ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 239

หลิวซื่อกับฮูหยินหลิงหลงยืนอยู่ด้วยกัน มองดูแล้วใบหน้าของหลิวซื่อจะเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ นางมักจะเป็นเช่นนี้ เมื่อได้เข้าร่วมงานเลี้ยงใหญ่ ๆ ของตระกูล เพราะหยวนซื่อแทบจะไม่ได้ออกมาเลย ฮูหยินหลิงหลงทำหน้าที่เสมือนเป็นฮูหยินใหญ่ แต่มันก็เพียงชื่อที่ใช้เรียกเท่านั้น ยังไงเสียนางก็ยังเป็นอนุภรรยาอยู่ดี ดังนั้นนางที่ยืนอยู่กับภรรยาคนที่สองของตระกูลเซี่ย แต่มาดของนางดูมีความเป็นนายหญิงมากกว่า

เมื่อเห็นว่าบุตรสาวของนางถามเซี่ยจื่ออัน บนใบหน้าก็มีรอยยิ้มผุดขึ้นมาเล็กน้อย มองไปที่รอยแผลที่หน้าผากของฮูหยินหลิงหลง แล้วพูดกับเซี่ยฟางเอ๋อ “ฟางเอ๋อ อย่าทำเช่นนั้น มีบทเรียนให้เห็นกันอยู่”

จริง ๆ แล้วคำพูดนี้ของนางคือต้องการบอกฮูหยินหลิงหลงว่า ท่านดูสิ พวกท่านรังแกเซี่ยจื่ออันจนตนเองได้รับแผลมาแล้วหนึ่งราย พิการนิ้วขาดไปแล้วหนึ่งนิ้ว แต่พวกนางทำอะไรเซี่ยจื่ออันไม่ได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นนางยังเป็นอาสะใภ้รองของนาง ทั้งยังเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่เหมือนกับนางที่เป็นแค่อนุภรรยา

อารองและมหาเสนาบดีเซี่ยก็มองมาทางนี้เช่นกัน จื่ออันอันเงยหน้าขึ้น และมองไปที่ใบหน้าของมหาเสนาบดี มันทำให้นางรู้สึกตกใจ

ใบหน้านั้นดูน่าพิศวงจริง ๆ เบ้าตาดำทั้งสองข้าง สันจมูกบิดเบี้ยว ปากก็บวม มีรอยฟกช้ำที่แก้มทั้งสองข้าง มองแวบแรกก็รู้ว่าถูกต่อยมา

มหาเสนาบดีของราชสำนักถูกคนโจมตีได้ง่ายดายเช่นนี้เชียวหรือ?

จื่ออันนึกถึงสิ่งที่เซียวท่าพูด ก็อดที่จะขบคิดมิได้ เป็นไปได้หรือที่เซียวท่าจะหาคนไปต่อยตีเขาจริง ๆ?

เมื่อเซี่ยฟางเอ๋อเห็นจื่ออันไม่ได้พูดอะไร นางเลยคิดว่าจื่ออันกลัว ก็เลยได้ใจหาเรื่องต่อไป และชี้ไปที่จมูกของนาง เจ้ารีบกล่าวขอโทษฮูหยินหลิงหลงกับพี่รองซะ มิเช่นนั้นวันนี้ข้าจะตีเจ้าให้ขาหัก”

มหาเสนาบดีเซี่ยที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ ก็มีสีหน้าที่จริงจัง เขารู้นิสัยของแม่ลูกคู่นี้ดี แม้แต่เรื่องเล็ก ๆ พวกนางก็จะไม่ปล่อยมันไป อยากจะอวดเบ่งอำนาจถ้าเป็นวันเก่าก่อนก็คงทำได้ แต่ในตอนนี้ไม่อาจทำให้พวกนางขุ่นเคืองได้อีกต่อไปแล้ว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเซี่ยฟางเอ๋อได้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก ๆ แม้ว่านางจะเป็นแค่เพลงมวยที่สวย แต่กระบวนท่าแต่กลับใช้งานจริงไม่ได้ก็ตาม แต่ถ้ามีบาดแผลใหม่เกิดขึ้นมาอีก จะไม่เป็นการดีถ้าแขกเหรื่อที่มาร่วมงานจะพบเห็น

เขาพูดกับน้องชาย “เจ้าไปบอกหว่านเอ๋อว่า วันนี้เป็นวันมงคลของฮูหยินผู้เฒ่า อย่าก่อความวุ่นวาย”

น้องชายของเขาไม่ได้สนใจ “แต่สิ่งที่เซี่ยอันทำไปนั้นมันก็เกินควร ดังนั้นให้ฟางเอ๋อสอนบทเรียนให้นางเสียหน่อยเถิด”

“อย่างสร้างปัญหา จะสั่งสอนเมื่อไหร่ก็ได้? แต่วันนี้ แขกมากมายกำลังจะมาถึง เรื่องนี้จะทำให้คนภายนอกมองจวนของเราไม่ดี”

น้องชายของเขาพึมพำในใจ ตอนนี้ที่จวนมหาเสนาบดีนี้ก็ไม่เหลือหน้าอะไรอีกแล้ว นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่แขกเหรื่อได้เห็นเรื่องน่าขัน แล้วมันจะยังไง?

อย่างไรก็ตาม ด้วยแรงกดดันจากพี่ชาย เขาจึงต้องดุไปว่า “ฟางเอ๋อ อย่าพูดมาก!”

เมื่อเซี่ยฟางเอ๋อได้ยินที่พ่อของนางดุ ก็จ้องไปที่จื่ออันอย่างเคืองแค้น “เดี๋ยวเจ้าจะได้เห็นดีกัน”

เมื่อเซี่ยหว่านเอ๋อเห็นเซี่ยฟางเอ๋อปล่อยจื่ออันไปง่าย ๆเช่นนี้ นางจะพอใจได้อย่างไร? นางยิ้ม “ช่างเถอะ ที่น้องฟางเอ๋อไม่อยากขัดแย้ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้นางมักจะต่อว่าน้องฟางเอ๋อว่าเป็นคนหยาบคาย ไม่มีใครสั่งสอน ต่อไปคงจะหาสามีดี ๆ ได้ยาก”

สิ่งที่เซี่ยฟางเอ๋อเกลียดที่สุดก็คือการถูกกล่าวหาว่าหยาบคาย หลังจากที่ได้ยินการยั่วยุของเซี่ยหว่านเอ๋อนางก็โกรธจัด แม้ว่าพ่อของนางจะดุ แต่นางก็ยกหมัดขึ้นและกำลังจะพุ่งไปที่จื่ออันอย่างสุดแรง

แต่เมื่อจื่ออันเห็นหมัดของนางขยับเล็กน้อย ก็รู้ได้ว่านางกำลังจะเคลื่อนไหว จื่ออันจึงแสร้งทำเป็นตกใจ และดึงเอวบาง ๆ ของเซี่ยหวานเอ๋อมาบังไว้และซ่อนอยู่ข้างหลังนาง พร้อมตะโกนออกไปว่า “น้องหว่านเอ๋อ ช่วยพี่ด้วย!”

เมื่อเซี่ยฟางเอ๋อเห็นดังนั้น ก็หยุดหมัดของตนเองไม่ทันแล้ว หมัดแรกโดนเข้าไปที่คางของเซี่ยหว่านเอ๋อเต็ม ๆ จากนั้นทั้งร่างก็กระแทกไปที่ตัวเซี่ยหว่านเอ๋อจนล้มลงไปที่พื้นพร้อมกัน ไม่ต้องพูดถึงว่ามันดูไม่น่ามองเพียงใด

ดูเหมือนจื่ออันจะตื่นตระหนกเอาเสียมาก พูดอ่าคำเดียว แล้วรีบก้าวไปข้างหน้าพยายามดึงทั้งสองคนขึ้นมา แต่เท้าของนางก็ “บังเอิญ” ไปเหยียบบนหลังมือของ เซี่ยฟางเอ๋อ นางรู้สึกเจ็บมากเสียจนกัดฟันแน่นจนปวดกราม

จื่ออันรีบถอยออกไป แต่แล้วก็ “บังเอิญ” เหยียบน่องของเซี่ยหว่านเอ๋อเข้าให้อีก นางเดินโซเซ ยืนแทบไม่ไหว นั่งลงไปบนหัวของเซี่ยหว่านเอ๋อต่อ

ตามคำสั่งของหลิวซื่อ หญิงรับใช้ก็ก้าวไปข้างหน้าช่วยพยุงทั้งสามคนขึ้นมา เซี่ยหว่านเอ๋อและเซี่ยฟางเอ๋อผมเผ้ารุงรัง เสื้อผ้าก็ยับยู่ยี่ ใบหน้าแลดูสับสน

จื่ออันดูเหมือนว่ากำลังกลัว แต่พอเห็นมหาเสนาบดีเซี่ยที่สับขาเดินมาอย่างรวดเร็ว และพอได้เห็นใบหน้าที่ยอดเยี่ยมของเขา นางก็อยากที่จะหัวเราะออกมา