บทที่ 150 เสี่ยวเสวี่ยนที่ตื่นขึ้น!
ก่อนจะครบกําหนด 2 เดือนเย่เทียนไม่สามารถยกระดับการบ่มเพาะได้ในตอนนี้ระดับพลังของเขามาถึงขั้นสูงสุดของระดับราชาแล้วพร้อมจะทะลวงผ่านระดับศักดิ์สิทธิ์ได้ตลอดเวลา
แต่เขายังไม่สามารถทะลวงเข้าสู่ระดับศักดิ์สิทธิ์ได้ชั่วคราวดังนั้นเขาทําได้เพียงฝึกฝนด้านอื่นๆตัวอย่างเช่นเจตจํานงดาบหรือหาคัดลอกพรสวรรค์
สองวันถัดมาเย่เทียนได้เข้าออกสํานักงานใหญ่ของพันธมิตรพเนจรและหอทหารรับจ้างขวาน
สงครามเพื่อตรวจสอบและค้นหาพรสวรรค์ที่ต้องการ
ในที่สุดเขาก็พบมัน!
เขตพื้นที่ส่วนกลางหอทหารรับจ้างขวานสงคราม
เย่เทียนมองไปยังผู้ฝึกยุทธ์ที่มีอายุประมาณ 60-70 ปี ด้วยดวงตาเปล่งประกายชายคนนี้มีด
วงตาสีแดงเลือดอยู่ตรงหว่างคิ้ว
มนุษย์ – อีกกลุ่มชาติพันธุ์
รูปลักษณ์ของเขาดูแปลกประหลาด ระดับการบ่มเพาะของเขาไม่ได้สูงนักเพียงขอบเขตปรมาจารย์เท่านั้น
แต่พรสวรรค์ของเขาดึงดูดความสนใจของเย่เทียน
เผ่ามนุษย์สามตา:กู่ทง
พรสวรรค์ในการบ่มเพาะ: ระดับหลุดพ้น
พรสวรรค์ความเร็ว: ระดับเริ่มต้น
พรสวรรค์การปลอมตัว: ระดับสูง
มนุษย์สามตาที่ชื่อกู่ทง พรสวรรค์ในการบ่มเพาะของเขาไม่สูงนัก เพียงระดับหลุดพ้นแต่เขามีพรสวรรค์ในการปลอมตัว
“คนผู้นี้มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับหลุดพ้น ไม่มีทางที่เขาจะเป็นเพียงระดับปรมาจารย์ใน
เมื่อเขามีอายุหกสิบถึงเจ็ดสิบปีแล้ว อายุที่แท้จริงของเขาไม่ควรจะแก่ขนาดนั้นเป็นไปได้ว่าชายคนนี้ใช้พรสวรรค์การปลอมตัว ปลอมตัวเป็นชายชรา?” เย่เทียนพึมพําด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
เขามองดูอย่างละเอียดอีกฝ่ายดูเป็นชายชราจริงๆไม่ว่าจะเป็นผิว สายตาหรือพลังชีวิตล้วนคล้ายคลึงกับชายชราไม่อาจบอกได้เลยว่าอีกฝ่ายเป็นใครกันแน่
หากไม่ใช่เพราะพรสวรรค์ในการคัดลอกของเขาสามารถตรวจสอบพรสวรรค์ของอีกฝ่ายได้เย่
เทียนคงจะเชื่อว่าเขาเป็นชายชราจริงๆ
“พรสวรรค์การปลอมตัวพรสวรรค์นี้ไม่เลวเลยอีกไม่นานเราจะต้องเข้าไปในวิหารแห่งแสงพรสวรรค์นี้มีประโยชน์กับเรามากหากใช้มันปลอมตัวเป็นคนอื่นจะไม่มีใครสามารถระบุตัวตนที่แท้จริงของเราได”เย่เทียนครุ่นคิด
ดังนั้นเขาจึงแอบคัดลอกพรสวรรค์การปลอมตัวของกู่ทง
หลังจากนั้นเขาก็เดินสํารวจสถานที่บางแห่งที่อยู่ใกล้สํานักงานใหญ่ของกองกําลังชั้นนํา
ต่างๆ แต่เนื่องจากเขาไม่สามารถเข้าไปด้านในได้ พรสวรรค์ในการคัดลอกของเขาจึงตรวจสอบได้ไม่ทั่วถึงดังนั้นจึงไม่มีทางที่จะคัดลอกพรสวรรค์ของแกนนํากองกําลังใหญ่เหล่านั้น
สุดท้ายเย่เทียนก็ไม่ต้องการเสียเวลาอีกเขาจึงเลือกคัดลอกพรสวรรค์เงาทมิฬระดับสูงสุดมาเดิมทีเขามีพรสวรรค์เงาทมิฬอยู่แล้วแต่มันเป็นเพียงระดับเริ่มต้นเท่านั้นตอนนี้ขอได้คัดลอก พรสวรรค์เงาทมิฬระดับสูงสุดแล้วซึ่งมันอาจจะมีประโยชน์ต่อเขาในอนาคต
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เย่เทียนก็เริ่มหลอมรวมพรสวรรค์เงาทมิฬระดับสูงสุดและพรสวรรค์การปลอมตัวระดับสูงทันที
หลังจากกระบวนการหลอมรวมสิ้นสุดลง เย่เทียนก็พบว่าพรสวรรค์การปลอมตัวนั้นไม่ธรรมดาเลยมันสามารถทําให้เขาปลอมตัวเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นได้
“สามารถปลอมตัวเป็นสัตว์อสูรได้ด้วย!”
เย่เทียนตกใจมาก
เดิมทีเขาคิดว่าพรสวรรค์นี้สามารถปลอมตัวเป็นมนุษย์คนอื่นได้เท่านั้นแต่หลังจากเข้าตรวจ
สอบตราประทับพรสวรรค์ในการปลอมตัว เขาจึงรู้ถึงความมหัศจรรย์ของมัน
อย่างไรก็ตามพรสวรรค์การปลอมตัวระดับสูงไม่สามารถปลอมตัวเป็นสัตว์อสูรได้ทุกชนิดท่า
ได้เพียงปลอมตัวเป็นสัตว์อสูรที่มีรูปร่างคล้ายคลึงกับมนุษย์ เช่น ลิง
แน่นอนว่าเขาสามารถปลอมตัวเป็นผู้หญิงได้ แม้แต่เสียงยังเปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์แบบแต่พอเย่เทียนคิดว่าตัวเองกลายเป็นผู้หญิงเขาก็รู้สึกกระอักกระอ่วนจึงล้มเลิกความคิดนี้ไป
เย่เทียนเดินทางไปยังหอคอยเทพสงคราม เตรียมจะเริ่มเก็บตัวเพื่อทําความเข้าใจเจตจํานงแห่งดาบการเก็บคะแนนไว้ก็ไร้ประโยชน์เขาเตรียมที่จะใช้มันทั้งหมดเพื่อทําความเข้าใจเจตจํา นงแห่งดาบเพื่อยกระดับความเข้าใจในเจตจํานงแห่งดาบให้สูงขึ้น
หากว่าเขาได้รับทักษะดาบระดับทองในมิติวิหารแห่งแสงมันจะมีประโยชน์อย่างมากมิติศิลาเทพสงคราม
เย่เทียนเริ่มทําความเข้าใจเจตจํานงแห่งดาบ เวลาค่อยๆไหลผ่านไป ความเข้าใจในเจตจํานงแห่งดาบของเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เจตจํานงดาบ 76%
เจตจํานงแห่งดาบ 77%
เจตจํานงแห่งดาบ 78%!
เวลาผ่านไปเกือบ 2 เดือน ตลอดเวลาที่ผ่านมา เย่เทียนก้าวออกจากมิติศิลาเทพสงครามเพื่อคัดลอกพรสวรรค์เพียงครั้งเดียว
เขาก็ได้คัดลอกพรสวรรค์ด้านพละกําลังระดับลึกลับปลอม 20% มา หลังจากหลอมรวมแล้ว
พรสวรรค์ด้านพละกําลังระดับลึกลับของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็น 60%
นอกจากนี้เขายังคัดลอกพรสวรรค์ด้านความเร็วระดับความลึกลับปลอมและยกระดับพรสวรรค์ด้านความเร็วระดับความลึกลับของเขาเป็น 20% ซึ่งถือว่าเขาได้รับประโยชน์อย่างมาก
หลังจากนั้น เขาก็อยู่ในมิติศิลาเทพสงครามเพื่อทําความเข้าใจเจตจํานงแห่งดาบต่อ
“ฟู่” เย่เทียนเปิดตาของเขาขึ้นด้วยความสุข
“สําเร็จแล้ว ความเข้าใจในเจตจํานงแห่งดาบของเราเพิ่มขึ้นเป็นแปดส่วนแล้ว!”
เย่เทียนคิดกับตัวเอง
อย่างไรก็ตามที่มันสามารถเพิ่มขึ้นเป็น 8 ส่วนได้ก็เพราะเขาโกง
ใช่แล้ว เย่เทียนแอบใช้พรสวรรค์ด้านเวลาเร่งเวลาขึ้น แต่มันครอบคลุมพื้นที่รอบๆตัวเขาเท่านั้นทําให้คนอื่นๆไม่รู้สึกตัว
ด้วยเวลาที่เร็วขึ้น 3 เท่า มันเท่ากับว่าเย่เทียนได้ใช้เวลาทําความเข้าใจเจ็บจํานงค์แห่งดาบไปถึง 6 เดือน
การโกงเช่นนี้มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถทําได้ ในขณะเปิดใช้งานทักษะเร่งเวลาเย่เทียนจําเป็นต้องใช้หินปราณเพื่อทดแทนพลังงานที่สูญเสียไปแต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าคุ้มค่ามาก
“หอคอยเทพสงครามดูเหมือนจะไม่ได้มีอํานาจทุกอย่าง เราสามารถใช้พรสวรรค์เร่งเวลาได้โดยไม่ถูกขัดขวาง แสดงว่ามันไม่ได้ตรวจพบ!”
เย่เทียนคาดเดา
ความเข้าใจในจิตจํานงแห่งดาบของเขามาถึง 8 ส่วนแล้ว และตอนนี้ใกล้ถึงเวลาที่มิติวิหารแห่งแสงจะเปิดขึ้น เย่เทียนจึงออกจากหอคอยเทพสงครามและมุ่งหน้ากลับบ้าน
เมื่อมาถึงบ้านเขาก็ต้องประหลาดใจเพราะพบว่าเสี่ยวเสวี่ยนตื่นแล้ว”เสี่ยวเสวียน ในที่สุดเจ้าก็ตื่นซักที เจ้าหลับไหลไปหลายเดือนแล้ว!”
เย่เทียนลูบหัวเสี่ยวเสวียนและกล่าว
“นายท่าน ข้าพบว่ามีบางอย่างในหัวข้า”เสี่ยวเสวียนพูดอย่างตื่นเต้น
“มันคืออะไร?”
ในอันตราย
เย่เทียนรู้สึกเป็นห่วงเล็กน้อย มันเป็นสัตว์เลี้ยงของเขา แน่นอนว่าเขาไม่ต้องการให้มันตกอยู่
“ดูเหมือนว่ามันเป็นจะเป็นมรดกความทรงจํา มันเหมือนกับเทคนิคการบ่มเพาะแต่ค่าก็ยังต้องใช้เวลาเพื่อทําความเข้าใจความหมายของมัน”เสี่ยวเสวียนกล่าว
“อะไรนะ!
เย่เทียนเบิกตากว้างและจ้องเขม็งไปที่เสี่ยวเสวียนไม่นานเขาเข้าใจ
นี่คือมรดกความทรงจําของเผ่ามังกรโลหิตสงคราม มรดกความทรงจํานี้จะถูกปลุกให้ตื่นทุก
ครั้งที่เติบโตขึ้น ซึ่งมันจะทําให้มังกรโลหิตค่อยๆแข็งแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
น่าเสียดายที่เพาะพันธุ์มังกรโลหิตมีกฎและข้อบังคับที่เคร่งครัด แม้ว่าเสี่ยวเสวียนจะได้รับ
มรดกความทรงจําเกี่ยวกับเทคนิคการปกครองมา แต่มันก็ไม่สามารถบอกกล่าวกับใครได้ซึ่งมัน
คล้ายคลึงกับการสาบาน
ในเมื่อมันเป็นเช่นนี้ เย่เทียนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยให้เสี่ยวเสวียนพยายามฝึกฝนอย่างหนักในตัวมันเอง อย่างไรก็ตามเมื่อเสี่ยวเสวียนสามารถทําความเข้าใจความลึกลับของพรสวรรค์ได้ เย่เทียนก็สามารถคัดลอกพรสวรรค์ของมันได้อย่างง่ายได้เขาจึงไม่ได้อิจฉาเสี่ยวเสวียนเลยแม้แต่น้อย
“เสี่ยวเสวียน เจ้าเป็นคลังสมบัติของข้าจริงๆ!”
เย่เทียนมองไปที่เสี่ยวเสวียนลอบคิดในใจ
เสี่ยวเสวียน ที่น่าสงสารไม่รู้เลยว่าเจ้านายไร้ยางอายของมัน เห็นมันเป็นคลังสมบัติพรสวรรค์ไปแล้ว
“เสี่ยวเสวียน ข้ากําลังจะออกเดินทางไปยังพื้นที่แห่งหนึ่ง เจ้าควรตั้งใจฝึกฝนในห้องบ่มเพาะระดับสูงของข้าตอนนี้เจ้าอ่อนแอเกินไปนายท่านของเจ้าสามารถใช้นิ้วเดียวสังหารเจ้าได้ ”
เย่เทียนกล่าวกดดันเสียวเสวียนทันที
“ฮีม นายท่าน เมื่อท่านกลับมา ข้าจะต้องแข็งแกร่งกว่าท่านแน่!”
เสี่ยวเสวียน เปล่ายังไม่พอใจ มันเพิ่งได้รับมรดกอันแข็งแกร่งของเผ่ามังกรมาจึงทําให้มันมั่นใจในตัวเองพอสมควร
แต่เสี่ยวเสวียนน้อยผู้น่าสงสารไม่รู้เลยว่าไม่ว่ามันจะแข็งแกร่งขึ้นแค่ไหนมันก็ไม่สามารถเอาชนะเจ้านายของมันได้เพราะเย่เทียนสามารถคัดลอกพรสวรรค์ทั้งหมดของมันแล้วมันจะเอา
ชนะเย่เทียนได้อย่างไร?