“เจ้าหนุ่ม ในที่สุดเจ้าก็ยอมให้พวกข้าจับจนได้”

ร่างคนชุดขาวหลายร่างวิ่งพรวดเข้าไปตรงหน้ามู่เฉียนซี ใช้พลังวิญญาณลงมือกับนางทันที

— ตูม!  ตูม!  ตูม! —

ชิงอิ่งใช้ร่างของตัวเองเข้าต้านเอาไว้ อีกทั้งการโจมตีเหล่านั้นก็ตกใส่ร่างของจระเข้สีดำตัวนั้นที่กำลังไล่ตามมา

จระเข้ตัวมหึมานี้ การที่มันถูกพลังวิญญาณของจักรพรรดิแห่งภูตระดับสูงโจมตีเข้านั้นเจ็บปวดเป็นอย่างมาก ความโกรธของมันยิ่งทวีเพิ่มขึ้นหลายเท่า

“โฮกกกก!”

ดวงตาของจระเข้แดงก่ำด้วยความโกรธขึ้ง มันคิดว่าเหล่าคนชุดขาวพวกนั้นเป็นพวกเดียวกับมนุษย์ไร้ยางอายอย่างมู่เฉียนซีที่ขโมยของของมัน มันพุ่งเข้าไปอย่างบ้าคลั่งไม่สนใจสิ่งใด

คนเหล่านี้ถูกจระเข้ดำโจมตี พวกเขาแสนจะแปลกใจ เหตุใดจระเข้ตัวนี้ถึงได้ช่วยเจ้าเด็กบ้านั่นกัน ?

พวกเขากล่าวด้วยความงงงวย “เด็กนั่นมันช่างประหลาดยิ่งนัก ทำพันธสัญญากับสัตว์ศักดิ์ก็ว่าแปลกแล้ว ยังจะควบคุมจระเข้ตัวมหึมาเช่นนี้ได้อีก พวกเจ้ารับมือกับจระเข้คลั่งนี้ไว้ ข้าจะไปจัดการกับเจ้าเด็กหนุ่มบัดซบนั่น!”

เมื่อเห็นว่าศัตรูกำลังจะเข้าใกล้นายท่านของตนเองเช่นนี้ กรงเล็บแหลมคมของอู๋ตี๋ข่วนศัตรูอย่างไม่มีความเกรงกลัวแม้แต่น้อย

“เจ้าพวกสารเลวคิดจะทำร้ายนายท่านของข้ารึ ? ฝันไปเถอะ!”

— ปัง! —

อู๋ตี๋และเสี่ยวหงเป็นกองทัพหน้า ส่วนชิงอิ่งนั้นคอยปกป้องมู่เฉียนซีอยู่ด้านหน้านางตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้

มู่เฉียนซีกล่าว “ชิงอิ่ง ถ่วงเวลาไว้ให้ข้าครู่หนึ่ง ข้าจะไปเตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ให้พวกมันสักหน่อย”

“ได้!”

ในที่สุดผลหมื่นพิษที่เก็บเอามาเมื่อครู่ก็ได้นำออกมาใช้ประโยชน์แล้ว

มู่เฉียนซีใช้ความเร็วที่สุดในการทำผลหมื่นพิษสามกลีบนั้นให้เป็นผุยผง จากนั้นก็ใช้ยาพิษอื่น ๆ ผสมเข้าด้วยกัน

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเชียวชาญเรื่องหยูกยาหลายแขนง ต่อให้พวกเขามีพลังวิญญาณจักรพรรดิระดับสูง สิ่งนี้ก็สามารถทำให้พวกเขาหนังหลุดได้

มู่เฉียนซีส่งผงพิษนั้นให้กับชิงอิ่งพลางกล่าว “ชิงอิ่ง ลงมือได้”

ร่างสีเขียวพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า จากนั้นภายใต้หมอกพิษสีดำนี้ก็มีผงระเหยออกมาด้วย

— ตูม! —

— ปัง!  ปัง! —

กลุ่มคนชุดขาวที่กำลังต่อสู้อยู่นั้นรู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง และในขณะที่อีกคนหนึ่งกำลังจะเข้ามาสังหารมู่เฉียนซี ทันใดนั้น…

“พรวด!” เขากระอักเลือดออกมาคำโต

พลังวิญญาณในร่างของเขาเริ่มแปรปรวน เงาร่างร่างหนึ่งเข้ามาใกล้ จากนั้นเข็มยาก็ปักจมลงที่คอเขาทันที

“เจ้า… เจ้ากล้าวางยาพิษพวกข้าอีกแล้วรึ ?!”

สำนักของพวกเขาเป็นสำนักที่เชี่ยวชาญในเรื่องการปรุงยาอย่างยิ่ง ทุกคนล้วนแต่เป็นยอดฝีมือในการปรุงยา ผู้ที่มีความสามารถเป็นนักปรุงยาระดับสูงเท่านั้นถึงจะเข้าสำนักของพวกเขาได้ ใครเลยจะคาดคิดแม้เพียงสักนิดว่าวันนี้จะถูกเจ้าเด็กหนุ่มอายุน้อยผู้นี้เอายาพิษเข้าเล่นงานได้เสียดื้อ ๆ

ใบหน้าเขาบิดเบี้ยวเหยเกด้วยความเจ็บปวด ตายไปด้วยความอาฆาตแค้น

“ศิษย์น้องแปด!”

สหายคู่หูถูกสังหารลงด้วยยาพิษอย่างไร้ความปรานี สีหน้าของพวกเขาแปรเปลี่ยนกลายไปเป็นโกรธอย่างหนักในฉับพลัน

“โอ้กกกก!”

พวกเขาแต่ละคนอ้าปากอาเจียนออกมาเป็นเลือดดำ ใบหน้าของศิษย์พี่รองเปลี่ยนไปย่างเห็นได้ชัด เขากล่าวขึ้น “พิษที่บึงหมื่นพิษได้แปรผันแล้ว พวกเราไม่อาจต้านทานเอาไว้ได้อีก รีบถอยเร็วเข้า”

พวกเขารีบอพยพออกไปจากสถานที่แห่งนี้ ทว่าทันใดนั้นร่างขนปุยสีขาวสว่างวาบขึ้น เคลื่อนไหวพุ่งไปข่วนพวกเขาอย่างไม่เกรงใจด้วยกรงเล็บอันแหลมคม

“ฮ่า! กล้ามาทำร้ายนายท่านของข้า อีกทั้งพวกเจ้ายังกล้าไล่ฆ่านายท่านของข้า วันนี้ข้าจัดการไปคนหนึ่งก่อนให้พวกเจ้าดูเป็นตัวอย่าง”

กรงเล็บที่แหลมคมของเจ้าแมวอู๋ตี้ได้จัดการคนผู้หนึ่งลงไปอย่างไร้ทางหนี อู๋ตี๋ได้รับชัยชนะในการต่อสู้ครั้งนี้ และแน่นอนว่าเสี่ยวหงไม่ยอมให้อู๋ตี๋ได้ความดีความชอบไปเพียงผู้เดียว

เปลวไฟสีแดงเข้มพุ่งออกมา ประหนึ่งเข้าไปกลืนกินคนชุดขาวคนหนึ่งเอาไว้

“อ๊าก!”

เขากรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เขาที่ตอนนี้ไม่สามารถใช้พลังวิญญาณได้ ทำได้เพียงแค่เฝ้าดูร่างของตนเองถูกเปลวไฟอันน่าสะพรึงกลัวของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์แผดเผาสิ้นไป

ส่วนชิงอิ่ง เวลานี้เขาก็ได้ลงมือเก็บกวาดศัตรูอย่างสะอาดหมดจดราวกับพญายมที่ปรากฏตัวด้านหลังศัตรูเพื่อเก็บงานทุกอย่าง เขายกมือ บีบคอฆ่าสังหารบุรุษชุดขาวผู้นั้นอย่างเหี้ยมโหด

— ปัง! —

กลุ่มคนชุดขาวที่เหลือนั้นรีบวิ่งหนีไปยังที่ที่ปลอดภัยและรีบฉวยเอายาวิเศษออกมาเพื่อควบคุมพิษ

“บัดซบ!” เมื่อเห็นสหายทั้งสี่หาวิธีแก้ได้แล้ว พวกเขาก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมา

การที่มาหาม้วนไม้ไผ่โบราณในแคว้นเล็ก ๆ เช่นนี้ของเซี่ยโจวนั้น เดิมทีพวกเขาคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องง่าย ๆ มาครู่เดียวก็กลับได้  พวกเขาคิดกันว่าถึงอย่างไรแล้วพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดในเซี่ยโจวก็คือผู้ที่มีพลังวิญญาณจักรพรรดิระดับเก้าเท่านั้น

พวกเขานึกไม่ถึงแม้เพียงนิดว่าการรับมือกับปรมาจารย์ภูตอย่างเจ้าเด็กหนุ่มนี่จะยากเย็นได้ถึงเพียงนี้

มู่เฉียนซีกล่าว “ชิงอิ่ง เรารีบไปกันเถอะ ตามไปเล่นกับพวกมันสักหน่อย”

พิษในบึงหมื่นพิษแห่งนี้ไม่ได้มีผลอะไรกับนางแล้ว แต่สิ่งที่มีผลกระทบกับนางนั่นก็คือพวกคนกลุ่มนี้ต่างหาก ด้วยโอกาสประจวบเหมาะเช่นนี้ นางจึงต้องการฝังกลุ่มคนชุดขาวที่ตามรังควานนี้ไว้ในบึงหมื่นพิษแห่งนี้

คนเหล่านี้รู้ว่านางมีม้วนไม้ไผ่โบราณที่เป็นเบาะแสของหม้อเทพนิรันดร์อยู่ในมือ หากไม่จัดการกับคนพวกนี้ให้สิ้นซาก มีหวังคนพวกนี้ต้องตามไปถึงจวนตระกูลมู่เป็นแน่

นางกับชิงอิ่งสองคนรับมือกับคนเหล่านี้ และยังหาทางรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด

ทว่าท่านอาเล็กกับตระกูลมู่ หากต้องรับมือกับจักรพรรดิแห่งภูตระดับสูงสุดอย่างคนเหล่านี้ มีหวังตระกูลมู่คงจะถูกทำลายล้างเป็นแน่

— ปัง!  ปัง!  ปัง! —

ในส่วนลึกของบึงหมื่นพิษนั้น เมื่อได้เจอกับกลุ่มพิษที่รุนแรง พวกเขาพลันวิ่งเข้าไปทันที เวลานี้เจอกับพิษเล็กน้อยก็ต้องเข้าไปเผชิญและออกแรงสักหน่อย เพื่อรักษาความแข็งแกร่งให้อยู่ในระดับที่คงที่ให้ได้

ความแข็งแกร่งของศัตรูที่ไล่ตามมานั้นอยู่ในระดับที่สูงยิ่งนัก กอปรกับยังมียาวิญญาณติดตัวอีกจำนวนมาก ยาพิษเหล่านั้นหากไม่เข้าสู่ร่างกายจริง ๆ ก็ไม่สามารถทำให้พวกเขาตายได้ แต่ถ้าหากพลังวิญญาณกลับคืนมา พวกเขาต้องไล่ตามมาอีกครั้ง

ทั่วทุกทิศทางมีพลังระดับจักรพรรดิแห่งภูตปิดกั้นอยู่ และเบื้องหน้าในตอนนี้ก็เป็นทะเลสาบสีดำสนิทที่เต็มไปด้วยพิษล้นเปี่ยม

มู่เฉียนซีกล่าวถามขึ้นว่า… “ชิงอิ่ง พวกเราจะเข้าไปหลบในทะเลสาบนั่น เจ้ากลัวหรือไม่ ?”

ชิงอิ่งไม่ได้ตอบคำถามของมู่เฉียนซีแต่อย่างใด นางจึงยิ้มอย่างจนปัญญาและกล่าวต่ออีกว่า “ข้าลืมไป ชิงอิ่ง คนอย่างเจ้าไม่เคยรู้จักคำว่ากลัวมาก่อนใช่ไหมเล่า ?”

มู่เฉียนซีรู้ดีว่าชิงอิ่งแตกต่างจากหุ่นเชิดรบสำหรับต่อสู้ทั่ว ๆ ไปโดยสิ้นเชิง อย่างน้อยชิงอิ่งผู้นี้ก็รู้จักเป็นห่วงนาง แต่อารมณ์และความรู้สึกหวาดกลัวนั้น เขาไม่มีแน่นอน

มู่เฉียนซีเอาน้ำจากทะเลสาบนั้นออกมา น้ำเป็นพิษจริง ๆ

แต่ถึงอย่างไรพิษที่หนักหนากว่านี้นางก็เคยจัดการได้สำเร็จมาแล้ว นี่เป็นเพียงกิ่งก้านของพิษในบึงหมื่นพิษเท่านั้น นางจัดการได้อย่างแน่นอน

นางนำเอาหม้อเทพปาฮวางชิงมู่ออกมาจากมิติเก็บของ และยังนำยาจำนวนหนึ่งออกมาด้วย จากนั้นก็ปรุงยาออกมาเต็มหม้อ

มู่เฉียนซียกมือพลางกล่าว “ชิงอิ่ง ข้ารู้ว่าพิษทำอะไรเจ้าไม่ได้ แต่เพื่อเป็นการป้องกัน ยานี่เจ้าก็ควรใช้ด้วยเพื่อความปลอดภัย”

มู่เฉียนซีกวัดแกว่งมือไปมา ยาในหม้อเทพจำนวนครึ่งหนึ่งสาดเข้าใส่ร่างของชิงอิ่งเต็ม ๆ  สภาพชิงอิ่งในเวลานี้ราวกับลูกสุนัขตกน้ำก็มิปาน

จากนั้นร่างของนางก็ถูกราดด้วยยานี้เช่นกัน นางดึงร่างชิงอิ่งพลางกล่าว “ชิงอิ่ง กระโดดลงไปกันเถอะ”

— ตูม!  ตูม!–

เสียงตกน้ำดังขึ้นสองครั้ง ทั้งสองได้กระโดดลงไปในทะเลสาบนี้แล้ว

ปลาเขี้ยวคมในทะเลสาบแห่งนี้ต้องการตามล่ามนุษย์ทั้งสองที่บุกเข้ามาในดินแดนของพวกมัน แต่เมื่อได้กลิ่นหอมยาที่แพร่กระจายมาจากร่างของทั้งสอง พวกมันก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปใกล้

ในตอนนี้เอง กลุ่มคนชุดขาวเหล่านั้นตามมาจนถึงที่ทะเลสาบแห่งนี้ พวกเขากวาดสายตามองไปบริเวณรอบ ๆ นอกจากทะเลสาบพิษนี่ก็ไม่มีสิ่งอื่นใดเลย

“กลิ่นของพวกมันหายไปจากจุดนี้ พวกมันหายไปไหนเสียแล้ว”

“ศิษย์พี่รอง พวกมันคงจะไม่ลงไปซ่อนในทะเลสาบแห่งนี้หรอกใช่หรือไม่ ?”

“ไม่มีทาง! ทะเลสาบแห่งนี้เต็มไปด้วยพิษร้ายแรง หากกระโดดลงไปโดนพิษมีแต่ตายกับตาย แม้แต่ซากก็คงจะไม่เหลือ เด็กหนุ่มนั่นเขาคงจะรู้ดี”

ศิษย์พี่รองผู้นั้นกล่าวว่า “หาดูบริเวณรอบ ๆ ให้ดี ดูว่ามีที่ใดที่มันพอจะหลบซ่อนได้บ้าง!”

ต่อให้ลงไปหลบซ่อนในทะเลสาบนี้จริง ๆ  พวกเขาเหล่าคนชุดขาวก็ไม่มีทางที่จะเสี่ยงชีวิตลงไปตามหาแน่นอน ดังนั้นจึงทำได้เพียงตามหาบริเวณรอบ ๆ เท่านั้น

“ขอรับศิษย์พี่รอง!”

ภายในทะเลสาบที่มืดสนิทราวกับท้องฟ้ายามรัตติกาล ไม่มีแสงสว่างใด ๆ

ชิงอิ่งจับมู่เฉียนซีเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยเพื่อไม่ให้พรากจากกัน ทั้งสองจมดิ่งลึกลงไป และในทันใดนั้นเอง มีแสงสีม่วงสว่างวาบผ่านดวงตาของมู่เฉียนซี นางผงะไปครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างอยู่ตรงนั้น

.