เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเหลือบมองเยี่ยเม่ยราวกับว่านางถามคำถามโง่ๆ ออกมา เขาเดินไปนั่งลงข้างกายนาง รอฟังผลจากเสี่ยวกวน เอ่ยเสียงนุ่มว่า “เชื่ออะไร”

 

 

จะเชื่อหรือไม่เชื่อ แต่เขาเห็นสตรีของตนพัวพันแนบชิดกับชายอื่น ต่อให้เป็นในรูปภาพไม่กี่ใบ เขาก็ไม่พอใจ

 

 

เยี่ยเม่ยมองอีกฝ่าย รู้สึกขบขันนัก นางเอ่ยปากว่า “ในเมื่อไม่เชื่อท่านยังจะดูอีก ซ้ำยังจะดูอยู่นานสองนาน!”

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนสงบนิ่งครู่หนึ่งมองเยี่ยเม่ยด้วยสายตาไม่พอใจ “ท่วงท่าตั้งหลายท่าในนี้พวกเรายังไม่เคยลองเลย!”

 

 

คนที่แอบลงมืออยู่ลับๆ ผู้นี้ รังแกคนเกินไปแล้ว! คนผู้นี้คิดจะเตือนสติเยี่ยเม่ยว่า เขาเป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็ไม่เท่าไร มีหลายท่าทางที่เขาคิดไม่ถึง เลยต้องใช้รูปภาพพวกนี้เพื่อแดกดันเขาหรือ

 

 

เยี่ยเม่ย “…จุดสนใจของท่านช่างแตกต่างจากผู้อื่นนัก!”

 

 

ต่างจากผู้อื่นจนถึงขั้นที่เยี่ยเม่ยรู้สึกจากเบื้องลึกในใจว่า นางจนปัญญาจะสนทนากับเขาต่อไปได้

 

 

นางมองอวี้เหว่ย สั่งว่า “บอกให้ลั่วซิงเฉินเดินทางไปจวนจงซาน กำชับให้เขาดูแลบุตรสาวให้ดี บอกกับเขาว่าเรื่องที่ข้าคิดสังหารซือหม่าหรุ่ย ใครก็ห้ามสอดทั้งนั้น ใครคิดสอดมือเข้ามา ต่อให้เป็นบุตรสาวเขา ก็ต้องตายอย่างมิต้องสงสัย!”

 

 

“อ๋า ต้องทำถึงขั้นนี้เชียวหรือ” อวี้เหว่ยกระตุกมุมปาก

 

 

เยี่ยเม่ยเกรงอกเกรงใจจงซานมาโดยตลอด จู่ๆ ก็โอหังขึ้นมาแบบนี้ เอ่ยว่าจะไม่เกรงใจสักน้อย จะไม่ทำให้จงซานเกิดความรู้สึกไม่พอใจหรืออย่างไร

 

 

เยี่ยเม่ยปรายตามองเขา เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “สั่งให้เจ้าไปเจ้าก็ไปสิ!”

 

 

อวี้เหว่ยกลับยังไม่เข้าใจ “ในเมื่อต้องไปอย่างเปิดเผย ไฉนต้องให้ลั่วซิงเฉินไป ข้าไปก็ไม่เหมือนกันหรือ”

 

 

 

 

เยี่ยเม่ยยิ้มมองอวี้เหว่ย “ต้องทำให้เซียวชินเห็น ให้เขารู้ว่าข้ามีลั่วซิงเฉินอยู่ข้างกาย อาจารย์ของเขากับอาจารย์ของซือหม่าหรุ่ยมีบุญคุณความแค้น ถึงคนทั้งสองจะไม่ใส่ใจเอาความ แต่เซียวชินหาได้รู้ว่าลั่วซิงเฉินจะไม่สนใจเช่นกัน เมื่อเขาเห็นว่าลั่วซิงเฉินทำงานให้ข้า ย่อมสงสัยว่าลั่วซิงเฉินทำไปเพื่อบุญคุณความแค้นของคนรุ่นก่อน จงใจยั่วยุให้ร้ายซือหม่าหรุ่ย เช่นนี้เขาก็จะยิ่งเชื่อว่าข้าจะสังหารซือหม่าหรุ่ยจริงๆ!”

 

 

อวี้เหว่ยรีบพยักหน้า “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง ข้าเข้าใจแล้ว! ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้ แต่ว่า…ลั่วซิงเฉินน่าสงสารนัก ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น แต่ต้องแบกหม้อก้นดำโดยไร้ความผิด!”

 

 

เยี่ยเม่ยเอ่ยด้วยเจตนาไม่ดี “ไม่นับว่าแบกหม้อก้นดำโดยไร้ความผิดหรอก เซียวชินสงสัยเช่นนี้ก็ไม่มีปัญหา ลั่วซิงเฉินเป็นคนเอาของเข้าไปวางเอง ทั้งยังแสร้งว่าค้นออกมาได้ด้วย คนที่ให้ร้ายซือหม่าหรุ่ยก็คือเขา!”

 

 

อวี้เหว่ย “…” นั่นไม่ใช่เพราะท่านบงการหรอกหรือไง? !

 

 

ครั้นเห็นท่าทางอวี้เหว่ย เยี่ยเม่ยก็รู้สึกอยากขำ “เจ้าวางใจเถอะ พรุ่งนี้ความจริงปรากฏแล้ว ให้ร้ายลั่วซิงเฉินได้ไม่นานหรอก”

 

 

 

 

“ข้าเห็นว่าแต่ละครั้งท่านสั่งงานเขา ลั่วซิงเฉินล้วนไม่พอใจ หยิบยกเรื่องที่ตนเองเป็นผู้สืบทอดราชาพิษออกมา จึงจงใจแกล้งเขาสินะ!” อวี้เหว่ยเอ่ยความในใจออกมา

 

 

เยี่ยเม่ยชะงักเล็กน้อย พยักหน้าตอบว่า “ไม่ผิดเลย!”

 

 

อวี้เหว่ย “…!”

 

 

เขาถามขึ้นอย่างอดใจไม่ได้ “เช่นนั้น…หลังจากลั่วซิงเฉินไปจวนจงซานแล้ว ยังจะมีชีวิตกลับมาหรือไม่”

 

 

ไม่ว่าจะพูดอย่างลั่วซิงเฉินก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเป็นเวลาครึ่งปีแล้ว ที่ชายแดนสามเดือนและในเมืองหลวงสามเดือน ถึงแม้ไม่ได้อยู่ด้วยกันทุกวัน ทั้งไม่อาจนับว่าคบหาแบบตายแทนกันได้ แต่ก็พอมีความผูกพันอยู่บ้าง

 

 

เซียวชินมีวรยุทธ์สูงส่ง หากระหว่างเดินทางกลับจากจวนซือคงของจงซาน เซียวชินเกิดโทสะสังหารลั่วซิงเฉิน…

 

 

เยี่ยเม่ยพยักหน้า “วางใจเถอะ เขาต้องรอดกลับมา! กลับมาได้แน่! ไม่เพียงเขามีชีวิตรอดกลับมา อีกทั้งต่อให้เซียวชินคิดสังหารเขาก็ได้แต่อดทน ไม่มีลอบลงมือระหว่างทางแน่! ดังนั้นเขาปลอดภัยไร้กังวล!”

 

 

ถึงอวี้เหว่ยไม่รู้สาเหตุที่เยี่ยเม่ยมั่นอกมั่นใจเช่นนี้ แต่ในเมื่อนางกล่าวแล้วก็คงจะไม่เกิดเรื่อง ดังนั้นเขาจึงไปทำตามคำสั่ง

 

 

แต่เขาคิดแล้วว่าต่อไปไม่อาจล่วงเกินเยี่ยเม่ยได้ คิดไม่ถึงว่านางจะใจไม้ไส้ระกำถึงขั้นนี้! เมื่อก่อนเขาดูไม่ออกเลยสักนิดเดียว ดูท่าเขาคงจะอ่อนประสบการณ์เกินไป

 

 

 

 

จวนจงซาน

 

 

ลั่วซิงเฉินมาด้วยความไม่เต็มใจ เขาถ่ายทอดคำพูดของเยี่ยเม่ยจนครบถ้วน

 

 

หลังจากฟังคำเล่าของลั่วซิงเฉินแล้ว สีหน้าของจงซานก็สุขุมลง ไม่ต้องคิดเยอะ เขาก็รู้ว่าเยี่ยเม่ยคิดจะทำอะไร นางต้องการให้เขาดูแลบุตรสาวให้ดี อย่าได้ก่อความวุ่นวาย

 

 

ยังไงเสียเยี่ยเม่ยก็ไม่มีทำเรื่องโง่เขลาอย่างการสังหารพี่น้องคนสนิท ไม่ว่าจะด้วยสถานการณ์ใดก็ตาม จงซานไม่มีวันเชื่ออย่างแน่นอนว่าเยี่ยเม่ยคิดว่าซือหม่าหรุ่ยขโมยของ จากการที่เขาได้ทำงานร่วมกับเยี่ยเม่ยพักหนึ่ง จงซานเข้าใจเยี่ยเม่ยเป็นอย่างมาก นางเป็นองค์หญิงมีฐานะสูงศักดิ์แต่ให้ความสำคัญกับคนมีความสามารถ หากคิดจะเตือนสติเขาว่านางต้องการสังหารซือหม่าหรุ่ยต้องใช้คำพูดเพื่อโน้มน้าวให้เขารั้งจงรั่วปิงไว้ ไม่ใช่มีท่าทีเดือดดาลเช่นนี้ คล้ายจงใจแสดงให้ใครดูก็ไม่ปาน

 

 

ดังนั้นเขาที่ไม่ต้องเข้าร่วมแผนการก็เข้าใจแล้ว พยักหน้าเอ่ยว่า “กลับไปรายงานพระชายา ข้าเข้าใจแล้ว!”

 

 

“อืม!” ลั่วซิงเฉินเดินทางกลับ

 

 

ระหว่างทางไม่รู้ว่าลั่วซิงเฉินระแวงไปเองหรือไม่ เขารู้สึกว่ามีสายตาคู่หนึ่งคอยจับจ้องเขาอยู่ด้านหลังตลอด คล้ายกับจะถลกหนังเขาทั้งเป็น แต่เมื่อมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นใครเลยสักคนเดียว

 

 

ด้วยเหตุนี้เขาได้แต่รีบทะยานห้อตะบึงกลับจวนองค์ชายสี่ หวังว่ากลับไปถึงจวนโดยไวเพื่อความปลอดภัย

 

 

ส่วนในใจเขาก็กลัดกลุ้มนัก สรุปแล้วตนคิดไปเองหรือว่าล่วงเกินใครแล้วกันแน่ แต่เขารู้สึกว่าตนไม่เคยล่วงเกินใครนี่นา! น่าแปลกชะมัด!

 

 

 

 

จวนองค์ชายสี่

 

 

หลังจากลั่วซิงเฉินไปส่งข่าวที่จวนจงซาน เป่ยเฉินเสียเยี่ยนยกถ้วยชาขึ้นมองเยี่ยเม่ยคราหนึ่ง ถามว่า “พระชายารักมั่นใจได้อย่างไรว่าขอเพียงเอ่ยเช่นนี้ไป๋หลี่ซือซิวจะไม่โกรธและทั้งเข้าใจความหมายของเจ้าด้วย”

 

 

เยี่ยเม่ยฟังคำพูดของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็ไม่คิดมาก ตอบกลับไปตามตรง “แน่นอน! ไป๋หลี่ซือซิวเป็นถึงปราชญ์อันดับหนึ่งของราชสำนักจงเจิ้ง อีกนิดเดียวเขาก็มีชื่อเสียงเทียบเคียงเป่ยเฉินอี้แล้ว หากเขามองลูกไม้ตื้นๆ ของข้าไม่ออก นั่นก็เท่ากับว่าผิดต่อคำเยินยอที่คนทั่วหล้ามีต่อเขาแล้ว!”

 

 

“อย่างนั้นหรือ” เป่ยเฉินเสียเยี่ยนหัวเราะเสียงเย็นมองเยี่ยเม่ย กล่าวเป็นจังหวะว่า “นับไปแล้ว หากไป๋หลี่ซือซิวไม่ปลอมตัวเป็นตาแก่ เขาก็มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเจ้าและข้า ได้ยินมาว่าในราชสำนักจงเจิ้งปีนั้น เขาเป็นบุรุษรูปงาม ทันทีที่ปรากฏกาย แม่นางจำนวนไม่น้อยพากันต่อแถวเพื่อรอ หวังว่าจะได้เห็นเขาเพียงสักครู่หนึ่ง!”

 

 

เยี่ยเม่ยหางตากระตุก “ท่านคิดจะพูดอะไรกันแน่”

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนตวัดสายตามองนาง “ก็ไม่ได้คิดจะพูดอะไร เพียงแต่ระยะนี้พระชายารักติดต่อกับเขาบ่อยนัก กระทั่งวันนี้ยังรู้ใจกันอีก หัวใจของเยี่ยนไม่พอใจก็เท่านั้นเอง!”

 

 

เยี่ยเม่ยเหลียวมองเขา ถามตรงๆ ว่า “ท่านหึงหรือ”

 

 

เขาถามกลับว่า “ไม่ได้หรือไง”