขาดรุ่งริ่งอีกทั้งยังมีเลือดออกมาตามต้นขา ไม่ว่าอย่างไรฉ่ายโกวก็ยังไม่ปล่อยตัวของเหมี่ยวอี้เซิงไปง่าย ๆ เหมี่ยวอี้เซิงจะตีฉ่ายโกวเท่าใด ฉ่ายโกวก็จะยิ่งกัดแรงขึ้นไปอีก ทำให้เขี้ยวแหลมของฉ่ายโกวแทงทะลุกระดูกของเหมี่ยวอี้เซิง ส่งผลให้เขาหมดสติไปเพราะทนความเจ็บปวดไม่ไหว

ซูหวานหว่านยืนดูอยู่ข้าง ๆ อย่างเฉยเมย พลันใดก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างนอกประตู นางจึงคว้าตัวเหมี่ยวอี้เซิงเอาไว้แล้วโยนร่างเขาเข้าไปในมิติฟาร์ม พร้อมกับหยิบใบไม้สองสามใบแล้วทำท่าเหมือนจะเดินออกไป ซึ่งพอนางเปิดประตูห้องออกไปก็พบกับทั้งสามคนที่กำลังเดินมา

เหตุใดซูหวานหว่านถึงไม่เป็นอะไร? เหตุใดเหมี่ยวอี้เซิงถึงหายไป! ซูเสี่ยวเหยี่ยนตกใจและวิ่งเข้าไปในห้องนอนเพื่อมองหาอีกฝ่าย ซูหวานหว่านหัวเราะพลางเอ่ยว่า “น้องสาว เจ้าออกมาจากห้องน้ำโดยยังไม่ทำความสะอาดหรือ?”

เหตุใดถึงไม่เหมือนกับที่นางคิดเอาไว้! “ข้า…” ซูเสี่ยวเหยี่ยนไม่รู้จะตอบซูหวานหว่านอย่างไร นางหลุบตาหลงอย่างครุ่นคิด

แม่เจิ้นชำเลืองมองไปที่ซูเสี่ยวเหยี่ยนและพูดว่า “เหตุใดเจ้าถึงออกมาโดยไม่ล้างมือ? อีกอย่างวัน ๆ ก็เอาแต่ส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายเสียงดัง! เมื่อครู่คงจะได้ยินผิดสินะ! ในห้องไม่เห็นมีผู้ใดเลย นอกจากเจ้าที่เพิ่งไปเข้าห้องน้ำ เจ้ารู้ได้อย่างไรว่ามีผู้ชายอยู่ในห้อง?”

“ข้าได้ยินเสียงผู้ชายร้องจริง ๆ” ซูเสี่ยวเหยี่ยนพูดและวิ่งเข้าไปในห้องเพื่อหาต้นตอของเสียง ทว่าไม่เจอแม้กระทั่งเงาของเหมี่ยวอี้เซิง

เหมี่ยวอี้เซิงสัญญากับนางแล้วว่าจะมาวันนี้! เมื่อครู่นางได้ยินเสียงของเหมี่ยวอี้เซิงจริง ๆ ทว่าเหตุใดถึงไม่เจอเหมี่ยวอี้เซิงเลย!

“ดูเหมือนว่าเจ้าจะหวังให้มีผู้ชายอยู่ในห้องนอนเสียเหลือเกินนะ?” ซูหวานหว่านพูดเยาะเย้ยออกมา แววตาเย็นชาของนางกวาดไปรอบ ๆ จ้องมองไปซูเสี่ยวเหยี่ยน และพยายามระงับอารมณ์ความรู้สึกเอาไว้พร้อมกับถอนหายใจออกมา

“ท่านพี่ ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ข้าแค่กลัวว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับท่านแค่นั้นเอง…” ซูเสี่ยวเหยี่ยนพูดออกมาอย่างแผ่วเบา

“อ๋อ หากเป็นเช่นนั้นข้าก็รู้สึกขอบคุณเจ้าเป็นอย่างมากสำหรับความเป็นห่วง!” ซูหวานหว่านโกรธมาก คิดไม่ถึงเลยว่าน้องสาวของตัวเองคนนี้จะร่วมมือกับผู้อื่นมาทำร้ายนาง!

เมื่อเห็นสองพี่น้องเป็นเช่นนี้ บรรยากาศภายในห้องก็มึนตึงขึ้นมาทันที แม่เจิ้นและซูต้าเฉียงรับรู้ได้ทันทีว่าซูเสี่ยวเหยี่ยนเป็นคนทำ พวกเขาทั้งสองสรุปว่าเป็นความผิดของซูเสี่ยวเหยี่ยน จึงเอ่ยสั่งสอนเล็กน้อยก่อนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อน

ตลอดทั้งคืนซูเสี่ยวเหยี่ยนไม่ยอมรับเลยว่าตนเองเป็นคนผิด ซูหว่านหว่านจึงเพิกเฉยต่อซูเสี่ยวเหยี่ยน

เช้าตรู่วันถัดมา พวกไก่เริ่มส่งเสียงขันปลุก ซูหวานหว่านลุกขึ้นจากเตียงและพาตัวเหมี่ยวอี้เซิงออกมาจากมิติฟาร์ม จากนั้นโยนร่างเหมี่ยวอี้เซิงลงไปในกองวัชพืชข้างถนน ก่อนจะเดินกลับมาบ้านพร้อมกับเดินมานั่งที่โต๊ะอาหาร นางนั่งฝึกจิตสมาธิเข้าไปในมิติฟาร์มเพื่อฝึกฝนและทำภารกิจเพื่อแลกกับคะแนน

ผ่านไปชั่วครู่ ซูหวานหว่านก็ได้ยินเสียงของซูเสี่ยวเหยี่ยนลุกขึ้นและเดินเปิดประตูออกมา เสียงฝีเท้าดังขึ้นที่ลานบ้าน ซูเสี่ยวเหยี่ยนและคนที่ยืนอยู่หน้าประตูบ้านกำลังกระซิบกระซาบกัน ถึงแม้ว่านางจะได้ยินเสียงไม่ชัด ทว่าซูหวานหว่านก็คิดว่ามันจะต้องเป็นเรื่องไม่ดีอีกแน่ ๆ อีกทั้งนางยังขี้เกียจฟัง จึงฝึกฝนจิตสมาธิต่อไป

ไม่นานนัก แม่เจิ้นและคนอื่น ๆ ก็ลุกขึ้นตื่นขึ้นมาเช่นกัน ซูหวานหว่านได้กลิ่นหอมลอยออกมาจากห้องครัว จากนั้นก็ได้ยินเสียงของซูเสี่ยวเหยี่ยนที่นำอาหารมาวางเอาไว้ข้าง ๆ

ซูหวานหว่านที่กำลังนั่งฝึกจิตสมาธิอยู่นั้นก็ดึงจิตตัวเองออกมาพร้อมกับลืมตาขึ้นมาช้า ๆ นางเห็นซูเสี่ยวเหยี่ยนยิ้มแล้วพูดว่า “ท่านพี่ ข้ารู้ว่าวันนี้ท่านยุ่งมาก วันนี้ข้าเลยทำอาหารเช้ามาให้เป็นพิเศษ!”

“โอ้?” ซูหวานหว่านเหลือบมองน้องสาวของตัวเอง จากนั้นก็มองไปยังอาหารที่ซูเสี่ยวเหยี่ยนเป็นคนทำ นางพูดออกมาอย่างเย็นชา “หากเจ้าชอบก็กินเองเถอะ ข้าไม่กล้ากินหรอก”

“ท่านพี่ แต่ว่ามันอร่อยมากนะ…” ซูเสี่ยวเหยี่ยนพูดโน้มน้าวและกำลังจะป้อนเข้าปากให้กับซูหวานหว่าน ซูหวานหว่านจึงพูดออกมาอย่างเย้ยหยันว่า “ข้าไม่รู้ว่ามันมีพิษหรือเปล่า ข้าไม่กล้ากินหรอก”

หลังจากพูดจบ นางก็ลุกขึ้นทันที และหยิบเสื้อผ้าที่ใส่เมื่อวานและอ่างไปซักเสื้อผ้าที่ริมแม่น้ำ โดยไม่มองไปที่ซูเสี่ยวเหยี่ยนเลยสักนิด

“ให้กินดี ๆ แล้วไม่ชอบสงสัยจะต้องใช้กำลังบังคับ!” ซูเสี่ยวเหยี่ยนกำลังโกรธจัด นางวิ่งไปที่บ้านของตระกูลซูพร้อมกับคิดขึ้นมาภายในใจของตัวเอง นางไม่มีทางเชื่อว่าจะไม่มีใครทำอะไรซูหวานหว่านได้! ต่อให้มันจะยากแค่ไหนนางก็จะไม่ถอยเด็ดขาด!

ผ่านไปสักพักนางก็เดินมาถึงบ้านตระกูลซู พอมาถึงก็มีหญิงสาวที่มีเสน่ห์คนหนึ่งเดินออกมา นางเองก็เดินไปที่แม่น้ำพร้อมกับอ่าง ซึ่งมีมีดซ่อนอยู่ข้างใต้ มีดถูกปกคลุมไปด้วยเสื้อผ้าจนไม่สามารถมองเห็นได้

“ซูหวานหว่าน! ข้าอยากจะให้เจ้าตาย!” หญิงสาวกัดฟันพูดออกมา