บทที่ 218 เจ้าพิการต่อไปก็ดีแล้ว

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

ดวงตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยของเย่จิ่งหานเหล่มองนางอย่างเย็นชา ในดวงตาที่ลึกไม่เห็นก้นราวกับแอ่งน้ำหนาว เวลานี้ปกคลุมไปด้วยเพลิงโทสะช่วงโชติ

ทุกคนไม่สงสัยสักนิด อีกแค่นิดเดียว เพลิงนั้นก็จะพลุ่งพล่านขึ้นมาแน่ และเมื่อเกิดขึ้นก็มิอาจดับได้

“เจ้ารู้ว่าเจ้ากำลังพูดอะไรอยู่ไหม?” ในคำพูดต่ำหนักเจอการตักเตือน

กู้ชูหน่วนยิ้มหวาน เปลี่ยนท่าทีพลัน กอดต้นขาเย่จิ่งหานราวกับจะตื๊อด้วยความเร็วแบบสายฟ้าแลบ ใบหน้าคลี่ความออดอ้อนของสาวน้อย

“รู้! ไม่เจอท่านเสียนาน ข้าคิดถึงท่านแล้ว”

แค่คำพูดง่ายๆ ประโยคเดียว เสมือนหนึ่งยิ้มเย็นหนึ่งกะละมัง ดับไฟของเย่จิ่งหานไปมาก

“ท่านอ๋อง อย่าโกรธเลย เอาแต่ขมวดคิ้ว จะแก่เร็วนะ”

“ปล่อยมือ!” เย่จิ่งหานตะคอก

“ไม่ปล่อยๆ” ว่าแล้วกู้ชูหน่วนก็กอดแน่นกว่าเดิม กระทั่งแนบใบหน้าลงไปด้วย

“…”

“ปกติเจ้าก็ให้ท่าชายอื่นเช่นนี้หรือ?”

“เปล่าสักหน่อย ข้าให้ท่าแต่ท่านเท่านั้น”

“เฮอะ…อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าช่วงนี้เจ้าทำเรื่องดีๆ อะไรไปบ้างนะ” เย่จิ่งหานกลับไม่ผลักนางออกไป แม้ยังเคืองอยู่ แต่สีหน้ากลับไม่ขมึงตึงน่ากลัวเหมือนเมื่อครู่แล้ว

“เรื่องดีๆ ที่ข้าทำมีอยู่เยอะแยะ อย่างเช่นข้าช่วยทาสบำเรอในเขาสูบวิญญาณมากมาย แล้วข้าก็ช่วยเย่เฟิง ช่วยอาโม่ นี่ถือเป็นการสร้างกุศลให้ท่านหรือเปล่า?”

เย่จิ่งหานจ้องนางเขม็ง อย่างกับอยากเห็นอะไรจากใบหน้าของนาง

“เจ้ารู้ว่าอาโม่ที่เจ้าเอ่ยถึงคือผู้ใดหรือไม่?”

“รู้สิ น้องชายข้า…ข้าใช้ความสามารถตัวเองช่วยคนเป็นครั้งแรกเลยนะ ท่านอ๋อง ท่านรู้ฐานะของเขาใช่ไหม?”

“ไม่รู้”

กู้ชูหน่วนเย้ยหยันอยู่ในใจ

ไม่รู้?

หลอกใครน่ะ?

เห็นนางเป็นเด็กสามขวบหรือ?

“ต่อไปห่างเขาให้มากหน่อย”

“ทำไม…”

“หากเจ้าเข้าใกล้เขาอีก ข้าก็จะหักขาสุนัขของเจ้าเสีย ถึงอย่างไรพิการกับพิการก็เหมาะกันมาก”

“นี่จะได้อย่างไร? ถ้าสองคนพิการหมด ไปข้างนอกคนอื่นมิต้องหัวเราะตายหรือ? ข้าว่า…ท่านก็เดี้ยงต่อไปน่ะดีแล้ว ข้าไม่ต้อง”

“เจ้าว่าอะไร?” เย่จิ่งหานดวงตาเย็นชาหรี่ลงเล็กน้อย

“ข้าว่า ขาทั้งสองของท่านอีกไม่นานก็จะกลับมาเป็นปกติแล้ว ท่านไม่ต้องพิการอีก”

กู้ชูหน่วนยกชาเสวี่ยแล้วประเคนให้อีกครั้ง “ท่านอ๋อง ชานี้ข้าชงลำบากนัก ตอนที่ต้มน้ำยังทำจนมือซ้ายถูกไฟลวก ท่านก็ดื่มสักหน่อยเถอะ ดีไหม? ถือว่าเห็นแก่หน้าข้า”

เย่จิ่งหานเหล่มองมือซ้ายของนาง มือซ้ายนางซ่อนอยู่ในแขนเสื้อ มองไม่เห็นว่าจะถูกลวกตรงไหน

ยังไม่ทันพิจารณาว่าจะรับชาของนางมาหรือไม่ กู้ชูหน่วนก็ยัดใส่มือเขาแล้ว

“รีบดื่มเถอะ”

เย่จิ่งหานยกขึ้นมา จิบไปนิดๆ คำหนึ่งแล้ว ก็ขมวดคิ้วพลัน

นี่มันชาอะไร? ทั้งเย็น ทั้งฝาด ทั้งขม ไม่น่าดื่มเกินไปกระมัง เขาสงสัยว่ากู้ชูหน่วนไม่รอให้น้ำเดือดก็ทิ้งลงไปต้ม

“ท่านอ๋อง ชาท่านก็ดื่มแล้ว เมื่อไรจะส่งคนไปปกป้องยายเย่กับชาวบ้านที่หมู่บ้านสายธารล่ะ?”

มือที่เย่จิ่งหานถือชากระตุก

เขาว่าแล้วเชียว ว่าชาถ้วยนี้ ‘ไม่น่าดื่ม’

เขาวางชาในมือลงอย่างหมดอารมณ์ เอ่ยเรียบ “ความเป็นความตายของชาวบ้านในหมู่บ้านสายธารเกี่ยวอะไรกับข้า?”

“ก็ต้องเกี่ยวอยู่แล้ว ท่านเป็นอ๋องเทพสงครามของแคว้นเย่ พวกเขาก็คือประชาชนของท่าน”

“ข้ามิใช่ฮ่องเต้แคว้นเย่สักหน่อย”

“สมญานามท่านอ๋องคือเทพสงครามที่ชนะไร้พ่าย เผด็จศึกทุกสมรภูมิ ท่านเฝ้าประจำการอยู่ชายแดนแคว้นเย่ตั้งหลายปี ที่ทำก็มิใช่ปกป้องบ้านเมืองหรือ? หมู่บ้านสายธารเป็นประชาชนของแคว้นเย่ ก็ต้องเป็นเป้าหมายที่ท่านต้องปกป้องอยู่แล้ว”

“อีกอย่าง ท่านอ๋องก็มีจิตใจเมตตา เห็นใจราษฎร ก็ต้องทนเห็นพวกเขาประสบเคราะห์ไม่ได้อยู่แล้วใช่ไหม?”

เย่จิ่งหานไม่พอใจ น้ำเสียงขุ่นเคือง “ทำไมเจ้าต้องห่วงใยเรื่องของเย่เฟิงด้วย? หรือว่าเจ้าจะเสน่หาในตัวเขาจริงๆ?”